"คลัง" ทำใจหั่นจีดีพีปีนี้โตทรุดติดลบ 8.5% ต่อปี เซ่นพิษโควิด-19 กระทบสาหัส ส่งออกโคม่า -11% ต่อปี ท่องเที่ยวหายวูบ เชื่อผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ปีหน้าเศรษฐกิจโตได้ 4-5% เตรียมถกมหาดไทย-ททท. ยกเครื่องเกณฑ์มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เปิดช่องโรงแรม 1 ดาวเข้าร่วมได้
เมื่อวันพฤหัสบดี นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2563 จะขยายตัว -8.5% ต่ำกว่าที่เคยประมาณการเดิมเมื่อ ม.ค.ที่ 2.8% และต่ำกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 2.4% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในประวัติการณ์ และต่ำกว่าช่วงการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 2541 ที่ขณะนั้นเศรษฐกิจชะลอตัวถึง -7.6% ด้วย
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เครื่องยนต์ทุกตัวชะลอตัวลงทั้งหมด โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนที่จะชะลอตัว -2.6% การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัว -12.6% มูลค่าการส่งออกชะลอตัว -11% การนำเข้าชะลอตัว -14.2%
"เศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 มาแล้ว โดยไตรมาสที่ 2 ติดลบมากกว่า 10% โดยเชื่อว่าจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และดีขึ้นอีกในไตรมาสที่ 4 ได้ โดยคำนวณจากสมมุติฐานจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า 15 ประเทศ - 4.1% ต่ำกว่าปี 2562 ที่ขยายตัว 3.1% แต่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นบ้าง รวมถึงจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายลงบ้าง ก็จะส่งผลดีให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยเพียง 6.8 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยว 3.4 แสนล้านบาท" นายลวรณกล่าว
นายลวรณกล่าวอีกว่า มาตรการเยียวยาและมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศที่รัฐบาลออกมา จะสามารถช่วยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีแรงส่งให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ กระทรวงการคลังยืนยันว่าพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยจะเน้นการบริโภคในประเทศ แต่จะต้องออกในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมไปถึงข้อเสนอของภาคเอกชนที่ต้องการให้ออกมาตรการช้อปช่วยชาติในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ด้วยเช่นกันหากทุกอย่างดีขึ้น
"คาดว่าปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 4-5% และการส่งออกจะกลับเป็นบวกได้ที่ 5% ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวน่าจะเข้ามาอย่างน้อย 15-16 ล้านคนได้ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนในการจ่ายเงินเยียวยาเพิ่มเติม แม้ว่าจะมีเม็ดเงินเยียวยาจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในก้อน 600,000 ล้านบาท เหลืออีกประมาณ 200,000 ล้านบาทก็ตาม ซึ่งเราจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น" นายลวรณกล่าว
นายลวรณเปิดเผยอีกว่า ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ สศค.จะหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับการผ่อนปรนให้โรงแรมเข้ามาร่วมในมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำนวนโรงแรมเข้าโครงการ 6,684 แห่ง ซึ่งควรจะขยายเป็นระดับ 10,000 แห่ง เพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
ทั้งนี้ มีแนวคิดจะปรับเงื่อนไขการให้โรงแรมขนาดเล็กตั้งแต่ 1 ดาวขึ้นไป โฮมสเตย์ โฮสเทล บูทิคโฮเทล ที่มีการชำระภาษีอย่างถูกต้อง แม้จะไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมก็ตาม ให้สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีผู้ประกอบการโรงแรมทั้งหมดที่เข้าข่ายประมาณ 50,000 รายด้วยกัน
สำหรับปัจจุบันมีประชาชนที่เข้าร่วมมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน 4.6 ล้านคน และลงทะเบียนสำเร็จ 4.4 ล้านคน เข้ามาจองโรงแรมแล้ว 285,530 คน จ่ายเงินจองให้โรงแรมแล้ว 282,409 ห้อง เช็กอิน 55,177 ห้อง เช็กเอาต์ 50,605 ห้อง
“เชื่อว่ามาตรการเราเที่ยวด้วยกันเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้ขยายตัวได้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ขยายตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/2563 แต่เงื่อนไขที่เป็นอุปสรรคทั้งประชาชนและผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการได้ยาก ก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ซึ่งจะหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยที่ดูเรื่องเกี่ยวกับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรม ว่าสามารถทำในขอบเขตใดได้บ้าง จากนั้นจะประกาศเงื่อนไขใหม่ เพื่อให้ทันใช้ในช่วงนี้ถึงสิ้นสุดมาตรการในเดือน ต.ค.นี้” นายลวรณกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |