ดีลลับ คสช.-บิ๊กตู่กับก๊วนชลบุรี-กำนันเป๊าะสำเร็จ ได้ทั้งพี่และน้อง "สนธยา-อิทธิพล" ร่วมทีม "ประยุทธ์" แจงตั้ง หน.พลังชลเป็นที่ปรึกษานายกฯ เพื่อมาเป็นกุนซือการเมือง เจ้าตัวบอกดีใจ แต่มาเพื่อขับเคลื่อนอีอีซี ปชป.จวกตกเขียวการเมือง "อุตตม" แบะท่านั่งหัวหน้าพลังประชารัฐ หลังคุยกับ "สมคิด-สนธิรัตน์" บอกอยู่ขั้นเตรียมการ ก๊วนเพื่อไทยนัดดูใจ "สะสมทรัพย์" หลังลือย้ายพรรค
มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา สร้างเสียงฮือฮาทางการเมืองไม่น้อย เมื่อที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งสองพี่น้องตระกูล "คุณปลื้ม" คือ นายสนธยาและนายอิทธิพล คุณปลื้ม สองแกนนำพรรคพลังชล บุตรชายนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ "กำนันเป๊าะ" ผู้กว้างขวางภาคตะวันออก มาร่วมงานกับรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) หลังก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวออกมาตลอดว่า แกนนำเครือข่าย คสช.และแกนนำรัฐบาลอยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อตั้งพรรคการเมือง โดยจะมีการดึงนักการเมืองกลุ่มต่างๆ มาร่วมงาน โดยเฉพาะนักการเมืองภาคกลาง-ตะวันออก รวมถึงแกนนำ คสช.อยู่ระหว่างการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อเป็นพันธมิตรการเมือง ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่าย คสช.หลังการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่าดีลดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะมีทีมงานการเมืองของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการแล้ว ยังมีนายทหารยศพลเอก 2 คน คอยร่วมดีลดังกล่าวด้วย ซึ่งพลเอกคนแรกเป็นเพื่อนสนิทกับ พล.อ.ประยุทธ์ ปัจจุบันเกษียณแล้ว และมีตำแหน่งในรัฐบาล ขณะที่พลเอกอีกคนพบว่ามีบทบาทสูงในกองทัพและในยุค คสช. และปัจจุบันกำลังลุ้นตำแหน่งใหญ่ในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงในเดือนกันยายนนี้ โดยพลเอกคนหลัง มีข่าวว่ามีการเดินสายพบปะนักการเมืองหลายกลุ่ม แม้แต่กับแกนนำพรรคเพื่อไทย นายทุนพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยบางคนก็เคยเดินสายไปพูดคุยการเมืองมาแล้ว เพื่อสอบถามท่าทีทางการเมือง
โดย พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติแต่งตั้งนายนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ตามที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเสนอ และตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นที่ผู้ช่วย รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ตามที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และนายสันติ กีระนันทน์ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นการแต่งตั้งตามขั้นตอน ได้อนุมัติในฐานะหัวหน้าคณะรัฐมนตรี ให้นำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ก่อนมีมติออกมา ฉะนั้นคนเสนอคือเจ้ากระทรวงและรองนายกฯ ที่เสนอขึ้นมา เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วผ่าน ไม่ติดอะไรต่างๆ ครม.ก็อนุมัติ
เมื่อถามว่า คุณสมบัติอะไรที่เหมาะสมจึงทำให้มีการแต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อเอาอะไรมาวัดว่าเหมาะสม-ไม่เหมาะสม สื่อเป็นผู้ประเมินผลหรือไม่
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า จะให้นายสนธยาเป็นที่ปรึกษานายกฯ เรื่องการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินก็มี จะฟังเขาว่าเห็นอย่างไร
"ผมจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้เขามาบ้าง เพื่อมาทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเอาคนนี้มาเพื่อประโยชน์อะไรของตนเอง มันไม่ใช่ วันนี้กำลังจะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น ก็ต้องมีคนที่รู้เรื่องเหล่านี้มาให้คำปรึกษาว่าเป็นอย่างไร เพราะผมก็ไม่รู้ว่าการเมืองมันทำกันมาอย่างไร ดังนั้นจึงต้องรู้บ้าง" พล.อ.ประยุทธ์แจง
อ้างตั้งมาเป็นกุนซือการเมือง
เมื่อถามว่า นายสนธยาจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้ ต้องไปถามนายสนธยา เขาจะลาออกหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ อย่าเพิ่งคิดอะไรล่วงหน้านานไป ถ้าคิดไปนู้นก็ไม่ต้องทำตรงนี้ ก็หยุดอยู่ที่เดิมไม่ต้องทำอะไรหรือตั้งใครทั้งสิ้น ใครจะว่างตรงไหนก็ว่างไป จะเป็นปลัดกระทรวง อธิบดีก็ช่างมัน”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการตั้งนายอิทธิพลมาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีด้วยว่า เจ้ากระทรวงเป็นผู้เสนอ ตนบอกว่าตนไม่รังเกียจนักการเมือง ไม่รังเกียจใครทั้งสิ้น แต่ต้องพิจารณาใครเหมาะสม
เมื่อถามว่า เป็นการสะท้อนอนาคตพรรคพลังชลที่จะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “รัฐบาลใคร ยังไม่ตั้งรัฐบาลเลย”
หัวหน้า คสช.ยังกล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้นัดตีกอล์ฟกันที่สนามกอล์ฟของตระกูลสะสมทรัพย์ คือสนามนิกันติ จ.นครปฐม ที่เป็นสนามเดียวกับที่มีภาพถ่ายของ พล.อ.ประยุทธ์กับพี่น้องสะสมทรัพย์ว่า กรณีนี้จะผิดคำสั่ง คสช.หรือไม่ ไม่ทราบ กำลังตรวจสอบอยู่ โดยเฉพาะคนที่ไปเดินเคลื่อนไหวพบปะประชาชนต่างๆ ตอนนี้กำลังดูว่าผิดคำสั่งอะไรหรือไม่ เพราะคำสั่งเขียนไว้ชัดเจนว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ ขอให้ระมัดระวัง อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องแกนนำเพื่อไทยนัดตีกอล์ฟกันที่สนามกอล์ฟตระกูลสะสมทรัพย์ เรื่องนี้นายอนุชา สะสมทรัพย์ น้องชายนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ แกนนำเพื่อไทยภาคกลางกล่าวว่า คงเป็นแค่การนัดหาสนามกอล์ฟตีกันตามปกติ มาคราวนี้เลยนัดกันมาที่สนามนิกันติ คงไม่ได้มีเรื่องการเมืองอะไรมากมาย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่ากลุ่มสะสมทรัพย์ โดยการนำของนายไชยาและนายเผดิมชัย ได้รับการติดต่อทาบทามจากนายทหารระดับสูงบางคนให้ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย เพื่อไปอยู่กับพรรคการเมืองที่เครือข่าย คสช.จะตั้งขึ้น โดยจะให้คอยดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคกลาง จนทำให้มีข่าวว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย พยายามคุยกับกลุ่มสะสมทรัพย์ และมีการนัดไปตีกอล์ฟที่สนามนิกันติดังกล่าว เพื่อดูใจตระกูลสะสมทรัพย์
ขณะที่นายสนธยา คุณปลื้ม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังชล ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะขับเคลื่อนในเรื่องของอีอีซี นโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ภาครัฐใช้ดึงดูดการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อใช้ขับเคลื่อนประเทศ นโยบายดังกล่าวเป็นการกำหนดบทบาทและหน้าที่ของภาครัฐและกรอบในการพัฒนาพื้นที่นำร่อง 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นฐานอุตสาหกรรมการผลิตที่สำคัญของประเทศในปัจจุบัน เพื่อสร้างแรงดึงดูดระลอกใหม่ให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งแบ่งเป็น 5 อุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือกลุ่มอุตสาหกรรม New S-curve ซึ่งจะสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป
ลูกกำนันเป๊าะดีใจได้ใกล้ชิดบิ๊กตู่
"ที่รับตำแหน่งดังกล่าว เพราะคิดว่าตำแหน่งนี้จะทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ สิ่งที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อผลักดันโครงการอีอีซี เพราะผมอยู่ตรงนี้ทุกวันนี้ก็ทำงานประสานการพัฒนาพื้นที่อีอีซีอยู่แล้ว เมื่อรัฐบาลคิดว่าเป็นคนในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนเข้ามาจะเป็นคนประสานภาคพื้นที่กับส่วนกลางในระดับนโยบาย ก็จะทำให้การพัฒนาสมบูรณ์มากขึ้น คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นโอกาสทำงานให้บ้านเมืองได้ จึงตอบรับไป" นายสนธยากล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การรับตำแหน่งดังกล่าวเป็นการปูทางร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในอนาคตหรือไม่ นายสนธยากล่าวว่า ไม่ได้คิดเรื่องนี้ การรับตำแหน่งดังกล่าวเพื่อขับเคลื่อนอีอีซี ถึงอย่างไรก็เป็นบ้านเรา เราทำงาน พรรคพลังชลเป็นพรรคท้องถิ่นอยู่แล้ว ทำงานเพื่อท้องถิ่น และได้มีโอกาสทำงานโดยตรงกับรัฐบาล ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เขาให้เราทำงานให้กับบ้านเมือง เมื่อมีโอกาสทำงานให้บ้านเมืองต้องรับ เวลานี้เป็นหัวหน้าพรรคพลังชล และยืนยันสมาชิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พรรคเราดำเนินการตามปกติตามกฎหมาย ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ส่วนนายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ที่ปรึกษาพรรคพลังชล กล่าวว่า บุคลากรของพรรคที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และเคยดำรงตำแหน่งเป็นถึงรัฐมนตรีประจำกระทรวง และเป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาพื้นที่เข้าไปช่วยงานของรัฐบาล ทั้งการให้ข้อมูลที่ถูกทางและเหมาะสมต่อการพัฒนาในด้านต่างๆ ต่อไป
"วันนี้เมื่อเราสามารถช่วยงานของรัฐบาลได้ ถือเป็นโอกาสที่ดี ซึ่งคุณสนธยาหรือคุณอิทธิพลเองถือเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการพัฒนาด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ดังนั้นเชื่อว่าจะสะท้อนความเห็นในด้านที่เป็นประโยชน์ได้ และประเด็นสำคัญที่อาจต้องผลักดันต่อไปคือ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ, การท่องเที่ยว รวมไปถึงการปฏิรูปที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พัฒนาและปฏิรูปได้จริง" นายสันตศักย์กล่าว
เมื่อถามถึงการถูกดึงตัวไปช่วยงานรัฐบาล หมายถึงการยอมให้พรรคพลังชลรวมกับพรรคของรัฐบาลในอนาคตใช่หรือไม่ นายสันตศักย์กล่าวว่า เรื่องการเมืองยังตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต และหากจะมีโอกาสดังกล่าวมาถึง ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและความเหมาะสม ขณะที่การเคลื่อนไหวของพรรคต่อการยืนยันสมาชิกพรรค ล่าสุดยังอยู่ระหว่างดำเนินการ และยังไม่พบปัญหาหรืออุปสรรคใด
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแต่งตั้งตระกูลคุณปลื้มมีตำแหน่งในรัฐบาล ในที่สุดก็เป็นไปตามคำพูดที่ตนนำมาเปิดเผยไว้ก่อนแล้วทุกประการ เชื่อว่าพรรคพลังชลก็ต้องหนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยหน้าอย่างแน่นอน โดยจะมีอดีต ส.ส.จังหวัดต่างๆ ทยอยเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งเทกระโถนต่างๆ เป็นจำนวนมากก่อนการเลือกตั้ง เพื่อเป็นการผูกมัดนักการเมืองเหล่านี้ให้หนุนพรรคทหารก่อนการเลือกตั้ง ไม่แตกต่างอะไรกับการตกเขียวทางการเมือง
ปชป.จวกตกเขียวการเมือง
"พลเอกประยุทธ์กำลังใช้ความได้เปรียบในฐานะหัวหน้า คสช.ที่มี ม.44 อยู่ในมือ และนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ อย่างไม่มีหิริโอตตัปปะ พรรคทหารที่เขากำลังตั้งกันในทำเนียบรัฐบาลนั้น เขาใช้พลังดูดทั้งอำนาจสารพัดนึก เงินไม่อั้น และข้อต่อรองทางด้านกฎหมายต่างๆ นานา ก็สุดแท้แต่จะจูบปากกันในลักษณะไหนอย่างไร เขาไม่สนใจเรื่องมารยาท ความเหมาะสม ความดีงาม หรือธรรมาภิบาลกันแล้ว หากจะว่าระบอบทักษิณไม่ดี แล้วระบอบประยุทธ์ที่กระทำกับประเทศชาติอยู่ทุกวันนี้ แตกต่างอะไรกับระบอบทักษิณบ้าง หลายเรื่องเลวร้ายกว่าด้วยซ้ำไป ถ้าเรายังมีจิตสำนึกแห่งความเป็นไท และรักความเป็นธรรม เราต้องกล้าบอกรัฐบาลว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด อย่านิ่งเฉย ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เพราะประเทศชาติไม่ได้เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว" นายวัชระกล่าว
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายวัชระ เพชรทอง ออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องการตั้งพรรคทหาร โดยเคยระบุว่า "พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ได้เจรจาทางลับกับนักการเมืองกลุ่มชลบุรี เพื่อขอให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ โดยแลกเปลี่ยนกับเงื่อนไขทางคดีที่บิดาที่เป็นนักโทษในกรมราชทัณฑ์ มีการแลกเปลี่ยนจนเป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต คณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องนี้ว่า วิธีคิดของคณะรัฐประหาร ยามเมื่อต้องการสืบทอดอำนาจไม่เปลี่ยนแปลงจากแบบแผนเดิม เฉกเช่นเดียวกันกับนักรัฐประหารรุ่นพี่ของพวกเขา นั่นคือการนำกลุ่มทุนนักเลือกตั้งระดับจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัดมาเป็นฐานทางการเมืองเพื่อการเลือกตั้งเพื่อสร้างระบอบลูกผสม ที่เรียกว่าระบอบศาสตรา-ธนาธิปไตยขึ้นมา
"นี่มันยุคไทยแลนด์ 4.0 ไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมการกระทำยังซ้ำรอย 1.0 อยู่เลย เมื่อทราบข่าวนี้ ผมคิดว่า แววตาที่ดูถูกและรอยยิ้มที่เหยียดหยามของผู้คนในสังคมคงจะเพิ่มขึ้น" นายพิชายระบุ
ทีมสมคิดรับเรื่องพรรคกำลังเตรียมการ
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม คนสนิทนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการรับเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า "ส่วนตัวมีความคิดว่าถ้ามีโอกาสได้ทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป ก็มีความสนใจ โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการพิจารณาหารือ ได้พูดคุยกับผู้ที่อาจจะมีความเห็นร่วมกันได้ อย่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปใดๆ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการทาบทามกลุ่มก้อนทางการเมืองมาร่วมด้วยหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า ยังไม่ถึงเวลา แต่ถ้าถามว่ามีการคุยกันในเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่ อันนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเรื่องที่จะมาช่วยประเทศชาติ จึงไม่จำกัด หลายกลุ่มมีความสนใจ แต่การไปพูดคุยเพื่อฟอร์มทีมอะไรนั้น ยังไม่ได้ทำ
ถามย้ำว่า จากการได้หารือกับรองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ มีอะไรที่พยายามผลักดัน นายอุตตมกล่าวว่า ตอนนี้ที่มีการคุยกันอยู่ ถ้ามีโอกาสได้ทำงานต่อ ในห้วงเวลานี้ซึ่งสำคัญมากกับประเทศควรจะทำในเรื่องใดบ้าง และต้องดูว่าคนที่มีความเห็นอุดมการณ์เดียวกันว่าจะทำเรื่องไหน
เมื่อถามว่า ถึงอย่างไรก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปใช่หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “ถ้าถามผม ส่วนตัวผมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าท่านจะทำเรื่องของประเทศชาติต่อไป ท่านมีความเหมาะสม แต่ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะเลือกอย่างไร ต้องไปถามท่าน”
ต่อข้อถามว่า จากที่ได้พูดคุยกันได้ชื่อพรรคหรือจำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “ยังเลย อย่างที่บอกยังไม่ได้ข้อยุติ กำลังเตรียมการ” เมื่อถามย้ำว่า มีแนวโน้มจำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “ต้องหารือ หากกลุ่มคนซึ่งไปด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้ง”
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงการแต่งตั้งนายสกลธี ภัททิยกุล อดีต แกนนำ กปปส. และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. ว่าการปรับตำแหน่งและมอบหมายงานรองผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่นั้น ทำเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้มากกว่าเดิม ซึ่งคนที่ปรับเปลี่ยนออกไป คือ พล.ต.อ.ชินทัต มีศุข เปลี่ยนจากรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.นั้น ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายหรือมีอคติ แต่อยากให้ทำงานหลากหลายขึ้น โดยต้องการทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานเพิ่มมากขึ้น และขอยืนยันว่าไม่มีเหตุผลความขัดแย้งหรือนัยทางการเมือง
เมื่อถามว่า ทำไมต้องเลือกนายสกลธี ภัททิยกุล มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. พล.ต.อ.อัศวินกล่าวว่า ถ้าอยากรู้ว่าทำไมต้องเป็นคนนี้ ต้องไปถามรัฐบาลว่าทำไมรัฐบาลถึงเลือก พล.ต.อ.อัศวินมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เพราะรัฐบาลเองก็มีเหตุผลอยู่ในตัว และผมก็มีเหตุผลอยู่ในตัวว่าทำไมถึงต้องเลือกคนนี้มาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ส่วนที่นายสกลธีมีคดีในชั้นศาล เรื่องนี้ศาลยังไม่ตัดสิน ถือว่าเขายังไม่มีความผิด และถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ หากศาลตัดสินว่ามีความผิด ต้องรับโทษจำคุก คือหมดสภาพจากตำแหน่งทันที แต่ขณะที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย อย่าไปมองว่าถูกฟ้องแล้วจะแต่งตั้งเป็นอะไรไม่ได้
ขณะที่ความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายเอกชัย หงส์กังวาน และนายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ ก่อนเดินทางไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่หน้าบ้านพัก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่เปิดบ้านให้รดน้ำดำหัวว่า สื่อรู้อยู่แล้ว เขาเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง ต้องมองว่าการจะไปรบกวนคนนู้นคนนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นหรือไม่ อยากให้มองสองด้านบ้าง อย่ามองแค่ด้านใดด้านหนึ่ง มันเหมือนเป็นการสนับสนุนให้ทำกิจกรรมสร้างผลกระทบกับคนอื่น รวมถึงการจราจร และการทำงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่สมควรในเวลานี้
“เห็นอยู่แล้วว่าเขาต้องการให้เกิดเหตุ และเกิดภาพความรุนแรงขึ้นเพื่อให้สื่อถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ แล้วสื่อก็มาถามผมแบบนี้ ก็เตือนกันง่ายๆ กลับบ้านไปก็จบ แต่ก็ดิ้นรนไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายคือต้องการให้เกิดภาพ พอไปโรงพักก็ไปพักคอมพิวเตอร์อุปกรณ์สำนักงานสถานีตำรวจ ตรงนี้ทำไมไม่ไปถามเขาดูบ้าง ทำแบบนี้ได้หรือไม่ และเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวลงโทษทางกฎหมายอะไร จริงๆ แล้วต้องลงโทษ หากทำอีกคงต้องลงโทษ เพราะมันไม่ไหว เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น ส่วนที่มองว่าเจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงเกินไปนั้น เป็นไปอย่างที่บอก มีการดิ้นไปดิ้นมา เจ้าหน้าที่จับแขนจับขาก็กลายเป็นรัดคอ เพราะเขาไม่หยุด แล้วจะให้ทำอย่างไร วันหลังให้สื่อไปช่วยกันทำให้เขาหยุด จะได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ให้เจ้าหน้าที่ลองถ่ายภาพดูบ้าง ไปหาวิธีการที่เหมาะสมก็แล้วกัน ถ้ามันแรงไปก็ขอโทษ” นายกฯ กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |