เรียกว่าเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาว์น” อย่างต่อเนื่องสำหรับ กรณีสำนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดสั่งไม่ฟ้อง “วรยุทธ อยู่วิทยา” หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง กรณีขับรถเฟอร์รารีชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิต และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็ไม่แย้งด้วย ซึ่งหลังจากทั้งอัยการสูงสุดและ สตช.ได้ตั้งคณะทำงานมาขุดคุ้ยที่มาที่ไปแล้ว ก็ยังไม่ลดกระแสสังคมทั้งในโลกความจริงและโลกโซเชียลแต่การประการใด ...๐

ทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องงัดยุทธการ “ชักฟืนออกจากกองไฟ” โดยมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 225/2563 แต่งตั้งคณะกรรมการ 10 คนตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ” อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและอดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน ซึ่งถือเป็นการปลดชนวนได้ทางหนึ่ง แต่การทอดระยะเวลามากถึง 30 วัน และต่ออายุออกไปได้ ก็อาจถูกครหาได้เป็นการซื้อเวลาอีกแล้ว เพราะผลของคำสั่งดังกล่าวไม่ได้ใช้บังคับทันที แต่เริ่มในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ...๐

ความร้อนแรงของ “คดีบอส” ต้องบอกว่า ไม่ว่าไปที่ไหนก็มีแต่ขาเมาธ์มอยเรื่องดังกล่าว ดูได้ขนาด “รสนา โตสิตระกูล” อดีต ส.ว. ยังออกโรงมาในเรื่องดังกล่าว ขณะที่ “นพ.แท้จริง ศิริพานิช” เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ก็ได้ออกหนังสือตามบี้ทั้งอัยการและ สตช. และล่าสุดก็ยังส่งเรื่องไปยัง “สิระ เจนจาคะ” ประธาน กมธ.กฎหมายฯ รวมทั้งยังเชิญ “ผศ.พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม” หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มาชี้แจงผลการตรวจสารแปลกปลอมในร่างกายของนายวรยุทธด้วย ...๐

ไม่ใช่มี กมธ.เพียงชุดของ “สิระ” คนเดียวที่จองกฐินคดีบอส ยังมี กมธ.อีกหลายชุดที่ต้องการมีส่วนร่วมเรื่องดังกล่าว งานนี้เลยต้องบอกว่าบรรดา “อัยการ” และ “บิ๊ก สตช.” ทั้งหลายเตรียมชีพจรลงเท้าเข้าชี้แจง กมธ.หลากหลายชุดได้เลย ...๐

ไม่ใช่มีแต่  กมธ.ที่แห่แหนออกมาอย่างเดียว ยังมีการแสดงความคิดเห็นทั้งการให้สัมภาษณ์และการโพสต์เฟซบุ๊ก ซึ่งก็มีหลายคนที่น่าสนใจโดยเฉพาะ “วันชัย สอนศิริ” ส.ว. ที่บอกว่า “หลักคิดง่ายๆ ในเรื่องนี้ถ้าไม่ผิดต้องไม่ผิดตั้งแต่ต้นจนกระทั่งทุกวันนี้ ถ้าผิดก็แปลว่าผิดมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งทุกวันนี้เช่นกัน" พร้อมทั้งระบุอีกว่า “การที่มีความเห็นว่าไม่ผิด สั่งไม่ฟ้อง ยุติคดี มันจึงฝืนความรู้สึกของสังคมอย่างรุนแรง เหมือนตบหน้าคนไทยทั้งประเทศ ทำเหมือนคนไทยไม่ได้กินข้าว ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นคนไทย คุกมีไว้ขังคนจนจริงๆ” เรียกว่าดุเด็ดเผ็ดมันอย่างยิ่ง …๐

งานนี้คงต้อง ลุ้นกันยาวๆ ทั้งในตัวคดีบอสว่าจะมีการพลิกผันอีกหรือไม่อย่างไร รวมถึง “หางเลข” ต่างๆ ที่จะออกมาทั้งในส่วนของอัยการสูงสุด โดยเฉพาะกรณีของนายเนตร นาคสุข อธิบดีอัยการสำนักคดีศาลสูง ขณะรักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุดที่เป็นผู้เซ็นคำสั่งไม่ฟ้อง ส่วนของ สตช.เองก็มีชื่อของ “พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ” ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ลงนามเห็นชอบกับอัยการโดยไม่เห็นแย้ง ...๐

ส่วนที่ไม่ต้องลุ้นคือ อนาคตของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เพราะ “พ่อป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวตอบถึงกรณีข้าราชการตำรวจที่ถูกคำสั่งย้ายขาดจากหน่วยเดิมจะกลับมาสังกัดเดิมได้หรือไม่ว่า "มีตำแหน่งหรือไม่ ถ้ามีก็กลับได้ แต่นี่มันไม่มี" ...๐

ดูเหมือนเป็นการตอกฝาโลงกันเลยทีเดียว แต่เมื่อ “บิ๊กโจ๊ก” เห็น คำสั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในคำสั่ง ตร.ที่ 387/2563 ลงวันที่ 29 ก.ค.2563 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจสำรองราชการ โดยให้ “พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา” รอง ผบ.ตร. สำรองราชการจากกรณีคลิปเสียงยิงถล่มรถบิ๊กโจ๊ก  ซึ่งก็จะทำให้มีตำแหน่งว่างขึ้นมาตามระบบแท่งการแต่งตั้งของสีกากี ซึ่งเรียกว่าเป็นช่องหายใจที่อาจทำให้ “บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็กมาได้ แต่ก็ขึ้นกับว่ากำลังภายในมีมากขนาดไหน เพราะอย่าลืมว่าการห่างหายจากเก้าอี้ในแวดวงตำรวจไปนานเกือบปี อะไรๆ มันก็เปลี่ยนแปลงได้ ...๐

ทิ้งท้ายด้วยข่าวใหญ่ทางการเมืองก็ว่าได้ เมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งอายุ 71 ปีไปหมาดๆ ได้ชี้เลือก “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้ลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคแล้ว ซึ่ง “หญิงหน่อย” ก็ไม่ปฏิเสธ งานนี้เลยต้องลุ้นว่าในระดับพรรคพลังประชารัฐเอย ประชาธิปัตย์เอย พรรคก้าวไกลเอย จะส่ง “บิ๊กเนม” ลงชิงพ่อเมือง กทม. เพราะบอกได้คำเดียวว่าสนามนี้มันส์แน่นอน ...๐

...ท.ศักดิ์