จบแล้วจริงๆ! นักกฎหมายเผยการขอให้ศาลระงับการอนุมัติเพิกถอนหมายจับ "บอส อยู่วิทยา" ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ทำให้เหตุที่เป็นข้อกล่าวหาตามหมายจับหมดไป จึงไม่มีเหตุในการไม่เพิกถอนหมายจับ ขณะที่อินเตอร์โพลถอนหมายแดงแล้วเช่นกัน "ธนาธร" ฟันธงเป็นเพราะเอาความยุติธรรมมาถือฝักฝ่ายทางการเมือง ทำให้อภิสิทธิ์ชนไม่ต้องรับผิดรับชอบ
จากกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ผู้ต้องหาในคดีขับรถหรูเฟอร์รารีชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ เสียชีวิตแล้วหลบหนี เมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย. 2555 จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางนั้น
ล่าสุด พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.ทองหล่อ กล่าวว่า ตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ได้แจ้งถอนหมายแดงออกจากระบบเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2563 สถานะตอนนี้ถือว่านายวรยุทธเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ใช่บุคคลตามหมายจับอีกต่อไป
แหล่งข่าวนักกฎหมายได้ให้ความเห็นถึงข้อกฎหมายเรื่องนี้สรุปได้ว่า การขอให้ศาลระงับการอนุมัติเพิกถอนหมายจับไม่สามารถทำได้ เนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ทำให้เหตุที่เป็นข้อกล่าวหาตามหมายจับหมดไป จึงไม่มีเหตุในการไม่เพิกถอนหมายจับ หากตำรวจไม่ขอเพิกถอน นายวรยุทธก็สามารถขอเพิกถอนเองได้ ถึงหมายจับคาอยู่ แต่จับมาก็จะไม่มีเหตุตามข้อกล่าวหาให้นำไปสู่การดำเนินคดีได้อีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ท่าทีของทางสำนักงานอัยการสูงสุดต่อกรณีการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ที่ปรากฏเป็นข่าวจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจโดยสำนักข่าวต่างประเทศ ตั้งแต่ช่วงดึกของวันศุกร์ที่ 23 ก.ค.2563 เป็นต้นมานั้น ซึ่งมีผู้สื่อข่าวหลายสำนักสอบถามเรื่องนี้เข้าไปยังไลน์กลุ่มสื่อมวลชนของสำนักงานอัยการสูงสุด ขณะนี้ (25 ก.ค.) ยังไม่ปรากฏความคืบหน้าในการชี้แจงหรือการนัดแถลงข่าว
และเมื่อผู้สื่อข่าวติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ก็ปฏิเสธที่จะตอบคำถามชี้แจงใดๆ ระบุย้ำเพียงให้รอการแถลงข่าวของนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาฯ มีมติจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีอัยการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อาทิ ผบ.ตร., รอง ผบ.ตร. (คุมงานกฎหมาย), ตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และตัวแทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เข้าชี้แจงและตอบข้อสงสัยของกระแสสังคม ในกรณีคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง ทั้งนี้ ในคดีดังกล่าวกระแสสังคมได้ตั้งข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยจะเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาชี้แจงในวันที่ 30 ก.ค.นี้ เวลา 11.30 น.
นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ อายุ 62 ปี พี่ชายของ ด.ต.วิเชียร เผยว่า รู้สึกผิดหวังและเสียใจกับกระบวนการยุติธรรมของบ้านเราซึ่งไม่สามารถพึ่งอะไรได้เลย และไม่ได้ให้ความยุติธรรมแก่ครอบครัวของตน คนรวยคนจนทำไมไม่ทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนที่ทำผิดทำไมถึงไม่ได้รับโทษ ตนไม่เข้าใจ รับตอนแรกทำใจไว้แล้วว่าคดีนี้ข้อหาคงต้องขาดอายุความ เพราะผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ แต่ไม่คิดว่าจะมีการทำสำนวนไม่ฟ้องแบบนี้
เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ทำใจไว้แล้ว รู้ว่าคดีต้องขาดอายุความ 15 ปี เพราะความคืบหน้ามันช้ามากๆ แต่การยกฟ้องกลับเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแค่ 8 ปี ไม่ถึงอายุความด้วยซ้ำ
ไม่อยากต่อสู้แล้ว
"ยอมรับว่าเมื่อปี 2555 ผมและพี่น้องรวม 4 คนได้ยอมรับเงื่อนไขการไกล่เกลี่ยจากตระกูลอยู่วิทยา ซึ่งฝั่งนั้นเขาบอกจะมอบเงินเยียวยา 3 ล้านบาท เรายื่นขอเยียวยาไป 8 ล้าน เพื่อแลกกับการยุติการฟ้องร้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทางแพ่งหรืออาญา"
นายพรอนันต์ยอมรับว่า ไม่อยากต่อสู้แล้ว รู้สึกท้อ เพราะก่อนหน้านี้ก็เสียทั้งค่าทนาย ค่าไปขึ้นศาล แต่กลับไม่ได้ความยุติธรรมกลับมาหาทางครอบครัวของตนเลย
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "Prinya Thaewanarumitkul" ระบุว่า #ทำไมการที่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้จึงเป็นเรื่องร้ายแรง
กรณีนี้ไม่ใช่แค่ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิตเท่านั้น แต่เป็นเรื่องชนแล้วหนี แล้วคนที่ถูกชนก็คือ #เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ทั้งยังมีการใช้ให้ผู้อื่นมารับผิดแทน การที่คดีล่าช้าอยู่ในชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนานถึง 8 ปี ก็แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติ และแสดงให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยมากพออยู่แล้ว
ดังนั้น การที่สำนักงานอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีนี้ที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศทุกข้อหา จึงเป็น #เรื่องร้ายแรงมาก ในความรู้สึกของผู้คนโดยทั่วไป และเป็นการตอกย้ำสิ่งที่พูดกันว่า คุกมีไว้ขังแค่คนจน ส่วนคนรวยจะหลุดรอดเพราะมีเส้นสายและวิ่งเต้นได้ ว่าเป็นเรื่องจริง
สำนักงานอัยการสูงสุดจึงต้องชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมจึงสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคดีเช่นนี้ อย่าให้คนคิดไปว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยสามารถวิ่งเต้นและใช้เส้นสายได้ เพราะนี่คือกรณีที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศเป็นอย่างยิ่ง หาไม่แล้วคนจะไม่ใช่แค่บอยคอตผลิตภัณฑ์ในเครือกระทิงแดง แต่อาจจะบอยคอตสำนักงานอัยการสูงสุดด้วย
ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะแถลงแค่ว่าทำตามขั้นตอน และทำตามความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ได้ แต่ต้องชี้แจงให้เหตุผลว่า ทำไม่ไม่คัดค้านความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องด้วยครับ
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดจากจังหวัดพิษณุโลก จัดรายการ “ก้าวหน้า Talk กรณีนี้ว่าสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าประเทศไทยเป็นที่ที่น่าอยู่มากสำหรับ VIP หรือคนรวยและคนมีอำนาจ แต่สำหรับคนธรรมดา คนที่หาเช้ากินค่ำ ประเทศนี้ไม่มีความเป็นธรรมสำหรับพวกเขา นี่คือสองมาตรฐานในกระบวนการยุติธรรมที่ชัดเจน
ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า ความสำคัญของกระบวนการยุติธรรม คือการเป็นหลักประกันของความเสมอภาคและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในสังคม แต่ถ้าระบบยุติธรรมของสังคมไหนล่มสลายไปแล้ว สังคมนั้นจะไม่มีที่พึ่งและประชาชนจะไม่มีทางออก ในวันที่ศรัทธาในองค์กรทางการเมืองทั้งหมดเสื่อมลง อย่างน้อยที่สุดหากกระบวนการยุติธรรมยังศักดิ์สิทธิ์อยู่ คนจะยังมีความหวัง แต่ถ้าสังคมสูญสิ้นซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรม ความขัดแย้งจะหาทางออกโดยสันติไม่ได้
จับโยงการเมือง
“นั่นคือสิ่งที่น่ากลัว เมื่อเราเอาความยุติธรรมมาถือฝักฝ่ายทางการเมือง มาทำให้กลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง อภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยไม่ต้องรับผิดรับชอบกับการกระทำของพวกเขา แล้วปล่อยให้คนเล็กคนน้อยติดคุกติดตาราง อันนี้น่ากลัวมาก ก็หวังว่ากรณีนี้จะเป็นกรณีที่พิสูจน์ความจริงใจของรัฐบาลชุดนี้ ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเอาจริงเอาจังกับการหาคนผิดมาลงโทษจริงหรือไม่”
นายธนาธรกล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มันคือเสาหลักของความเป็นธรรมในสังคม ถ้าประชาชนหมดศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ประชาชนก็จะไม่มีที่พึ่ง ที่อยู่ในกระบวนการอันนี้เป็นเรื่องอันตรายมาก ถ้าใครจะใช้กระบวนการยุติธรรมมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะทำให้ประชาชนหมดศรัทธา เราไม่เห็นด้วยกับวิธีการอย่างนี้ เราเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม ตำรวจ ศาล ราชทัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น กกต. ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ช. หรือศาลรัฐธรรมนูญ ต้องกลับมา เอาหลักการนิติรัฐ นิติธรรมเป็นที่ตั้ง กลับมา เอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ไม่รับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง ไม่รับใช้เจ้าสัว ไม่รับใช้คนที่มีสถานะพิเศษในสังคมคนไหน แต่รับใช้ความถูกต้องเป็นเสาหลักที่สำคัญของสังคม เพราะเสาหลักที่ชื่อว่าความยุติธรรมพังทลายไป สังคมจะเดือดร้อน
นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ให้ความเห็นในกรุ๊ปไลน์กฎหมายเกี่ยวกับการสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังในคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิตทุกข้อหาว่า เรื่องขับรถชนคนตายเป็นเรื่อง common ที่คนรู้เห็นและเข้าใจกันทุกชนชั้น ทั้งประเทศ แต่การที่จำเลยไม่ถูกสั่งฟ้องเพราะสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างกรณีนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดและไม่มีใครเข้าใจได้เลย
"แทนที่จะช่วยโดยทำสำนวนว่าประมาทร่วมและได้ช่วยเหลือครอบครัวผู้ตายอย่างดี แล้วปล่อยให้ไปศาลแล้วถูกศาลตัดสินจำคุกแต่ให้รอลงอาญา ดังนั้น อัยการที่ไม่สั่งฟ้อง และตำรวจที่ไม่แย้ง ซึ่งทั้งคู่เป็นองค์กรหลักในกระบวนการยุติธรรมที่เปราะบางอยู่แล้ว ก็ยิ่งกลายเป็นความล้มเหลว และหมดหวังที่จะพึ่งได้อีกจากคนทั้งประเทศที่รับรู้เข้าใจเรื่องง่ายๆ นี้หมดทุกคน และจะทำให้ระบบความยุติธรรมหมดความหมาย ไม่มีความสำคัญอีกต่อไป"
นายทวีเกียรติระบุว่า ถ้ามองให้ดีจะเห็นว่าเศรษฐกิจก็ล้มเหลว โควิดก็คุกคาม สังคมก็แตกแยก คนเบื่อและเกลียดรัฐบาลมากขึ้น การเมืองก็แย่งผลประโยชน์ และคนรู้สึกว่ามีแต่นักการเมืองน้ำเน่าที่แก่งแย่ง หน้าไม่อาย และกอบโกยคอร์รัปชันไม่ต่างจากยุคก่อนๆ อย่างเดียวที่รัฐบาลใช้เป็นหลักพิงประคองตัวอยู่ได้คือ Law and Order
บัดนี้คนส่วนใหญ่เห็นว่ากฎหมายมันไม่ศักดิ์สิทธิ์และไม่น่าเคารพเชื่อฟังอีกแล้ว เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องประชาชนทุกภาคส่วนรุมกันด่าตำรวจหรืออัยการ แล้วพอผ่านไปสองสัปดาห์ พอซาลงก็จบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการพังทลายลงของรัฐบาล ซึ่งจะมาเร็วมาก โดยเฉพาะเมื่อมีคนโยง และชาวบ้านเชื่อว่านายกฯ รับเงิน 300 ล้าน เพื่อช่วยโควิดจากเขาเมื่อหลายเดือนก่อนเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องนี้
"นี่ไม่ใช่น้ำผึ้งหยดเดียว แต่เป็นน้ำผึ้งทั้งไห ที่เทราดลงไป ขณะที่ม็อบของคนรุ่นใหม่กำลังจุดติด ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านการผูกขาดอำนาจ ต่อต้านพวกทุจริต ต่อต้านรัฐบาลที่ทำให้คนตกงาน เศรษฐกิจล้มเหลว หรือต่อต้านเผด็จการ ทั้งหมดคือภาพรวมของการต่อต้านสังคมที่อยุติธรรมนั่นเอง"
ตุลาการผู้นี้ยังระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยรัฐบาลไม่รับรู้ ไม่ตั้งใจ แต่ timing ที่มาคือการสาดน้ำมันเข้ากองไฟที่เพิ่งจุดติดแค่กองเล็กๆ จากการชุมนุมของนักศึกษาเท่านั้น และมันจะทำให้เกิดกองไฟลุกท่วมประเทศในเวลารวดเร็วมาก โอกาสเดียวที่นายกฯ ตู่จะหลุดรอดและพารัฐบาลออกจากพายุอารมณ์และความโกรธแค้นของผู้คนทั้งประเทศได้ คือการออกมาพูดโดยเร็วที่สุดว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่องนี้ แต่เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ไม่ใช่จะมาพูดว่ารัฐบาลจะไม่ก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรม เพราะ perception ของคนทั้งประเทศ เห็นรัฐบาลสั่งได้หมดมาตั้งแต่ คสช.แล้ว และนายกฯ จะตั้งกรรมการขึ้นตรวจสอบกระบวนการเรื่องนี้ทั้งหมด จากคนที่สังคมไว้วางใจ โดยให้ทำให้เร็วที่สุด สักสองสัปดาห์ และประกาศว่า ถ้าพบว่ามีอะไรผิดพลาด ทุจริตหรือประพฤติไม่ชอบ จะลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องอย่างรุนแรงที่สุด เพื่อเรียกศรัทธาและความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมกลับมา และทำให้มี Law and Order ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ค้ำจุนรัฐบาลนี้ในเวลานี้กลับคืนมาเป็นหลักเดียวที่รัฐบาลจะใช้ค้ำจุนตนเองต่อไปได้ครับ" นายทวีเกียรติกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |