ป้อมเปิดบ้านรดนํ้า 'ตร.-ทหาร'ตบเท้า


เพิ่มเพื่อน    

    บ้านพักลาดพร้าว 71 ครึกครื้น "เสี่ยป้อม" เปิดบ้านให้รดน้ำดำหัว บิ๊กทหาร-ตร.ตบเท้าร่วมพรึ่บ! "บิ๊กตู่" ควงภริยาอวยพรให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง "มาร์ค" เตือนใช้อำนาจรัฐแทรกแซงการเลือกตั้งอันตรายไม่น้อยกว่าการซื้อเสียง ชี้ "ก๊วนสมคิด" ตั้งพรรคลงเลือกตั้งผลประโยชน์ทับซ้อน  "เฮียตือ" ย้ำปมยืนยันการเป็นสมาชิกสร้างปัญหาให้ทุกพรรค แนะ คสช.ใช้ ม.44 ผ่อนปรนบ้าง อดีต ส.ส.ตรัง ปชป.ซัด "พิชัย" ใจแคบคิดประโยชน์พวกพ้องก่อนส่วนรวม ตะเพิดอย่าลงเลือกตั้ง
    เมื่อเวลา 06.00 น. ที่ลาดพร้าว ซ.71 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม เปิดบ้านพักทำบุญและให้ทหาร ตำรวจ ข้าราชการ นักธุรกิจเข้ารดน้ำดำหัวขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้งนี้ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวหรือเก็บภาพภายในบริเวณบ้าน
    สำหรับการดูแลรักษาความปลอดภัยเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และ สน.โชคชัย และเจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) มาดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่ปากซอยลาดพร้าว 71 พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร เนื่องจากมีรถยนต์ส่วนตัวของผู้มาร่วมงานจอดเป็นแนวยาวบนถนนทั้งสองฝั่ง
    ขณะที่ในเวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาพร้อมกับ อ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา เพื่อรดน้ำและรับพรจาก พล.อ.ประวิตรภายในบ้านพัก ก่อนจะกลับออกมาพรมน้ำให้แขกที่มาร่วมงานรวมถึงสื่อมวลชนที่มารอทำข่าว  โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างครึกครื้น
    โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าขอให้มีความสุขตลอดไป ทำข่าวให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยขอให้ช่วยกันรักษาให้บ้านเมืองปลอดภัย ทั้งนี้ตนไม่ได้สอบถามอะไรเกี่ยวกับสุขภาพ  พล.อ.ประวิตร เพียงแต่ขอให้ท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง
    ส่วน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวยืนยันว่าสุขภาพ พล.อ.ประวิตรแข็งแรงดี ซึ่งตนให้กำลังใจท่านทุกวันอยู่แล้ว
    ด้าน พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมพิธีสงฆ์ ก่อนจะรดน้ำอวยพรและรับพรจาก พล.อ.ประวิตร โดย พล.อ.ประวิตรขอให้ทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่ไทย และท่านแข็งแรงดี สดใส แต่ยังไม่ได้คุยการทำงานของเหล่าทัพ
    สำหรับคณะรัฐมนตรีทหารที่มาร่วมรดน้ำและรับพรจาก พล.อ.ประวิตร คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  รมว.มหาดไทย, พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม 
    นอกจากนี้ยังมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งนายทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
    ส่วนความเคลื่อนไหวของนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ประกาศจะเดินทางมาร่วมรดน้ำสงกรานต์  พล.อ.ประวิตรนั้น ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปควบคุมตัวตั้งแต่หน้าบ้านพักลาดพร้าว ซ.109 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และนำไปควบคุมตัวที่ สน.หัวหมาก
    สำหรับสถานการณ์การเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การเมืองในประเทศไทยถ้าเราไม่ยึดตัวระบบถ่วงดุลให้เกิดความพอดี ถ้าพูดกันตรงๆ ตอนนี้มาตรา 44  ใหญ่กว่าทุกอย่าง ซึ่งความจริงศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องตีความต่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ ก็ทำให้เราเริ่มสูญเสียตัวระบบว่าถ่วงดุลจริงหรือไม่ เวลามีพี่ใหญ่ใช้อำนาจเหนือทุกอย่างบางเรื่องก็ถูกใจ ตนก็ยอมรับ บางทีก็สะใจว่ามันง่าย รวดเร็ว แต่ความสะใจพอใจในกรณีนั้นเป็นการเปิดทางให้ไปทำอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งถึงวันนั้นเราอาจจะบอกว่าไม่ใช่ เมื่อเราจะไปต่อต้านก็อาจมีคนบอกว่าวันที่คุณสนับสนุนการที่เขาทำแล้วถูกใจก็จะมาค้ำอยู่ ดังนั้นโดยส่วนตัวถึงพยายามบอกว่าบางทีสังคมก็ต้องอดทน ระบบที่มีการถ่วงดุลอาจจะช้า ไม่สะใจเสมอไป แต่จะเป็นหลักประกันที่ดีกว่า
อันตราย! แทรกแซง กกต.
    "ไม่ว่าจะอยู่ขั้วไหนคิดว่าทุกคนน่าจะเห็นตรงกันว่า การเมืองไทยถ้าจะเดินไปข้างหน้า 1.ต้องมีเลือกตั้ง และ 2.ถ้าเริ่มจากเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม ผมว่าไม่มีทางที่การเมืองจะดีขึ้น บางยุคบางสมัยบอกว่าเราคิดแต่เรื่องการซื้อเสียง แต่การใช้อำนาจรัฐหรือการใช้อื่นเข้ามาแทรกแซงทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม เป็นปัญหาที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการซื้อเสียง และเหตุผลที่มี กกต.มาตั้งแต่ต้น เพราะทุกคนบ่นว่ารัฐเข้าไปเข้าไปมีส่วนได้เสียเพราะเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ดังนั้นเมื่อมี กกต.ที่เขาบอกว่าเป็นอิสระ แล้วเรายังเปิดโอกาสให้คนใช้อำนาจบริหารเข้าไปแทรกแซง ชี้นำได้ สุดท้ายก็กลับไปสู่ปัญหาเดิมว่าการเลือกตั้งไม่สามารถปราศจากการแทรกแซงของการใช้อำนาจรัฐ ทำให้การเลือกตั้งไม่เที่ยงธรรม ก็จะกลายเป็นปัญหาความชอบธรรมของระบบประชาธิปไตยอีก" นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการใช้มาตรา 44  กับองค์กรอิสระโดยเฉพาะกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
     ถามว่าเมื่อมาตรา 44 ออกโดย คสช. การที่ คสช.จะลงเล่นการเมืองจะดูน่าเกลียดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าแม้ไม่มีส่วนในการเลือกตั้ง ตนก็ยังลังเลว่าจะสามารถใช้อำนาจมาแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระได้ เพราะทำให้ไม่เป็นอิสระ แต่ยิ่งบอกว่าคนที่ใช้อำนาจอาจจะมีส่วนได้ส่วนเสียกับการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ยิ่งเป็นอันตรายมากยิ่งขึ้น และรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าหากจะลงเล่นการเมือง ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็ต้องลาออก 90 วันหลังรัฐธรรมนูญประกาศ ซึ่งก็ชัดเจนว่าป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีหัวหน้า คสช.ก็ลง ส.ส.ไม่ได้แล้ว แต่ตามตัวอักษรของรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ 1 ใน 3 แล้วเจ้าตัวยินยอม แต่คงไม่ค่อยสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่าไหร่ เพราะชัดอยู่แล้วว่าไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารมาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จึงทำให้มีความรู้สึกว่าข่าวจะมีการตั้งพรรคโดยเอารัฐมนตรีมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นรูปแบบที่แปลกเพราะรัฐมนตรีทั้ง 2 คนไม่สามารถลง ส.ส.ได้ และไม่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ด้วย คำถามคือทำไมต้องเอาคนที่มีอำนาจอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ ในกระทรวงอุตสาหกรรม มาเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง
    หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ของรัฐบาล คสช.ในช่วงนี้ว่า ถ้าจะบอกว่าเขาลงพื้นที่มันผิดก็คงสรุปไม่ได้ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินโดยปกติก็ต้องพยายามที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชน ก็หวังว่าประชาชนจะพึงพอใจ พูดง่ายๆ คือได้คะแนนทางการเมือง ถ้าลงไปเพื่อจะไปดูข้อเท็จจริง ทำให้การแก้ไขปัญหาตรงจุด เราก็ไปต่อว่าเขาไม่ได้ แต่ของอย่างนี้ดูไปสักพักก็จะดูออกเองว่าเป็นเรื่องของประสิทธิภาพของการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเป็นเรื่องของการมีเป้าหมายทางการเมือง
      ส่วนกรณีที่รัฐบาลทำไลน์ขึ้นมาโดยเอางบประมาณไปซื้อ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าการประชาสัมพันธ์ก็อยู่ที่หน่วยงานว่าจะรูปแบบไหน แต่ก็มีข้อสังเกตว่ารูปแบบที่จะทำไลน์ โดยเอาไลน์ออฟฟิเชียลมาทำจะประชาสัมพันธ์งานของรัฐได้ขนาดไหน เพราะนึกไม่ออกว่าเขาจะเขียนอะไรมา และไม่แน่ใจว่าจะมีคนติดตามมากมายแค่ไหน และงบที่ใช้ 7 ล้านบาทโดยมีการทำสติกเกอร์ไลน์ สันนิษฐานว่าเป็นรูปนายกฯ  และใครอยากได้สติกเกอร์นี้ฟรีก็ไปโหลดมาได้ โดยการมาติดตามตัวไลน์นี้ก็จะสามารถส่งข้อความได้ ซึ่งรัฐบาลสามารถทำได้ แต่เป้าหมายการประชาสัมพันธ์คืออะไร และเป็นข้อมูลแบบไหน
      "นี่ไม่ใช่ครั้งแรก รัฐบาลเคยทำตอนที่มีค่านิยม 12 ประการ แล้วบอกว่ามีสติกเกอร์ชุดหนึ่ง บังเอิญผมไม่ได้ไปติดตามและไม่ได้รับสติกเกอร์ชุดนั้นเลย จึงไม่รู้ว่าการทำอย่างนี้จะคุ้มค่าแค่ไหน ทั้งที่เป็นเงินภาษีอากรของประชาชน จะบอกว่า 7 ล้านบาทเล็กน้อย แต่ก็เป็นเงินภาษีประชาชน และการทำสติกเกอร์สวัสดี ขอบคุณ เป็นการประชาสัมพันธ์รัฐอย่างไร" นายอภิสิทธิ์กล่าว
แนะใช้ ม.44 ผ่อนปรนพรรค
    ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาที่พรรคการเมืองประสบในการยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคและชำระค่าบำรุงสมาชิกของสมาชิกพรรคที่สิ้นสุด 30 เม.ย.นี้ว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของทุกพรรคการเมืองเนื่องจากมีเวลากระชั้นมาก การติดตามตัวตนและสถานะของสมาชิกพรรคการเมืองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการที่จะทำได้ภายในไม่กี่วัน โดยเฉพาะเรื่องค่าบำรุงสมาชิกพรรค ดังนั้นวันนี้จะเห็นว่าพรรคการเมืองกำลังเผชิญกับอุปสรรคดังกล่าวทั้งสิ้น ดังนั้นหาก คสช.และรัฐบาลต้องการเห็นทุกอย่างคลี่คลายและสามารถปฏิบัติได้จริงตามแนวทางของกระบวนการที่ควรจะเป็นมาตรา 44 ที่มีอยู่ในมือสามารถที่จะผ่อนปรนเมื่อรับรู้ปัญหาแล้วก็น่าจะคลี่คลายได้ หากมีเจตนาที่ดีต้องการเห็นพรรคการเมืองทำงานได้อย่างอิสระ ก็ควรจะได้ผ่อนปรนให้พรรคการเมืองบ้าง ซึ่งอำนาจมาตรา 44 ก็อยู่ในมือท่านแล้ว 
     ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองที่จะมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นแกนนำเพื่อรองรับ คสช. นายสมศักดิ์กล่าวว่าเรื่องนี้คงตอบไม่ได้ เพราะนายสมคิดเองก็ออกมาปฏิเสธ ไม่ได้แอ่นอกรับว่าได้ตั้งพรรคจริง ยังเป็นเพียงกระแสข่าว ดังนั้นต้องรอให้ทุกอย่างปรากฏความชัดเจนเป็นจริงเสียก่อนแล้วเราจึงจะรู้ วันนี้สิ่งที่นายสมคิดพูดตามตรรกะก็ยังเป็นไปตามนั้น แต่บนข้อเท็จจริงในทางการเมืองอาจจะมีข่าวกระเส็นกระสายออกมา เช่นการที่มีนักการเมืองเข้าไปพบนายสมคิดในทำเนียบรัฐบาล หรือการแสดงท่าทีบางอย่างย่อมทำให้คนอดคิดไปไม่ได้ว่า สิ่งที่นายสมคิดปฏิเสธกับความเป็นจริงอันไหนคือสิ่งที่ถูกต้อง
     นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าการปฏิรูปของ คสช.ยังสับสนว่า พวกเราก็มองเห็นความจริงกันอยู่ว่าจนกระทั่งวันนี้ ถามว่ามีใครปักใจเชื่อบ้างหรือไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแมป และเมื่อปล่อยให้เหตุการณ์คืนสู่ภาวะปกติแล้ว เหตุการณ์ในอดีตจะไม่ย้อน เพราะขณะนี้เพียงแค่โหมโรงปี่กลองยังไม่ทันดัง เราก็ได้เห็นสงครามน้ำลายกันแล้ว แสดงให้เห็นว่าเรื่องการปฏิรูปการเมืองยังไม่ดี สะท้อนให้เห็นว่าเพิ่มความเบื่อหน่ายให้ประชาชนมากขึ้นไปอีก แต่ก็อาจจะเป็นความพึงพอใจของคสช.หรือรัฐบาลก็ได้ ที่ได้เห็นฝ่ายการเมืองไม่สามัคคีกันและอยู่ในสภาพอย่างนี้
     ส่วนกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีความมั่นใจว่าจะได้เลือกตั้งตามโรดแมป เว้นเสียแต่มีอุกกาบาตตกใส่ประเทศไทย นายสมศักดิ์กล่าวว่าความมั่นใจของนายมีชัยกับความมั่นใจของ คสช.และรัฐบาลเป็นคนละอันกัน ความมั่นใจของนายมีชัยในฐานะเป็นคนที่วางกติกา ย่อมเป็นคนที่อยากจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้วางเอาไว้ แต่วันนี้ต้องไม่ลืมว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตีความออกมาอย่างไรกับการพิจารณา พ.ร.ป. 2 ฉบับ ซึ่งหากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตีความออกมาไม่เป็นอย่างที่นายมีชัยคิด ถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นแล้วตัวนายมีชัยเองจะทำอย่างไร
    พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการสำนักงาน กกต. รักษาการเลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวถึงข้อห่วงใยเกี่ยวกับการยืนยันสถานะสมาชิกพรรคภายใน 30 วันว่า เรื่องดังกล่าว กกต.ได้ประสาน คสช.ไปแล้วถึงข้อห่วงใยต่างๆ ของพรรคการเมือง และทราบว่า คสช.จะมีการแก้ไขคำสั่ง 53/2560 อีกทั้งเรื่องคำสั่งดังกล่าวยังอยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องการประชุมของพรรคการเมืองนั้นยังเกี่ยวโยงกับความมั่นคงและการชุมนุม คสช.คงยังไม่อนุญาต ส่วนกลุ่มการเมืองที่ขอจดแจ้งตั้งพรรคก็ได้ทยอยส่งคำขอประชุมพรรคไปยัง คสช.แล้ว เพียงแต่ต้องรอการอนุญาต 
ปชป.ซัด 'พิชัย' ใจแคบ
    นอกจากนี้ แม้ว่ากฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณาตีความ สำนักงาน กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ระหว่างนี้จึงมีการเตรียมร่างประกาศและระเบียบต่างๆ ควบคู่กับการรอกฎหมายออกมา เมื่อกฎหมายออกมาครบทั้ง 4 ฉบับทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ เริ่มนับหนึ่งการเลือกตั้งได้ทันที
      "การทำงานของสำนักงาน กกต.ยังยึดตามโรดแมปของรัฐบาลและ คสช.ที่จะให้มีการเลือกตั้งช่วงเดือน ก.พ.62 ส่วน กกต.ใหม่ทั้ง 7 คนนั้น ถ้ามีการเลือกตั้งในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะมาทัน และถ้ามาแล้วก็ต้องเรียนรู้ให้ไว โดยใช้เวลา 1-2 เดือนน่าจะเพียงพอ ซึ่งถ้ามองภาพรวมไม่ยาก หากมีการเลือกตั้ง มีการร้องเรียน ก็จะบังคับใช้กฎหมายทั่วไป ไม่น่ามีปัญหา และเท่าที่เห็นรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาก็เคยทำงานเลือกตั้งมาบ้างก็มี" พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
    ขณะที่นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวพาดพิง ส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์ ว่ายากจนจึงขายงบให้  ส.ส.ภาคอื่น และโจมตี ส.ส.ภาคใต้ไม่พัฒนาพื้นที่ภาคใต้ว่า เป็นการพูดดูถูกประชาชนและคนจน เข้าใจว่านายพิชัยไม่เข้าใจถึงคนเป็น ส.ส.ระบบเขต เพราะนายพิชัยเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 124  ของพรรคเพื่อไทย นอกจากนี้เหตุที่ได้ขึ้นมาเป็น รมว.พลังงาน เพราะรวยและอุดหนุนพรรค แต่ถามว่าระหว่างอยู่ในตำแหน่งมีผลงานอะไรเป็นรูปธรรมหรือไม่ ซ้ำยังถูกชาวบ้านรวมตัวชุมนุมปิดหน้ากระทรวงจากการบริหารกระทรวงพลังงาน แต่กลับไม่ส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานทางเลือกหรือไบโอดีเซล กลับเอื้อบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ที่สุด และถูกนายใหญ่สั่งให้พ้นจากตำแหน่ง หลังบริหารไม่ถึงปีก็ตกเก้าอี้เพราะไร้ผลงานที่เป็นรูปธรรม การจะแจ้งเกิดสร้างผลงานให้เข้าตานายไม่จำเป็นต้องพูดบิดเบือนความจริง
     "ข้อกล่าวหาการขายงบก็ไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่ ส.ส.ใต้ยากจนแล้วต้องไปขายงบ แต่การพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ในยุครัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภาคใต้ถูกตัดงบประมาณเพื่อการพัฒนาและซ่อมสร้างจริง เกิดจากการเลือกปฏิบัติของผู้นำรัฐบาลที่จิตใจคับแคบ มุ่งเน้นแบ่งแยกภาค แบ่งแยกประชาชน เป็นต้นเหตุทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ หากระบอบทักษิณไม่ใช้วิธีเลือกปฏิบัติตั้งแต่หลายสิบปีก่อน ปัจจุบันความเจริญจะต้องกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย” นายสมบูรณ์ กล่าว
    เขากล่าวอีกว่า การแบ่งแยกประชาชนที่ยุคทักษิณและยิ่งลักษณ์ทำสะท้อนผ่านการปราศรัยที่ จ.นครสวรรค์และเชียงใหม่ ที่ว่าถ้าไม่เลือกพรรคเขา เขาไม่ดูแล ไม่ให้งบ ชัดเจนสุดคือที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี พูดที่เชียงใหม่ว่าไม่ให้งบสร้างศูนย์การประชุมนานาชาติที่ จ.ภูเก็ต โดยระบุว่า "วันหน้าจะทำให้ ถ้าเลือกคนของเรา วันนี้ไม่มีอารมณ์ให้" ทั้งๆ ที่มีการตั้งงบประมาณจัดสร้างไว้แล้ว จนวันนี้ภาคใต้ก็ไม่มีศูนย์ดังกล่าว จึงขอฝากถึงนักการเมืองประเภทจิตใจคับแคบ ไร้จิตสาธารณะ ว่าหากยังคิดแต่เรื่องผลประโยชน์ ความจน ความรวย และช่วยพวกพ้องก่อนผลประโยชน์ของชาติและส่วนรวม ก็ไม่ควรมาลงเล่นการเมือง อย่าลงเลือกตั้ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"