อนุทินผนึกสาธิตโวจะต่อสู้ในครม.เคาะเงินให้อสม.ได้เดือนละ500บาท19เดือน


เพิ่มเพื่อน    

29 ก.ค.2563 -  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้พบปะตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จำนวน 50 คน ที่ขอร้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วยพิจารณา จ่ายค่าตอบแทน ค่าเสี่ยงภัย ที่ได้ร่วมมือควบคุมและป้องกันโรคโควิด-19 ในอัตรา 500 บาทนาน 19 เดือน หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะลดเหลือเพียง 7 เดือน ว่า ตนเอง และ รมช. จะช่วยผลักดันค่าตอบแทนและค่าเสี่ยงภัยของทุกคน เดือนละ 500 บาทนาน 19 เดือนตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในโครงการของพระราชกำหนดเงินกู้ ขอเรียนต่อทุกคนว่าขอให้มีความมั่นใจว่ากระทรวงได้จัดลำดับความสำคัญในวงเงินกู้ 45,000 ล้านบาทที่ได้รับการจัดสรรมาจากสภาพัฒน์เพื่อให้มาทำการยกระดับระบบการสาธารณสุข เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 

นายอนุทินกล่าวอีกว่า ลำดับความสำคัญที่สุดก็คือเรื่องการตอบแทนเป็นค่าเสี่ยงภัยต่อพี่น้อง อสม. ทั่วประเทศทุกคน ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้รับทราบถึงความทุ่มเทเสียสละของทุกคนที่ได้ช่วยเป็นกำลังสำคัญในการดูแลประชาชน เสริมความรู้ความเข้าใจลงพื้นที่ตรวจคัดกรองผู้ป่วย และให้ขวัญกำลังใจไปเป็นเพื่อนไปช่วยดูคนที่ต้องไปควบคุมโรคตามหมู่บ้านต่างๆซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนประจักษ์ชัดว่าพี่น้อง อสม. ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า ประเทศไทยทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่มีโควิดเกิด ไม่รู้ใช้ทฤษฎีอะไรมากำหนดแต่มันเวิร์กมันได้ผล เพราะฝรั่งไม่รู้จักว่า อสม. คืออะไร ของเขาไม่มีมีแค่ประเทศไทยเท่านั้น รวมไปถึงการให้ความร่วมมือกับแพทย์และพยาบาล ซึ่งคนที่ทำให้ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและให้ความเกรงใจและทำหน้าที่อย่างทุ่มเทก็คือ อสม. ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงเห็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดค่าเสี่ยงภัยให้กับทุกคน


"อย่างที่ทุกคนบอกกับผมแล้วว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ดังนั้นเรื่องที่จะไปต่อสู้ให้กับทุกคนก็ขอให้เป็นเรื่องของผมและรัฐมนตรีช่วย ซึ่งพวกเรามีความเต็มใจที่จะทำ เพราะรู้ดีเนื่องจากพวกเราอยู่หน้างานก็ต้องไปอธิบายให้คนที่ไม่เห็นการทำงาน ดังนั้นไม่ต้องกลัว ผมเองก่อนที่จะมาเป็นรัฐมนตรีทรวงสาธารณสุข เมื่อก่อนได้ยินคำว่า อสม. ก็ได้แต่เออออไป แต่พอมีโควิด-19 เห็นเลยว่า อสม.ทุกคนทำงานอย่างไร และ 500 บาท ต่อเดือนคิดแล้วก็วันละ 17 บาทเอง แค่ค่าน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ก็หมดแล้ว ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนเข้าใจและชื่นชม ส.ส. ที่อภิปรายในสภาก็ต่างขึ้นมาสนับสนุนเรื่องค่าตอบแทนของ อสม.  ผมกับ รมช.สธ.ฟังประชาชนที่สะท้อนผ่านมากับผู้แทนราษฎร ก็พูดชัดเจนว่าต้องตอบแทน อสม. ไม่ได้เป็นการเอาใจ จึงได้หารือกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขทุกคน และไม่มีใครกล้าหือกับ อสม. และทำด้วยเหตุด้วยผล ขอให้มั่นใจเพราะอสม. คือหัวใจของกระทรวงสาธารณสุข" นายอนุทิน กล่าว


นายอนุทินกล่าวต่อว่า ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ ทุกคนก็ต้องทำงานต่อไป แต่คิดว่าได้  ขอให้ทำงานอย่าท้อถอย อย่าเอาตรงนี้มาเป็นตัวต่อรอง ว่าถ้าไม่ได้ตรงนี้แล้วจะลดคุณภาพการทำงานเพราะเราเป็น อสม. ขอย้ำเรื่องการเว้นระยะห่างและสวมหน้ากากอนามัย เพราะขณะนี้หลายแห่งเริ่มมีการพบปะสังสรรค์มีการท่องเที่ยว ดังนั้นหน้ากากจึงยังเอาอยู่ ทุกคนต้องใส่กันให้หมดเพื่อเป็นโอกาสป้องกันโรคโควิด-19 ได้

ด้านนายสาธิต กล่าวว่า ขอย้ำว่าเป็นหน้าที่ของตน และรองนายกฯ ที่จะทำเรื่องนี้ โดยเสนอไปตามหลักการและสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของผลงานที่ทุกคนได้ทำมา วันนี้ อสม. ปิดทองหลังพระ และได้โผล่มาที่หน้าพระแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจึงได้จัดลำดับความสำคัญให้ค่าเสี่ยงภัย อสม. เป็นอันดับแรกของกระทรวง และทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้หลักของจิตอาสาซึ่งทุกคนต้องทำงานทำแล้วสำเร็จได้รับความเชื่อมั่นจากคนไทยทุกคน รวมถึงนานาชาติ ส่วนคนอนุมัติคือคณะรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณาตามเหตุและผล  จากนี้เป็นหน้าที่ของตนและรองนายกรัฐมนตรีที่ต้อง ไปนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีเข้าใจ ซึ่งตนมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนทำมาตลอดชีวิตจะส่งต่อไปสู่รุ่นต่อไปเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเล็กน้อย ขอให้ทำหน้าที่ต่อไปไม่ยึดติดการทำงาน ไม่เรียกร้อง แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ขอให้จำไว้ว่าเมื่อไหร่เรียกร้องแล้วไม่ทำงานก็ไม่มีทางที่จะได้อะไร  แต่ถ้าทำงานสำเร็จแล้วผู้รับผิดชอบเขาเห็นผลงาน ก็จะมีขวัญและกำลังใจให้บ้าง  ขอให้ทุกคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ให้คนทั้งประเทศไทยและคนทั้งโลกได้ประจักษ์
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"