ใครมาไทยโพสต์ ผมมักจะมอบ "สบู่มาดามเฮง" ให้ติดมือกลับไปคนละก้อน-สองก้อน
ไม่มีใครที่ไม่รู้จักสบู่มาดามเฮง มีแต่คนบอก "แม่ชอบ... ขอไปฝากแม่ด้วย"
และเกือบทุกคน พอยื่นให้ ดีใจ...บอกใช้ประจำ
จนมีคนถามผม "เป็นเจ้าของมาดามเฮง" หรือ?
และไม่น้อยที่ถาม
"มาดามเฮงเป็นเจ้าของไทยโพสต์ใช่มั้ย?"
เพราะเห็นแจก "มาดามเฮง" วันครบรอบวันเกิดไทยโพสต์ ๒๑ ตุลาทุกปี
ก็อยากบอกว่า "คุณแม่ซุ่ยกุง แซ่เฮ้ง" ต้นตำรับมาดามเฮง ท่านสิ้นอายุขัย ในวัย ๑๐๕ ปี สู่ภพภูมิใหม่ ในรอยบุญ-รอยธรรมอันประเสริฐแล้ว เมื่อวาน
ชีวิตคนจะยืนยาวนานได้ถึง ๑ ศตวรรษ ล้านจะมีซัก ๑๐ ก็ทั้งยาก การที่จะเป็นอย่างนั้นได้ ชาวบ้านเรียกว่า "คนมีบุญ"
แล้วอะไรล่ะคือ "บุญ" ของคุณแม่ซุ่ยกุง?
การเป็นคนจิตใจดีงาม มีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น ไม่ขึ้งโกรธ ไม่อิจฉา-พยาบาทใคร ดำเนินชีวิตอยู่ในศีล ในธรรม
นี่แหละ "บุญใหม่" ในชีวิตปัจจุบัน
ต่อยอด "บุญเก่า" ที่คุณแม่ซุ่ยกุง สั่งสมมาแต่อดีตชาติ
ทั้งบุญเก่า-บุญใหม่ จึงเป็นไส้ "ตะเกียงชีวิต" นอกจากหล่อเลี้ยงชีวิตคุณแม่ให้ยืนยาวเกินศตวรรษแล้ว
ยังเป็นใบบุญเสริมหนุนให้ตระกูลมาดามเฮง ลูกหลาน-บริวาร โชติช่วงไพศาล ต่อๆ ไปไม่สิ้นสุด
ผม...ในฐานะที่ "มาดามเฮง" ได้รินน้ำใจหล่อเลี้ยงมาร่วม ๒๐ ปี ขอกราบคารวะส่งคุณแม่ซุ่ยกุง ผู้มาจากสวรรค์ คืนสู่สวรรค์ ณ ครั้งนี้ด้วย
เอ้า.....
ก็มาเข้าเรื่องบ้านเมืองของเราบ้าง!
บ้านเมืองไทย โดยรากฐาน "แข็งแรง-มั่นคง" โยกคลอนยังไง ก็ไม่ต่างคนบ้า-คนใบ้ "ย้ายภูเขา"
มีแต่ "เลือด-ลมจร" ซึ่งเป็นของธรรมดาโลก สุขบ้าง ทุกข์บ้าง สงบบ้าง เอะอะมะเทิ่งบ้าง แข็งแรงบ้าง เจ็บป่วยบ้าง หมุนเวียนสลับกันไป
ตอนนี้ คล้ายว่าไม่สงบ บ้านเมืองเหมือนเจ็บป่วยด้วยโรคลมแค้น บรรดาโหราจารย์พลิกปูมดูเลขผานาทีแล้วตบอกผาง
"ดวงเมือง" ถึงคราว... แต่ละโหรเขาว่างั้น!
โจรจะแข็งกล้า บัณฑิตจะอ่อนล้า ฝ่ายแข็งกล้าจะเหยียบอกฝ่ายอ่อนล้า ระเริงเมือง
นายกฯ-รัฐบาล ท่าจะไม่รอด
บ้านเมือง ผู้คน ท่าจะคางเหลือง!
ฟังแล้ว หลายคน "จิตตก" หวั่นไหว จะเกิดเหตุร้าย เกิดฆ่าแกง บ้านเมือง, ผู้คนจะมีเภทภัย ตามที่บรรดาโหราจารย์ทายทักไปทางเดียวกัน
ยิ่งกับนายกฯ ประยุทธ์ที่โจราหมายปอง (ร้าย) ด้วยแล้ว ไม่ว่าดูมุมไหน เสาร์กุมพฤหัสฯ ราหูเล็ง อังคารชักเข้า-ชักออกมีน-เมษ
นายกฯ มีแต่ตายกับตาย!
แต่ผมอยากบอกนายกฯ ว่า "มีแต่เกิดกับเกิด" เพราะนายกฯ เป็นคน "เหนือดวง"
ฉะนั้น ฟังไว้ และตัดเก็บไว้ตรวจหวยตอนสิ้นปี แต่ไม่ต้องกลัว
"ดวงดาว" เป็นเรื่องสถิติจักรวาล
สถิติมาจาก "การกระทำ" ให้เกิด จากทางธรรมชาติครึ่งหนึ่ง และจากทางมนุษย์อีกครึ่งหนึ่ง
และนั่นจะ "ถูกครึ่ง-ไม่ถูกครึ่ง" หรือไม่ถูกเลย หรือตรงเผงเลย สรุปตายตัวไม่ได้
ถ้าสรุปได้ตายตัว ทั้งกองสลากทั้งเจ้ามือหวยเถื่อน ป่านนี้เจ๊งเพราะนักแทงด้วยสถิติไปนานแล้ว!
ดาวน่ะ ต่อให้ล้านดวงด้วย ไม่มีอิทธิพลเหนือการกระทำหรอก
ถ้าการกระทำประกอบกิจการงาน ด้วยสติ ไม่ประมาท ไม่คิดชั่ว ซื่อสัตย์-สุจริต
ใครก็ตาม เมื่อประพฤติชอบ-กอปรด้วยธรรม ถึงพร้อมด้วย "ทาน-ศีล-ภาวนา"
อย่าว่าแต่ดาวเคว้งๆ คว้างๆ เลย ต่อให้เทวดาด้วย แทนที่มนุษย์จะต้องกราบไหว้ขอพรเทวดา ฝ่ายเทวดานั่นแหละ เป็นฝ่ายต้องมากราบไหว้อารักขามนุษย์ผู้มีศีล
ท่านนายกฯ จงดีใจเถอะ........
ตอนนี้ การทำงาน "มีเดิมพัน" ติดปลายดาบแล้ว!
ดังนั้น ต้องคึก พิสูจน์ให้โลกเห็น ให้ไอ้งั่งในรูตูดเด็กเห็นว่าการพิทักษ์บ้าน-รักษาเมือง
"ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง" ทำดี=ธรรมรักษา นั่นจะนำไปสู่ความเป็น "คนเหนือดวง" และเหนือโจร
ขณะนี้......
เกิดวิกฤติศรัทธารุนแรงในองค์กรผู้ใช้กฎหมาย "อัยการ-ตำรวจ"
มีคนพยายามทำให้เป็น "วิกฤติศรัทธานายกฯ" มองเผินๆ มันเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่
เหตุที่เกิด ไม่เกี่ยวกับนายกฯ
แต่เมื่อเป็นเรื่องขึ้น ก็อยู่ในขอบข่าย "อำนาจนายกฯ" ในฐานะ "ผู้นำฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน"
ตรงนี้แหละ คือตัวอย่างของคำที่พูดกันว่า "พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส"
วิกฤติเป็นของ "อัยการ-ตำรวจ"
แต่โอกาสกำลังเป็นของนายกฯ เข้าไป "รื้อ-ล้าง" ปฏิวัติระบบและโครงสร้างองค์กรตำรวจ-อัยการเสียใหม่
โอกาสงามๆ อย่างนี้ ร้อยปีจะมีซักหน-สองหน แล้วนี่ ในขณะที่มฤตยูยึดเมือง
ถ้านายกฯ ไม่ "ยิงประตู" ก็ต้องบอกว่า นาทีทอง "คนเหนือดวง" หลุดลอย โอกาสรัฐบาลถูกสอย มีมาก
และจะมีเกี๊ยะจากคนดู คือจากประชาชนที่ทั้งหมั่นไส้และสมน้ำหน้าแถม
ก็พูดมา-บอกมา ๕-๖ ปี ให้ปฏิรูป..ปฏิรูป ก็ได้แต่ลูบคลำ ปล่อยให้หม่ำกระทิงแดงกันจนอ้วกออกมาประจาน!
ตัวนายกฯ ก็บอกเองมิใช่หรือว่า........
การทำงานของท่าน "ยึดประชาชน" เป็นศูนย์กลาง
ก็ในเมื่อศูนย์กลางบอกให้ท่าน "จัดระเบียบใหม่" กับตำรวจ-อัยการ
ถ้าท่านยังไขสือ เลี้ยงไว้เป็น "รัก-ยม"
มีหวังถูก "กุมารทอง" ลูกผี-ลูกเทพ ที่อาจารย์ตี๋ลูกเจ้าแม่สมพรปลุกเสก บีบไข่หน้าเขียวตายแหงแก๋
พูดถึงเรื่องอัยการสูงสุด "มีคำสั่งเด็ดขาด" ไม่ฟ้องคดีนายบอส ในทุกคดี นั้น
ได้ยินบางคนบอกว่า ในเมื่ออัยการ "สั่งเด็ดขาด" ไปแล้ว รื้อฟื้นอีกไม่ได้ หากใครข้องใจ ให้ไปฟ้องร้องศาลเอาเอง นั้น
ก็อยากให้ภรรยาหรือญาติ "ดาบวิเชียร" ที่ถูกรถนายบอสชนตายไปฟ้องศาล
ประเด็นนี้ เลิกพูดได้เลย เพราะอะไรน่ะหรือ......
ถ้าอยากรู้ ก็อ่านท้ายเอกสารคำสั่งเด็ดขาดที่ "อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ๑" ส่งถึงโรงพักทองหล่อ
".........อนึ่ง ฝ่ายผู้ต้องหาที่ ๒ (ผู้ตาย) ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนจากฝ่ายผู้ต้องหาที่ ๑ จนเป็นที่พอใจ
และไม่ประสงค์จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและทางอาญากับผู้ต้องหาที่ ๑ อีกต่อไปแล้ว
จึงมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ผู้ต้องหาที่ ๑ ฐานกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย"
จบเลย!
ถามว่า ไม่มีช่องทางพิสูจน์คดีนี้อีกเลยหรือ?
ก็มี ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๐ บอกว่า "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท...ฯลฯ..."
เรื่องนี้ ประชาชนไปยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวโทษอัยการสูงสุดต่อ ป.ป.ช.ตามมาตรา ๑๕๗ และมาตรา ๒๐๐ ได้
กระทั่ง จะไปร้องให้อัยการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีกก็ได้ ถ้า...มี "ข้อมูลใหม่"!
แล้วมี "ข้อมูลใหม่" มั้ยล่ะ?
อ่านสำนวนอัยการสั่งไม่ฟ้องแล้ว ผมว่าเอกสารชิ้นนี้ น่าจะถือเป็น "ข้อมูลใหม่" นำไปรื้อคดีได้ นี่ไง....
ที่ น.395/2555
วันที่ 1 ต.ค.2555
เรื่อง ข้อมูลสารแปลกปลอมในร่างกาย
เรียน หัวหน้าภาควิชาพยาธิวิทยา
สาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยาขอแจ้งเกี่ยวกับสารแปลกปลอมที่พบในร่างกายของนายวรยุทธ อยู่วิทยา ตามที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ขอทราบข้อมูลดังต่อไปนี้
1.ALprazolam (อัลพาโซแลม) เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภทที่ 4 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทฯ โดยทางการแพทย์อาจใช้เป็นยานอนหลับ หรือยาแก้โรคทางจิตประสาทและสามารถพบในปัสสาวะได้นานถึง 3-4 วันหลังเสพ
2.Benzoyleegonine เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือดในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังจากการเสพ Cocaine (โคเคน) ซึ่ง Cocaine เป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ
โดย Cocaine ปกติจะไม่พบปนอยู่ในยาหรืออาหารและสามารถอยู่ในเลือดได้นาน 18-24 ชั่วโมง หลังเสพ
3.Cocaethylene เป็นสารที่เกิดขึ้นในเลือดในกระบวนการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย (Metabolism) หลังการเสพ Cocaine ร่วมกับแอลกอฮอล์
4.Caffeine (คาเฟอีน) ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และไม่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทฯ โดยเป็นสารที่พบได้ใน ชา กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง น้ำอัดลมชนิดน้ำดำ เป็นต้น และสามารถพบในปัสสาวะได้นาน 2-3 วันหลังเสพ
ผศ.พลอากาศตรีนายแพทย์วิชาญ เปี้ยวนิ่ม
หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เห็นมั้ย.....
ในข้อหา "ขับรถในขณะเมาสุรา เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" นั้น
ทั้งตำรวจทั้งอัยการเห็นพ้อง "สั่งไม่ฟ้อง" คือตัดออกไป โดยไม่อธิบายเหตุผลใดๆ ตั้งแต่แรก และทั้ง ผบ.ตร.ก็ไม่แย้งด้วย
ดังนั้น เอกสารราชการชิ้นนี้
น่าถือเป็น "ข้อมูลใหม่" ได้ เพราะไม่มีปรากฏในสำนวนสอบสวนเลย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |