30ก.ค.63-ตามที่คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการศึกษา ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ได้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครู และ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น

นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.) กล่าวว่า ตนมองว่าร่างกฎหมายทั้ง 4 ฉบับไม่สามารถประกาศพร้อมกันได้ เนื่องจากขณะนี้ร่างพ.ร.บ.การศึกษาชาติ พ.ศ.... ที่เป็นกฎหมายหลักของการศึกษายังไม่ได้มีการประกาศใช้ อีกทั้งสนส่วนของพ.ร.บ.สภาครูฯ ที่คณะอนุกรรมาธิการฯ ยกร่างขึ้นมานั้น เนื้อหาส่วนใหญ่นำมาจากพ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา 2546 รวมถึงยังมีการกำหนดเรื่องการฝึกปฏิบัติการสอน จะต้องติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งขัดกับหลักสูตรครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ 4 ปีที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ที่จะให้นักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอนตั้งแต่ชั้นปีที่ 1-3 และในชั้นปีที่ 4 ก็จะฝึกปฏิบัติการสอนเป็นระยะเวลาครึ่งปี เพื่อจะที่ค่อยๆ บ่มเพาะความเป็นครู อีกทั้งเวลาที่ฝึกสอนก็จะครบ 1 ปี ตามเดิม นอกจากนี้ยังมีการกำหนดให้นักพัฒนาการศึกษา เป็นหนึ่งในวิชาชีพครู ส่งผลให้จากนี้ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่นักพัฒนาการศึกษา จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทุกคน ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนที่เรียนจบแล้วจะสามารถมาทำหน้าที่ได้ แต่จะต้องเป็นบุคคลที่ทำงานอยู่ในแวววงการศึกษามามากกว่า 10 ปี จึงจะเห็นภาพการศึกษาและทำหน้าที่เป็นนักพัฒนาการศึกษาได้

“ผมต้องการให้ผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ควรจะมีเพียงครูเท่านั้น เพราะผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา นักศึกษานิเทศก์ ผมมองว่าเป็นเรื่องของประสบการณ์ ไม่ใช่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ปัญหาการศึกษาในปัจจุบันเกิดจากผู้ที่เป็นครูครบ 3 ปี ไปเรียนหลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา เพื่อให้ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา เมื่อมีการเปิดสอบรองผู้อำนวยการโรงเรียนก็สมัครสอบ โดยที่ไม่มีประสบการณ์การบริหาร ดังนั้นผมคิดว่าเราควรผลักดันให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมีเพียงแค่ครูเท่านั้น และใครที่ต้องการจะดำรงตำแหน่งบริหารต่างๆ ก็จะต้องผ่านการเป็นครู”ประธาน กมว.กล่าว