เมื่อทรัมป์กับสี จิ้นผิง เล่นเกมตาต่อตา, ฟันต่อฟัน


เพิ่มเพื่อน    


    เห็นภาพนี้ทำให้ต้องคิดว่าผู้นำจีนเกี่ยวอะไรกับคู่แข่งตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสองคนของสหรัฐฯ?
    คำตอบคือเกี่ยวกันอย่างมากเลย
    ท่าทีอันแข็งกร้าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อจีนในช่วงสองสามเดือนหลังจนกลายเป็น “สงครามเย็นรอบใหม่” ที่แสนจะร้อนระอุนั้น คือการพยายามของทรัมป์ที่จะ “ตีตื้น” คะแนนเสียงของตัวเองในโค้งสุดท้ายก่อนการหย่อนบัตรเลือกตั้งในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
    ล่าสุดของการเผชิญหน้าระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง คือการสั่งปิดสถานกงสุลใหญ่ของจีนที่เมืองฮิวสตัน รัฐเทกซัส ใน 72 ชั่วโมง
    จีนซัดกลับด้วยการให้ปิดสถานกงสุลใหญ่ของอเมริกาที่เมืองเฉิงตู
    ไม่แต่เท่านั้นสหรัฐฯ ยกระดับการเผชิญหน้ากับจีนอีกรอบเมื่อรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมก์ ปอมปิโอ ตราหน้าจีนว่าเป็น “รัฐทรราชย์”
    เขาบอกว่าโลกเสรีต้องร่วมมือกันต่อต้านจีนอย่างแข็งขัน
    ปอมปิโอย้อนกลับไปในอดีตและอ้างว่าความพยายามของสหรัฐฯ ในการช่วยเปิดประตูให้จีนก้าวเข้าสู่โลกตั้งแต่การไปเยือนจีนของอดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ในปี 1972 ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
    เขาอ้างว่าแทนที่จีนจะใช้โอกาสนี้ปรับตัวเองเพื่อให้เข้ากับโลกได้ แต่กลับทำทุกอย่าง “ทั้งโกหกมดเท็จและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาในการกรุยทางเพื่อไปสู่การมีอำนาจและความรุ่งเรือง”
    ปอมปิโอฟาดฟันจีนในสุนทรพจน์ที่ห้องสมุดประธานาธิบดีนิกสันในแคลิฟอร์เนีย จึงโยงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์กับจีนกลับไปสมัยนิกสันไปพบประธานเหมา เจ๋อตง ของจีน
     อีกทั้งยังย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่โลก “จะต้องหาทางเอาชนะรัฐทรราชย์นี้...เพราะแนวคิดเก่าที่มุ่งสานสัมพันธ์กับจีนแบบหลับหูหลับตาล้มเหลวลงแล้ว เราต้องไม่กลับไปใช้แนวทางแบบนั้นอีก...”
    ในจังหวะใกล้ๆ กันนั้น วอชิงตันก็สั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตัน
    ให้เหตุผลว่าเพื่อ "คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกันและปกป้องข้อมูลส่วนตัวของประชาชนชาวอเมริกัน" 
    จีนไม่อาจจะอยู่เฉยๆ ได้เพราะนี่คือสงครามศักดิ์ศรีของมหาอำนาจอันดับหนึ่งฟาดฟันกับอันดับสองอย่างรุนแรง
    ทางการจีนโต้ตอบด้วยการประณามว่าเป็นการกระทำที่ "อุกอาจและไร้ความชอบธรรม" 
    ภายในสองวันปักกิ่งก็สั่งสหรัฐฯ ให้ปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เมืองเฉิงตู
    ทางการจีนโต้ตอบว่าการกระทำของสหรัฐฯ ล่าสุดเป็น "การยกระดับความขัดแย้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" 
    จีนถือว่าเป็นการกระทำที่ "อุกอาจและไร้ความชอบธรรม" และจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างแน่นอน
    โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ยกเลิก "การตัดสินใจที่ผิดพลาด" นี้ทันที 
    และย้ำด้วยภาษาดุดันว่าถ้าหากสหรัฐฯ ยังคง "เดินตามทางที่ผิดนี้ต่อไป จีนจะโต้ตอบด้วยมาตรการโต้ตอบที่หนักแน่นแน่นอน”
    สองยักษ์กำลังทำศึกกันหลายด้านไม่ว่าจะในเรื่องการค้าหรือการระบาดของ COVID-19 รวมไปถึงนโยบายของจีนฮ่องกง, ซินเจียง และรวมไปถึงข้อพิพาทในทะเลจีนใต้
    จีนถูกกล่าวหาว่าขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มายาวนานแล้ว
    เป็นที่มาของการเปิดสงครามการค้าระหว่างสองประเทศจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้
    แน่นอนว่าทางการจีนปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอด และโยนข้อหานี้กลับไปที่อเมริกาว่าเป็นคนริเริ่มสร้างเรื่องเพื่อบ่อนทำลายความสัมพันธ์
    จีนมีสถานกงสุลในสหรัฐฯ 5 แห่ง และมีสถานเอกอัครราชทูตในกรุงวอชิงตัน 
    สถานกงสุลที่ฮิวสตันเปิดทำการในปี 1979 ซึ่งเป็นปีแรกที่สหรัฐฯ และจีนเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกัน 
    สหรัฐฯ มีสถานกงสุลในจีน 5 แห่งเช่นกัน และมีสถานเอกอัครราชทูตในกรุงปักกิ่ง สถานกงสุลสหรัฐฯ ในจีนตั้งอยู่ที่ เซี่ยงไฮ้, กว่างโจว, เฉิงตู, อู่ฮั่น และเสิ่นหยาง
    ความบาดหมางที่ระเบิดขึ้นระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง ล่าสุดย่อมมีผลต่อฐานเสียงของทรัมป์และโจ ไบเดน
    หลายคนมองว่าทรัมป์ใช้จีนเป็น “แพะ” เพื่อปลุกเร้าความรู้สึกชาตินิยมในสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยทำให้คะแนนความนิยมที่เสื่อมทรุดของเขาขณะนี้กระเตื้องขึ้นใกล้วันเลือกตั้ง
    หากเลือกตั้งวันนี้ในอเมริกา ไบเดนน่าจะชนะ...นั่นคือข้อกังวลที่ทำให้ทรัมป์มีพฤติกรรมที่ดุเดือดเลือดพล่านอย่างที่เห็นกัน
    พรุ่งนี้มาพิเคราะห์ว่าสี จิ้นผิง, โดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน มีความโยงใยกันอย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"