'แกนนำมุ้งมิ้ง' ยันชูป้ายไม่เหมาะสมเป็นความเห็นส่วนตัว เพ้อลั่นครบ 2 สัปดาห์น่าจะมีม็อบใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งของไทย


เพิ่มเพื่อน    

25 ก.ค.63 - นายอานนท์ นำภา ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ไปร่วมเคลื่อนไหวทำกิจกรรมและขึ้นเวทีปราศรัย ที่ถนนราชดำเนิน -อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในการทำกิจกรรมชุมนุมทางการเมืองเมื่อวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่จัดโดย สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนท. และ กลุ่มเยาวชนปลดแอก  กล่าวว่าจากการที่กลุ่มผู้จัดกิจกรรมได้ประกาศ เงื่อนไขข้อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการสามข้อภายในสองสัปดาห์ เช่น ยุบสภาฯ -แก้ไขรัฐธรรมนูญ และย้ำว่าหากไม่มีการดำเนินการใด ๆ จะกลับมานัดชุมนุมอีกครั้งภายในสองสัปดาห์นั้น ก็มองว่า ช่วงก่อนไปถึงครบกำหนดสองสัปดาห์ คิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์ที่เป็นลูกคลื่นแผ่ไปทั่วประเทศ จะเป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่มีการจัดตั้ง 

คนจากส่วนกลางไม่ได้มีการไปนัดแนะให้ทำกิจกรรมอะไร อย่างที่กรุงเทพ ฯ พอจัดกันวันเสาร์ วันรุ่งขึ้นก็มีการจัดกิจกรรมที่เชียงใหม่ คือเป็นไปโดยธรรมชาติ โดยตอนนี้ การเมืองไทยไม่เหมือนกับการเมืองเมื่อห้าปี สิบปีที่แล้ว ที่ต้องมีแกนนำหลัก แกนนำจังหวัด แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว ก็อาจจะมีผู้นำ แกนนำ แล้วก็มีผู้นำย่อยๆ ที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกัน การเคลื่อนไหวจึงแปลกไปกว่าเดิม อย่างที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ ก็คือการเคลื่อนไหวที่เป็นเอกเทศ ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกัน แต่ข้อเรียกร้อง มีแกนกลางเดียวกันก็คือ เคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือให้มีการยุบสภาฯ หยุดคุกคามประชาชน

“สุดท้ายการชุมนุมที่กระจายอยู่ตามต่างจังหวัด จะกลับมาสู่กรุงเทพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเมื่อครบสองสัปดาห์หลังจากการชุมนุมเมื่อ 18 ก.ค. น่าจะเป็นการชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งของประเทศไทย”นายอานนท์กล่าว

เมื่อถามว่าที่บอกหากจะมีการนัดชุมนุมอีกครั้งที่กรุงเทพฯ คนจะมาเยอะ มองว่าเพราะปัจจัยอะไร เพราะสถานการณ์สุกงอม นายอานนท์กล่าว  ตอบว่า สถานการณ์สุกงอมหรือไม่ ยังมองไม่ขาดว่ามันสุกงอมหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าเพราะคนมันทนมาเยอะ เลยทำให้คนออกมา คือมันผ่านการกดขี่มาเยอะ อย่างประชาชน พวกอายุ 40-50 ปีขึ้นไปที่มาร่วมชุมนุม ก็ผ่านการกดขี่ตั้งแต่สมัยเป็นเสื้อแดงมาแล้ว หลายคนก็ไม่พอใจ คนรุ่นใหม่ ก็ผ่านการกดขี่มาอีกแบบหนึ่ง เช่นเคยได้เลือกตั้งครั้งแรกตอนปี 2557 ก็มาโดนยึดอำนาจไป แล้วพอเลือกตั้งปี 2562 พรรคที่เขาเลือกคือพรรคอนาคตใหม่ ก็มาโดนยุบพรรค จึงมีความไม่พอใจการกดขี่ การทำร้าย ที่มีมาอย่างเนิ่นนาน

ถามถึงกรณีมีการพูดถึงกันมากเกี่ยวกับการชุมนุมที่มีป้ายข้อความ ที่ไม่เหมาะสม พาดพิงสถาบันฯ คำถามดังกล่าว นายอานนท์  ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชี้แจงว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของคนที่มาชุมนุม แกนหลักของการชุมนุมครั้งนี้มีอยู่สามเรื่องเท่านั้น คือเรื่องยุบสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญและหยุดคุกคามประชาชน คราวนี้เมื่อมีความเห็นหลากหลาย คนที่มีความเห็นวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน อันนั้น เป็นความเห็นส่วนตัว หากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เห็นว่าผิดกฎหมาย ก็ดำเนินคดีไป มันไม่ได้เกิดจากการจัดตั้งหรืออะไรจากคนที่จัดการชุมนุมเลย คิดว่าเสรีภาพตรงนี้มันไปไกลแล้ว เราจะเอาความคิดของเราของคนรุ่นผมหรือคนที่แก่กว่าผม มาจับการชุมนุมในครั้งนี้แทบจะไม่ได้เลย

ถามย้ำอีกว่า แต่ก็ยังมีคนออกมาวิจารณ์กันว่าต้องการล้มสถาบันฯ นายอานนท์กล่าวตอบว่า ถ้าทุกคนสื่อสารกันตรงๆ หากใครมีข้อมูลก็นำออกมาแชร์กัน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กันตรงๆ อย่าไปบิดเบือนว่านักศึกษามีเบื้องหลังมาจากฝ่ายอดีตพรรคอนาคตใหม่ มันไม่จริงอยู่แล้ว มันเห็นชัดว่ามันไม่มี มันไม่ใช่ เรื่องล้มล้างสถาบัน ก็ไม่มี เพราะข้อเสนอก็ชัดอยู่แล้ว กับสามข้อที่ออกมา ส่วนคนที่เขาแสดงออกมาก็ให้ดูเป็นเรื่องๆ ไป หากเป็นสิทธิเสรีภาพที่เขาทำได้ มีเหตุมีผลก็ต้องฟังเขา ไม่ใช่เรื่องที่ไปปิดปากไม่ให้เขาพูด ก็ใช้วิธีการชี้แจงกลับ

“อย่าไปเติมเชื้อไฟ เรื่องพวกนี้นี้เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง การที่ไปป้ายสีว่าม็อบล้มเจ้า เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงมากเพราะคนที่ไปม็อบเขาก็มีอารมณ์ความรู้สึก และสังคมรอบข้าง คนที่มีสติก็มี แต่คนที่ไม่มีสติแล้วไปเชื่อตามที่ข่าวออกหรือที่รัฐไปป้ายสี แล้วเกิดไปทำร้ายคนที่มาชุมนุม ก็จะเป็นปัญหาลุกลามบานปลาย  คนที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบ ก็ควรให้เหตุผลที่เป็นเหตุผลจริงๆ มันสุ่มเสี่ยงมากนะเรื่องม็อบล้มเจ้า เพราะประเทศเราผ่านการสูญเสียอย่างเช่น เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มาแล้ว เรื่องการป้ายสีเรื่องล้มเจ้า ที่เมื่อสูญเสียแล้วมันเอาคืนไม่ได้ แล้วมันเป็นบาดแผลของประเทศของประวัติศาสตร์เลย”นายอานนท์กล่าว 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"