29 ก.ค.2563 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก ว่าวันนี้ 29 กรกฎาคม 2563 ติดเพิ่มอีก 231,642 คน ตายเพิ่มอีก 5,943 คน ยอดติดเชื้อรวม 16,843,968 คน พรุ่งนี้จะทะลุ 17 ล้าน อัตราเร็วเฉลี่ย 1 ล้านคนใน 4 วัน
อเมริกา ติดเพิ่ม 63,153 คน รวม 4,488,483 คน ที่น่าเป็นห่วงคือสัญญาณอันตรายจากจำนวนการเสียชีวิตที่มากขึ้น ล่าสุดตายเพิ่ม 1,814 คน บ่งถึง workload ที่ระบบสุขภาพอาจรับภาระไม่ไหวหากไม่รีบควบคุมโรคให้ได้ อเมริกา มีอัตราเร็วเฉลี่ย ติดเพิ่ม 1 ล้านคนใน 15-16 วัน บราซิล ติดเพิ่ม 38,513 คน รวม 2,480,888 คน ดูแนวโน้มเหมือนบราซิลจะค่อยๆ คุมได้ หวังใจว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง อินเดีย ติดเพิ่ม 49,622 คน รวม 1,532,125 คน อัตราเร็วเฉลี่ย 1 ล้านคนใน 20 วัน รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,395 คน รวม 823,515 คน ค่อนข้างน่าแปลกใจที่รัสเซียมียอดการติดเชื้อเพิ่มราวห้าพันกว่ามาตลอดทุกวัน ไม่ค่อยสอดคล้องกับหลักโรคระบาดเท่าใดนัก การที่ตัวเลขคงที่แบบนี้มาตลอดไม่น่าเป็นไปได้ อาจเป็นเพราะปัจจัยเชิงระบบมากกว่า เช่น ข้อจำกัด/ข้อกำหนดของการรายงาน ลักษณะและจำนวนการตรวจ กลวิธีในการจัดการควบคุมป้องกันโรค ฯลฯ เอาใจช่วยให้เค้าควบคุมได้โดยเร็ว
เม็กซิโก สเปน อิหร่าน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ยังคงติดกันหลักพันถึงหลายพัน ปากีสถานวันนี้ต่ำกว่าพันมานิดหน่อย กลุ่มประเทศยุโรปหลายต่อหลายประเทศติดกันหลักร้อยถึงหลายร้อย เฉกเช่นเดียวกับ ฮ่องกง ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ญี่ปุ่นเมื่อวานติดเพิ่มไปถึง 972 คน เกือบแตะหลักพันแล้ว มาเลเซีย เกาหลีใต้ และจีน ติดกันหลักสิบ แต่ที่น่าสังเกตคือจีนมีหลักสิบติดต่อกันมาหลายวัน และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเพิ่มถึง 68 คน
โดยสรุป ทั่วโลกยังมีการระบาดรุนแรง สี่วันล้านคนอย่างต่อเนื่อง เร็วถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม
วิธีการคัดกรองโรคนั้น ปัจจุบันไม่มีวิธีการใดที่การันตี 100% ต่อให้คัดกรองก็มีโอกาสหลุดรอดได้เสมอ
การกักตัว 14 วัน จำเป็นต้องทำ ห้ามหลุด และต้องอยู่ในระบบปิด ควบคุมใกล้ชิด ต้องมีระบบติดตามตัว ให้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไปไหนอย่างไร เมื่อไร แบบ Real-time
จากการประกาศให้สามารถรับคนต่างชาติตามที่กำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ไว้นั้น จำนวนคนที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาจะมากขึ้นเรื่อยๆ และจะมีความเสี่ยงในประเทศที่เพิ่มขึ้นได้...ระบบคัดกรองกักตัวและติดตามจึงต้องเข้มข้นแม่นยำ หลายประเทศมีอัตราการตรวจพบผลบวกจาก RT-PCR มากกว่าไทยอย่างมาก ไทยเราตรวจเจอราว 0.5% แต่ของอเมริกามากกว่าไทย 16 เท่า สิงคโปร์และญี่ปุ่นมากกว่าไทยถึง 8-10 เท่า ดังนั้นต้องตระหนักถึงความเสี่ยงนี้
แค่คิดคร่าวๆ 100,000 คนที่เข้ามา อย่างน้อยมีโอกาสติดเชื้อราว 500 คน (0.5%) และอาจหลุดจากการตรวจคัดกรองวิธีมาตรฐานราว 65 คน (87% sensitivity) ถ้ารัฐไม่สามารถนำไปกักตัวใน state quarantine ได้เพราะสถานที่ไม่พอ แต่ไปให้หน่วยงานหรือองค์กรทำ organizational quarantine แทน แปลว่าต้องเชื่อใจและเชื่อมืออย่างมากว่าจัดการกักตัวได้อย่างมาตรฐาน
ถ้าทำ organizational quarantine หละหลวม จะเกิดระบาดซ้ำได้สูง ควรตระหนักถึงบทเรียนของต่างประเทศ เช่น การระบาดจากแรงงานต่างด้าวในสิงคโปร์ เป็นต้น คิดแค่นี้ก็หนาวแล้ว
ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยวนั้น ยังยืนยันว่า "ฟองสบู่ท่องเที่ยว"...ไม่สมควรนำมาพิจารณาตอนนี้ ควรพับเก็บไปก่อนอีก 6 เดือนเป็นอย่างน้อย คลายล็อกระยะที่ 6...ต้องระวังอย่างยิ่ง ช่วยกันป้องกันตัวเราและสมาชิกในครอบครัว
ใส่หน้ากากเสมอ...ล้างมือบ่อยๆ...อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร...พูดน้อยๆ..พบปะคนน้อยลงสั้นลง...เลี่ยงที่แออัดที่ชุมนุมที่อโคจร...คอยสังเกตอาการตนเองและครอบครัว หากไม่สบายให้รีบไปตรวจรักษา... ประเทศไทยต้องทำได้ ด้วยรักต่อทุกคน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |