"ศบค." เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 9 ราย กลับจากต่างประเทศ อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ "อสม." โวยสภาพัฒน์จ่อตัดเงินช่วยเหลือ 500 บาท จาก 19 เดือน เหลือ 7 เดือน เตรียมบุกทำเนียบฯ 29 ก.ค. ยื่นหนังสือร้องนายกฯ 
    เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา​ 2019​ (โควิด-19) หรือ​ ศบค. รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ​ และเข้าพักอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ​ รายที่​ 1​ เป็นนักศึกษาชายไทย​ อายุ​ 30​ ปี​ เดินทางมาจากฟิลิปปินส์ถึงไทยวันที่​ 12​ ก.ค.​ ตรวจพบเชื้อวันที่​ 23​ ก.ค.,​ รายที่​ 2​ เป็นหญิงไทย​ อายุ​ 30​ ปี​ อาชีพแม่บ้าน​ เดินทางมาจากบาห์เรน​ถึงไทยวันที่​ 19​ ก.ค.​ ตรวจพบเชื้อวันที่​ 24​ ก.ค.,​ รายที่​ 3- 5 เป็นนักศึกษา​ ชายไทย อายุ​ 19​ ปี​ หญิงไทย​ 2​ ราย ​อายุ​ 43 และ​45​ ปี​ อาชีพนักเผยแพร่ศาสนา​ เดินทางมาจากอินโดนีเซียถึงไทยวันที่​ 20​ ก.ค.​ ตรวจพบเชื้อวันที่​ 24​ ก.ค.​, รายที่​ 6-​7​ เป็นชายไทย​ อายุ​ 48​ และ​ 49​ ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาจากสิงคโปร์​ถึงไทยวันที่​ 24​ ก.ค.​ และตรวจพบเชื้อในวันดังกล่าว,​ รายที่​ 8​ เป็นชายไทย​ อายุ​ 23​ ปี​ อาชีพรับจ้าง​ เดินทางมาจากอียิปต์ถึงไทยวันที่​ 24​ ก.ค.​ และตรวจพบเชื้อในวันดังกล่าว​ และรายที่​ 9​ เป็นนักศึกษาชายไทย​ อายุ​ 30​ ปี​ เดินทางมาจากซาอุดีอาระเบีย​ถึงไทยวันที่​ 25​ ก.ค.​ และตรวจพบเชื้อในวันดังกล่าว​ 
    ทั้งนี้ มีผู้ป่วยสะสม​ 3,291 ราย​ หายป่วยสะสม​ 3,109 ราย​ อยู่ระหว่างรักษา​ 124 ราย​ ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม​ ทำให้ยอดสะสมคงที่​ 58 ราย​ ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของ​โลก​ มีผู้ติดเชื้อสะสม​ 16,198,781 ราย​ เสียชีวิตสะสม​ 648,399 ราย
    ที่โรงแรมเลกาซี่ จ.นนทบุรี นายจำรัส คำรอด ประธาน อสม.แห่งประเทศไทย ได้นำสมาชิก อสม.มาแถลงข่าว เพื่อแสดงจุดยืนของ อสม.ทั่วประเทศ กรณีมีข่าวสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ในฐานะคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้งบฯ ขอตัดการช่วยเหลือ อสม.คนละ 500 บาท จาก 19 เดือน เหลือ 7 เดือน
    นายจำรัสกล่าวว่า ทางตนได้ฉันทามติจาก อสม.ทั่วประเทศ ให้มาสื่อสารกับสภาพัฒน์ ว่าเราไม่กังวลเรื่องที่ท่านจะตัดงบเรา แต่เราอยากให้ท่านมาหารือกับเรา เพื่อฟังข้อเท็จจริงว่าที่ผ่านมา อสม.ทำอะไรในการควบคุมโควิด-19 และเราต้องเสียสละอะไรบ้าง 
    "ท่านรู้หรือไม่ว่ามี อสม.เสียชีวิตขณะเดินทางไปตรวจคัดกรอง  ท่านทราบหรือไม่ว่า อสม.ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง อุปกรณ์บางชิ้นก็หลักหลายพันบาท ในหลายครั้งที่ต้องปฏิบัติภารกิจ และภารกิจจำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงเวลาดึก แต่เมื่อมีรายงานว่ามีคนนอกเข้ามาในพื้นที่ อสม.ต้องไปตรวจทันที ขณะที่หลังปฏิบัติภารกิจ อสม.ต้องรู้สึกอย่างไรที่ต้องแยกตัวจากครอบครัว ครอบครัวเองก็รู้สึกวิตกกับงานที่ อสม.ปฏิบัติ สำหรับสภาพัฒน์ที่ทำงานในห้องแอร์  ท่านคงไม่รับทราบปัญหาของคนทำงานด่านหน้า เราจึงขอโอกาสอธิบายเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน จะได้เห็นใจกันบ้าง" นายจำรัสกล่าว
    ประธาน อสม.ฯ กล่าวว่า ในเวลา 07.30 น. วันที่ 29 ก.ค. ตัวแทน อสม. 4 ภาคทั่วประเทศ จะเดินทางไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สธ. โดยหวังว่าเอกสารจะไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เพราะท่านเข้าใจงานและความทุ่มเทของ อสม.และให้เบี้ยเสี่ยงภัยที่เคยสัญญาไว้จำนวน 19 เดือน
    วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาภาคการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต หลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยคุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ขอเสนอแผนการท่องเที่ยวไทยอย่างปลอดภัย 4 ระยะ โดยแต่ระยะจะมีการเตรียมตัวเองและโครงสร้างพื้นฐานให้พร้อม คือ 1.ไทยเที่ยวไทย ออกคูปองส่วนลดคนมาเที่ยวภูเก็ต 2.Staycation ให้คนต่างชาติเดินทางเข้ามาพักผ่อนที่ภูเก็ต 14 วันในโรงแรมที่มีกิจกรรมสันทนาการให้พวกเขา 3.เทศเที่ยวไทยปลอดภัย เปิดเมืองภูเก็ตให้เป็นที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีตรวจโรคและคัดกรองก่อนเข้าจังหวัดอย่างเข้มข้น 4.ทำหลุมหลบภัยจากคนที่กลัวโควิดทั่วโลก และมาทำงาน Work From Home ที่ภูเก็ต โดยจ่ายเงินค่าอยู่อาศัยเป็นแพ็กเกจที่ภูเก็ตว่าอยู่นานแค่ไหน 
    "ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ทันก่อนหลายประเทศจะเริ่มเปิดให้มีการท่องเที่ยวหลังโควิด รวมทั้งชวนคนไทยติดแฮชแท็ก #รีวิวกันหน่อย เวลาไปกินหรือเที่ยวที่ไหน เพื่อที่จะให้คนบนโลกออนไลน์ได้รู้และไปเที่ยวตาม ซึ่งหนึ่งรีวิวจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจวิกฤติ" คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ.