เดี๋ยวก็รู้เอง...

            "ลุงตู่" พูดถึงการปรับ ครม.

                "ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด แต่คนตัดสินใจคือผม"

            ได้ฟังแบบนี้ก็ชื่นใจ เพราะประชาชนคาดหวังไว้เยอะว่า....

            "ครม.บิ๊กตู่ ๒/๒" ต้องดีกว่า "ครม.บิ๊กตู่ ๒/๑"

            สำคัญไปกว่านั้น "ลุงตู่" แสดงความเป็นผู้นำอย่างชัดเจน "คนตัดสินใจคือผม"

            ฉะนั้น หากโฉมหน้า ครม.ใหม่ออกมา แล้วประชาชนร้องยี้ คนที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก "ลุงตู่"

            เท่าที่รับฟังมาร่วมเดือน ประชาชนต้องการคนใจซื่อมือสะอาด เต็มไปด้วยความสามารถ มาเป็นรัฐมนตรี

            ไม่ใช่นักการเมืองที่เอาแต่แย่งชามข้าวไปวันๆ

            นั้นคือโจทย์ที่ประชาชนมอบให้ "ลุงตู่" ส่วนผลจะออกมาอย่างไร 

            เดี๋ยวก็รู้เอง!

            มาดูเรื่องการพลิกกระบวนท่าของรัฐบาล ที่ดูเหมือนว่าฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหว ปรับตัวกันแทบไม่ทัน เอาเข้าจริงอาจมีอาการขัดเคืองอยู่ในใจ เพราะหมดสิทธิ์นำไปเป็นเงื่อนไขใช้ด่ารัฐบาล หลังจากหยิบฉวยไปปั่นสถานการณ์มาหลายเดือน

            พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) แถลงเหตุผลความจำเป็นในการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

            สาระสำคัญที่ต้องพูดถึงคือ

                "เราจะไม่ใช้มาตรา ๙ ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาห้ามการชุมนุม

                เพื่อแสดงให้เห็นว่าการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเดือนสิงหาคมนี้ มีเจตนาเพื่อใช้ในการควบคุมโรคโดยบริสุทธิ์ใจแต่เพียงอย่างเดียว

                การห้ามการชุมนุมจะไม่ปรากฏอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะต่อออกไปอีก ๑ เดือน

                แต่การชุมนุมทางการเมืองท่านต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกฎหมายปกติ"

            ครับ...พวกที่เอาแต่แหกปาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เอาไว้ปราบม็อบ ไม่ใช่ปราบโควิด น่าจะหุบปากลงได้บ้าง

            ใครต้องการชุมนุม ก็ไปว่ากันตาม พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ร.บ.จราจร เป็นต้น

            อยากจะใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม ก็มีหน้าที่ต้องไปขอจัดชุมนุมตามกฎหมายด้วย

            ถ้าไม่เอากฎหมายอะไรทั้งนั้น ก็เตรียมตัวไปอยู่ในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้

            คุก!

            นี่คือการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ มาตั้งแต่แรก

            ไม่ได้ห้ามชุมนุมประท้วง จะมีก็เพียงการแสดงความห่วงใยว่า การชุมนุมอาจเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ได้

            อย่างเช่นที่พาอเมริกาดำดิ่งอยู่ในวันนี้.