ฝากขังอีก4คน แก๊งบุกชกหมอ เพิ่มคุ้มกันรพ.


เพิ่มเพื่อน    


    ส่งอีก 4 คนแก๊งมหาวงษ์บุก รพ.ยื่นฝากขังพร้อมค้านประกัน เหลืออีก 2 ติดต่อมอบตัว อัยการสมุทรปราการลั่นจัดเต็ม จะบรรยายฟ้องให้ครบถ้วนเพื่อให้ผู้ต้องหารับโทษหนักที่สุด 
    เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ จ.สมุทรปราการ ได้เบิกตัว 4 ผู้ร่วมก่อเหตุบุกโรงพยาบาลทำร้ายแพทย์ พยาบาล และทำลายข้าวของซึ่งเพิ่งจับกุมตัวได้ ออกจากห้องควบคุมมาพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ ประกอบด้วย 1.นายนิพนธ์ บุตรสาร อายุ 22 ปี 2.นายกานต์ หรือออม แสงชัน อายุ 22 ปี 3.นายวิชัย อยู่เล็ก อายุ 24 ปี และ 4.เยาวชนชาย อายุ 17 ปี โดยมีบรรดาเพื่อนๆ ของผู้ต้องหาพากันเดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจที่หน้าห้องขัง ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.สำโรงใต้ เจ้าของคดี ได้รวบรวมสำนวนการสอบสวนก่อนคุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุทั้งหมดส่งฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ และคัดค้านการประกันตัว ในข้อกล่าวหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และบุกรุกสถานพยาบาลในเวลากลางคืน ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนชาย 17 ปี ถูกแจ้งข้อหาบุกรุกสถานพยาบาลในเวลากลางคืน
    คดีนี้ ในส่วนของผู้ต้องหากลุ่มมหาวงษ์ที่ร่วมกันก่อเหตุในโรงพยาบาล มีรายงานเบื้องต้นว่ามีทั้งสิ้น 18 คนนั้น ต่อมาตำรวจได้สอบปากคำและขยายผลประกอบกับหลักฐานจากภาพวงจรปิด พบมีผู้ต้องหาเพิ่มรวมเป็น 24 คน รวมผู้เสียชีวิตด้วย ขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้แล้ว 22 คน เหลือเพียง 2 คนที่คาดว่าจะเข้ามอบตัวช่วงบ่ายวันเดียวกัน 
    ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุซอยโรงเหล็ก เบื้องต้นจากข้อมูลของทางตำรวจพบว่ามี 5 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ และถูกจับกุมตัวไปแล้ว 1 คนคือนายธนพล หรือแจ๊ค มือแทงนายคิวจนถึงแก่ความตาย ส่วนรายอื่นๆ ตำรวจยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา และอยู่ระหว่างประสานเข้ามอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยขณะนี้มีรายงานว่าไปหลบซ่อนตัวกับญาติที่จังหวัดจันทบุรี เนื่องจากหวาดกลัวฝ่ายตรงข้ามจะล้างแค้น
    นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า คดีนี้เบื้องต้นสำนักงานเลขาธิการแพทยสภาได้เคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการเพิ่มโทษกับผู้กระทำความผิด ซึ่งทางสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ขัดข้อง แต่จะต้องมีผู้เสนอกฎหมาย เพราะกรณีนี้เป็นกฎหมายเฉพาะ เป็นอัตราโทษเฉพาะ ต้องเสนอเข้าไปสู่กระบวนการพิจารณาของรัฐสภา บัญญัติเป็นกฎหมายต่อไป เพราะกฎหมายอาญาคือพระราชบัญญัติ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาเป็นปี แต่ที่ผ่านมา สำนักงานอัยการสูงสุดได้ใช้วิธีการบรรยายฟ้อง ระบุพฤติกรรมกระทำความผิดว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมอุกอาจ ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก อย่างกรณีที่เกิดเหตุลักษณะเดียวกันในพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.นครพนม ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่รอลงอาญา
    นายโกศลวัฒน์เปิดเผยด้วยว่า เช้าวันเดียวกัน ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับอัยการจังหวัดสมุทรปราการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งทางอัยการจังหวัดสมุทรปราการระบุว่า ได้เห็นพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดแล้ว โดยหลังจากนี้จะบรรยายฟ้องให้ครบถ้วน รวมถึงจะดูด้วยว่ามีผู้ต้องหารายใดที่มีโทษรอลงอาญาไว้ ส่วนนี้ก็จะขอเอามาบวกโทษ หรือใครที่เคยทำผิดแล้วมากระทำผิดซ้ำอีก ส่วนนี้ก็จะดำเนินการขอเพิ่มโทษให้ครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดไว้
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.สำโรงใต้ ว่าเหตุที่เกิดขึ้นได้เแบ่งการดำเนินคดีอออกเป็น 3 ส่วน คดีแรก เกิดเหตุภายในซอยโรงเหล็ก ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ มีผู้ต้องหา 11 คน (เสียชีวิต 1 คน แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 8 คน ทราบว่าจะมามอบตัวบ่ายนี้อีก 2 คน) คดีที่สอง เกิดเหตุ รพ.วิภารามชัยปราการ มีผู้ต้องหา 9 คน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย (บุคลากรทางการแพทย์) จำนวน 2 คน และข้อหาร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย จำนวน 7 คน ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว แจ้งข้อกล่าวครบทั้งหมด 9 คน
    คดีที่สาม เกิดเหตุ รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้าสมิงพราย มีผู้ต้องหา 17 คน ดำเนินคดีในข้อหา “มั่วสุ่มตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ในเวลากลางคืน ทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 16 คน ทราบว่าจะเข้ามามอบตัวอีก 1 คน
    พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับกองบังคับการหรือภูธรจังหวัด เพิ่มมาตรการในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและระงับเหตุ โดยให้ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจตราโรงพยาบาล สถานพยาบาล สำหรับประเด็นที่สื่อให้ความสนใจถึงกรณีที่บางจังหวัดมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลนั้น ขอเรียนว่าเป็นแนวคิดของผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ที่กำหนดมาตรการในการป้องกันปราบปรามการก่อเหตุทะเลาะวิวาทภายในโรงพยาบาล ซึ่งมักเกิดเหตุบ่อยครั้ง เพื่อเป็นการป้องปรามและลดอัตราเสี่ยงในก่อเหตุดังกล่าวขึ้น 
    นายพรประเสริฐ ยุติธรรม หัวหน้าแผนกบุคคลและธุรการ รพ.วิภารามชัยปราการ กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าแพทย์หญิงที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นชกต่อยจะลาออก ว่าไม่เป็นความจริง เพียงแต่ตอนนี้ทางผู้ใหญ่ให้แพทย์หญิงคนดังกล่าวพักงานไปก่อน จนกว่าจะสบายใจถึงจะกลับมาทำงาน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"