ปมซักฟอก "บอส อยู่วิทยา" ยังไม่เคลียร์ กมธ.กฎหมายฯ เสนอ เรียก ทนายบอส น้องบิ๊กป้อม มาแจง หลังสงสัยเป็นต้นเหตุให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง อดีตผู้กำกับทองหล่อ ย้ำชัดสารเสพติดอยู่ในสำนวน แต่ไม่รู้ไปถึงอัยการกลับหายไป "ปรเมศร์" ตัวแทนอัยการ ขอกลับไปศึกษาสำนวน โดยละเอียด พร้อมกลับมาแจงทุกประเด็น ย้ำหลักการทำงาน อิสระ ไม่มีใครสั่ง "โรม" มั่นใจหลักฐาน ชวเลข สนช.ยังอยู่ครบ พร้อมนัดผู้เกี่ยวข้องนัดประชุมร่วม กมธ. 3 ชุดอีกครั้งในวันที่ 5 ส.ค.นี้
29 ก.ค.63 - เมื่อเวลา 13.40 น.ที่ห้องประชุม 307 รัฐสภาฯ มีการประชุมคณะกรรมาธิการการ (กมธ.) กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หลังจากอัยการและตำรวจสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาอื่นๆ
การประชุมครั้งนี้มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้เชิญ พล.ต.อ.ชนสิษฐ์ รัตนวรางกูร จเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.จารวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และอดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจทองหล่อ พ.ต.อ.สัมพันธ์ เหลืองสัจจกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ นายปรเมศร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี ในฐานะผู้ได้รับมอบหมายจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เข้ามาตรวจสอบสำนวนคดีนายวรยุทธ
สำหรับการเข้ามาชี้แจงครั้งนี้ ไม่เพียงได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน ที่เข้ามารายงานสดผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์เท่านั้น ยังได้รับความสนใจจาก ผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ อาทิ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อดีตนักวิทยาศาสตร์(สบ.1) กลุ่มงานตรวจทางเคมีฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีนี้ เข้ามาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
ในการประชุมช่วงแรก นายสิระ ได้เปิดโอกาสให้กรรมาธิการฯซักถามตำรวจถึงมูลเหตุการณ์ไม่ส่งความเห็นแย้ง หลังจากอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ นายรังสิมันต์ โรม คณะกรรมาธิการฯ ได้ถามพุ่งเป้าไปที่ความสงสัย เนื่องจากทราบมาว่า ทางโรงพยาบาลที่ตรวจสารเสพติดรายงานมาว่ามีสารแปลกปลอมในร่างกายถึง 4 ชนิด ทางตำรวจได้สรุปส่งสำนวนตรงนี้ไปให้ทางอัยการหรือไม่ และเหตุใดอัยการถึงเลื่อนสั่งคดีไปถึง 5 ครั้ง
นายสุทัศน์ เงินหมื่น กรรมาธิการฯ ถามว่า เหตุใดตำรวจจึงไม่แย้งคำสั่งอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว และขอให้กรรมาธิการกฎหมายฯใช้อำนาจเรียกคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาให้ข้อมูลต่อกมธ.ว่า เหตุใดจึงส่งหลักฐานให้อัยการดำเนินการรับคำร้องขอความเป็นธรรมจากนายวรยุทธ ทั้งที่กรรมาธิการชุดดังกล่าวไม่มีอำนาจในการสอบหาพยานหลักฐานใด
นายคมเดช ไชยศิวามงคล กรรมาธิการฯ จากพรรคเพื่อไทย สอบถามว่า เหตุใดตำรวจจึงกลับคำเรื่องความเร็วรถนายวรยุทธ จาก177กม./ชม. แต่ 6 ปีต่อมาเปลี่ยนเป็น 80 กม./ชม. ทั้งที่รถเฟอร์รารี่ ถ้าขับด้วยความเร็ว 80กม./ชม. จะเบรกได้ทันที เหตุใดกลับมีรอยลากยาวไป 160 เมตร แสดงว่า มีการบิดเบือนเรื่องความเร็วจริงหรือไม่ และคณะกรรมาธิการกฎหมายและการยุติธรรม สนช. มีอำนาจอะไรสั่งการให้อัยการพิจารณาประเด็นที่ทนายนายวรยุทธ ร้องขอความเป็นธรรม
พล.ต.ต.ชุมพล ซึ่งขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ กล่าวว่า คดีนี้อยู่ในความสนใจประชาชน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อ 3 ก.ย. 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุรถชน เป็นเหตุให้นายตำรวจเสียชีวิต พอไปถึงรถคู่กรณีไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แต่ได้พบร่องรอยไปตามถนน จึงได้มีการตามรอยไปถึงบ้านผู้ต้องสงสัย ที่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร ขอทำการขอตรวจค้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในขณะนั้น ได้ทำการไปขอตรวจค้นด้วยตนเอง
ต่อมาคนในบ้าน ทราบชื่อในเวลาต่อมา นายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้าน ได้ออกมาพบตำรวจ พร้อมกล่าวอ้างว่า เป็นผู้ขับรถไปชนตำรวจจริง ได้นำตัวไปให้พนักงานสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนรายงานกลับมาว่า นายสุเวช ให้การวกวน ไม่ชัดเจน ไม่น่าจะใช่คนขับ อย่างไรก็ดี หน้าบ้านผู้ต้องหา มีป้อมยาม มีสมุดบันทึกเวลาเข้าออกคนในบ้านเอาไว้ เราจึงได้พบหลักฐานว่า ผู้ต้องหาขับรถเฟอร์รารี่ออกไปในเวลาตี 5 กว่า และขับกลับเข้ามาหลังจากเกิดเหตุไม่นาน จึงสันนิษฐานว่า คนขับรถคือ นายวรยุทธ จึงได้แจ้งข้อหานายวรเวช ในข้อหาแจ้งความเท็จ ต่อพนักงานและส่งฟ้องต่อศาลแขวงพระนครใต้ ศาลได้พิพากษาว่ามีความผิด
ในเวลาต่อมา พนักงานสอบสวนได้ขอหมายค้นบ้านผู้ต้องหา ได้พบ รถเฟอร์รารี่ ทะเบียน 1111 มีสภาพร่องรอยลักษณะไปเฉี่ยวชน รวมทั้งคนในบ้านรับสารภาพ นายบอส เป็นคนขับรถชนจริง ได้นำตัวนายบอสไปยังโรงพัก พอไปถึงโรงพัก ได้ให้ผู้ต้องหาเปิดเสื้อให้ดู เพราะรถขณะชน ทำให้ air bag แตก เราจึงสันนิษฐานว่า นายบอสเป็นคนขับรถจริง
ส่วนนายสุเวช ที่เป็นพ่อบ้านนั้น ตำรวจก็ได้สอบถาม เหตุใดถึงยอมรับแทนนายบอส ทำให้ทราบว่า นายสุเวช มีหน้าที่ติดตามนายบอส เวลาออกไปไหนมาไหน เพราะพ่อผู้ต้องหาเห็นว่านายบอส อยู่ต่างประเทศมานาน กลัวมีปัญหายามนายบอสออกไปไหนมาไหน รวมทั้งนายสุเวช ยอมรับว่า เป็นหนี้บุญคุณพ่อของนายบอส ทำให้ออกมารับผิดแทน โดยไม่ได้ปรึกษาใคร เมื่อดูจากช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ ที่เราไปถึงบ้านในเวลาที่เร็วมาก ทำให้เชื่อว่า คงไม่ได้มีการเตี๊ยมกันไว้ก่อน ทำให้นายสุเวช ได้ออกมาให้การดังกล่าว
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ โรม ยังพยายามสอบถามอีกว่า เหตุใดข้อมูลสารแปลกปลอม ที่เป็นสารเสพติดโคเคน ถึงไม่อยู่ในสำนวนของตำรวจ
พล.ต.ต.ชุมพล ชี้แจงกลับมาว่า ตนมาในฐานะอดีตผู้บัญชาการสถานีตำรวจทองหล่อ ไม่ได้มาในนามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตอบในบางประเด็นที่ตอบได้ ประเด็นที่ได้สอบถามในเรื่องสารแปลกปลอมในร่างกายผู้ต้องหานั้น ได้อยู่ในรายงานการตรวจสารแปลกปลอม ได้รายงานผลตรวจอยู่ในสำนวนการสอบสวนครบถ้วน แต่ที่ไม่มีการสั่งฟ้อง เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ที่ตอนนั้นมีหลายคนและก็มีเหตุผลอยู่ในสำนวน สิ่งที่กรรมาธิการฯสงสัย ปรากฎอยู่ในสำนวนสอบสวนทั้งเรื่องสารแปลกปลอมในร่างกาย ร่องรอยบาดแผลผู้ต้องหา ร่องรอยรถ และความเห็นจากผู้ชำนาญการ เป็นต้น
เมื่อถึงช่วงนี้ ทำให้นายรังสิมันต์โรม ถามกลับมาทันทีว่า ท่านยืนยันใช่หรือไม่ว่า ผลการตรวจสอบที่ทางมหิดลและโรงพยาบาลรามา รายงานมา ได้อยู่ในสำนวนและส่งไปยังอัยการแล้ว ทำให้พล.ต.ต.ชุมพลตอบมาว่า ยืนยัน
นายสุทัศน์ เงินหมื่น หนึ่งในกรรมาธิการฯ ถามเพิ่มเติมว่า ที่อยากรู้ทำไม อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดี และเหตุผลที่ กรรมาธิการกฎหมาย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แจ้งไปยังอัยการ รับฟังได้มากน้อยเพียงไร มีข้อมูลอะไรใหม่ ทำให้ตำรวจไม่โต้แย้งทางคดี
นายสิระ เจนจาคะ ประธานกรรมาธิการกฎหมาย กล่าวขึ้นมาว่า อัยการเป็นองค์กรอิสระ ทำงานอย่างเป็นอิสระหรือไม่ และถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายใดหรือไม่ เลยทำให้วันนี้ดูเหมือนว่า นายบอสไม่ผิดแต่คนตายผิด
นายปรเมศร์ กล่าวว่า หลังจากได้รับมอบหมายให้เข้ามาดูเรื่องนี้ เพิ่งได้อ่านสำนวน ขอสัปดาห์หน้าในการรวบรวมคำถามจากกรรมาธิการ แล้วจะนำกลับมาชี้แจงทุกประเด็น ขอยืนยันว่า ตั้งแต่เป็นอัยการทำงานมานาน ผู้บังคับบัญชาไม่เคยสั่งว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้องใคร และไม่เคยรับคำสั่งนักการเมือง เราทำงานอย่างเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำ เหตุผลที่อัยการสั่งไม่ฟ้องนั้น ขอเป็นสัปดาห์หน้าจะมาตอบทุกคำถาม ที่ตนได้รับแต่งตั้งจากสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เข้ามาดูเรื่องนี้ ที่เข้ามาดู ไม่ได้ทำเพื่อจะปกป้องใคร แต่จะดูว่าเหตุใดที่ไม่สั่งฟ้องคดีนี้มีเหตุผลอะไรรองรับ ไม่ได้สอบเพื่อจะหาคนผิด แต่สอบเพื่อจะตอบคำถามสังคมที่สงสัยให้ได้ ไม่ได้ทำเพื่อปกป้องใคร
พล.ต.ท.ชนสิษฐ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้แม้แต่ตนและผบ.ตร.สงสัย ทำไมไม่สั่งฟ้อง วันนี้หน่วยงานต่างๆตั้งคณะกรรมการสอบสวนถึง 3 ชุด ขอเวลาในการสอบสวนข้อมูลทั้งหมด แล้วจะมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ ในสัปดาห์หน้าพร้อมกับอัยการ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า อยากให้ กมธ. 3 คณะ คือ กรรมาธิการกฎหมายฯ กรรมาธิการศาล องค์กรอิสระ อัยการฯ และกรรมาธิการตำรวจ มาร่วมกันพิจารณาพร้อมกันในวันสัปดาห์หน้า เพื่อจะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงในคราวเดียว โดยที่ประชุม กมธ.กฎหมาย เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว
ในตอนท้ายนายรังสิมันต์ โรม ยังเสนอให้กรรมาธิการทั้ง 3 คณะ พิจารณาเรื่องนี้ทั้งวันในวันที่ 5 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 9.30 น.และขอให้กรรมาธิการกฎหมายฯเรียกเอกสารบันทึกการประชุมของ กมธ.กฎหมาย สนช. พร้อมเรียก พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ อดีตประธานกมธ.กฎหมาย สนช. นายสมัคร เชาวภานันท์ ทนายความนายวรยุทธ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด นายฤชา ไกรฤกษ์ รองอธิบดีอัยการ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะอดีตนายตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดีดังกล่าว นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพะจอมเกล้าพระนครเหนือ ผู้ที่ยืนยันรถนายวรยุทธใช้ความเร็ว 80กม./ชม. ตลอดจนคณะกรรมการ 3 คณะที่ตั้งขึ้นมาสอบสวนตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี อัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาชี้แจงกับ กมธ. 3 ชุดในวันที่ 5 ส.ค.ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ
นายรังสิมันต์ โรม ในฐานะกรรมาธิการกฎหมาย เปิดเผยภายหลังประชุมถึงภาพรวมในการมาชี้แจงของตำรวจว่า เข้าใจว่าอดีตผู้กำกับสน.ทองหล่อ คงมีความอึดอัดพอสมควร ไม่รู้ว่ามีมือที่มองไม่เห็นมายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้หรือไม่ เพราะท่านก็บอกเอง รายงานผลตรวจสารแปลกปลอมได้อยู่ในสำนวนแล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต การเรียกบันทึกการประชุมจาก กรรมาธิการกฎหมาย สนช.มาดูนั้น จะยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่นั้น ตนมองว่า เป็นการบันทึกชวเลข คำต่อคำ ไม่น่าจะมีประเด็นตามที่สงสัย เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าหน้าที่ที่ทำการบันทึก อาจติดคุกได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |