ดูเหมือน "ประยุทธ์ 2/2” จะเสร็จเรียบร้อยโรงเรียนน้องตู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และพี่ป้อม “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)  ที่สามารถ กำราบบรรดา “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” ได้อยู่หมัด ยิ่งดูจากปฏิกิริยาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาของ “ลุงตู่” ที่อารมณ์ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงวันพุธที่ได้ฉีกยิ้มบอกโผ ครม.ใหม่เรียบร้อย ก็ยิ่งตอกย้ำว่า “ประยุทธ์ 2/2” น่าจะรอดสันดอนเสียงยี้มาได้ช่วงตัวหนึ่ง ส่วนจะเจ๋งจริงหรือไม่อย่างไร ผลงานคงได้พิสูจน์ในเร็วๆ นี้ ...๐

ที่บอกว่า “เรียบร้อย” โรงเรียนตู่-ป้อมนั้น เพราะใน การประชุม ส.ส.พรรค พปชร. รวมทั้งการส่งชื่อให้กรรมการบริหาร (กก.บห.) พิจารณาจนเคาะ 5 รายชื่อ เพื่อให้ “บิ๊กตู่” นั้น เดิมต้องเรียกว่าเป็นการแสดงท่าทีทวงโควตาของพรรค พปชร.ในมือนายกฯ และโควตาของพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “พรรครวมพลังประชาติไทย (รปช.)” ภายใต้บังเหียน “กำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ” กลับคืนพรรคแกนหลักของรัฐบาล ...๐

แต่แล้ว ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงดี โผดังกล่าวก็ต้องบอกว่าพลิกกลับตาลปัตร หรืออาจบอกว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ต้น ก็เป็นได้ เมื่อมีการขยับเก้าอี้ในสัดส่วนของรัฐมนตรีพลังประชารัฐเก้าอี้เดียวเท่านั้น ในขณะที่อีกเก้าอี้ก็ไปดึงพรรคเล็กอย่าง “ชาติพัฒนา” ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” กลับมาเกลี่ยให้คนในพรรค พปชร.เท่านั้น ซึ่งคนที่ได้โบนัสก็มีเพียง “อนุชา นาคาศัย” เลขาธิการ  พปชร.ที่ได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ และ “สุชาติ ชมกลิ่น” เป็น รมว.อว.เท่านั้น ในขณะที่ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” อาจารย์แหม่ม ที่มีชื่อคั่วรัฐมนตรีมาตั้งแต่การปรับองคาพยพครั้งใหญ่เมื่อปลายเดือน มิ.ย. งานนี้ อ.แหม่มคงได้แต่อดเปรี้ยวไว้กินหวานต่อไป หากมี “ประยุทธ์ 2/3” ...๐

หาก “โผ” ดังกล่าวเป็นจริง ก็เท่ากับเป็นการปรับเล็กอย่างมาก แต่ที่น่าสนใจคือเก้าอี้ของ “รมว.กต.” อย่าง “ดอน ปรมัตถ์วินัย” นั้น ก็มีเพียงชื่อ “บรรสาน บุนนาค” รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมืองเท่านั้น ซึ่งก็ น่าแปลกทั้งที่ กต.ก็กระทรวงเกรดเอ แต่กลับไม่มีใครอยากแย่งชิงกันเลย แหม! ช่างน่าคิดจริงๆ ที่สำคัญการปรับ ครม.ครั้งนี้ หาก “จับกัง 1” ยังอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคกำนัน ก็ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า “กปปส.” และนายสุเทพยังคงเรียกฟ้าเรียกฝนได้พอตัวทีเดียวเชียว ...๐

หันมาเรื่อง “โควิด-19” กันบ้าง เพราะในระดับโลกนั้นผู้ติดเชื้อก็ทะลุ 15 ล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ของไทยนั้นก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 ราย ซึ่งเป็นผู้เดินทางกลับมาจากต่างประเทศอีกแล้วครับทั่น นอกจากนั้น ศบค.ชุดใหญ่ก็มีมติที่จะต่ออายุการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน  จากที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 ก.ค. รวมทั้งเห็นชอบหลักการอนุญาตให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ ลาว เมียนมา และกัมพูชา เดินทางเข้าไทยได้ด้วย ...๐

เรียกว่าพอกระแสออกมาก็ทำให้บรรดานักการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นต่างออกมาตำหนิติติงกัน โดยเฉพาะ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่ทวีตข้อความฝากถามนายกฯ ว่า ที่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน เพราะกลัวเชื้อโรคหรือกลัวนักศึกษา แหม! ต้องบอกว่าได้ทีขี่แพะไล่จริงๆ แต่ผ่านไปไม่นาน เมื่อ “พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา” เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 แถลงถึงการต่ออายุ พ.ร.ก. แต่จะ ไม่บังคับใช้ข้อกำหนดตามมาตรา 9 ทั้ง 6 ข้อ ซึ่งเกี่ยวกับการชุมนุม เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์ว่าใช้ควบคุมโรคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าใครที่ออฟไซด์บางคนอาจต้องเอาปี๊บไปคุมหน้ากันบ้างแล ...๐

ที่สำคัญการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแต่ให้ชุมนุมนั้น ก็เล่นเอาบรรดาฝ่ายแค้นทั้งหลายถึงกับมึนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนกันแน่ เพราะอย่าลืมว่า แม้ไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่มันยังมีกฎหมายชุมนุมสาธารณะอยู่นะจ๊ะ แล้วขอฝากบอกอีกนิดส่วนที่ฝ่าฝืนไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งที่ กทม., เชียงใหม่และอุบลราชธานี คงไม่สามารถมาใช้ย้อนหลังได้นะตัวเธอ ...๐ ทิ้งท้ายด้วยข่าวการเมืองเล็กๆ แต่อาจใหญ่สำหรับใครบางคน เมื่อ “สิระ เจนจาคะ” ในฐานะประธาน กมธ.การกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนที่มาออกแขกว่าจะขับไล่ “พรรณิการ์ วานิช” แกนนำคณะก้าวหน้าออกจากที่ปรึกษา กมธ. เพราะมีการกระทำผิดมารยาทและผิดระเบียบ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายกลับแค่ออกแขก เพราะไม่มีอะไรในกอไผ่เกิดขึ้น เมื่อ “น้องช่อ” ก็ออกมาแถลงว่าไม่ออก ขอเกาะติดเป็นที่ปรึกษาต่อไป แหม!  งานนี้ก็ไม่รู้ว่าใครเสียสุนัขกันบ้างนะเนี่ย ...๐

...ท.ศักดิ์