22 ก.ค.2563 นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ว่า ธนาคารมีกำไรก่อนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นเท่ากับ 1,163 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีการการกันสำรองตามเกณฑ์ TFRS 9 จำนวน 2,908 ล้านบาท บวกกับการกันสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและสำรองอื่นสำหรับงวดครึ่งแรกปี 2563 เท่ากับ 2,579 ล้านบาท รวมเป็น 5,487 ล้านบาท ส่งให้สุดท้ายแล้วครึ่งปีแรกธนาคารขาดทุนสุทธิ 1,416 ล้านบาท
ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio) เท่ากับ 6.37% ณ 30 มิ.ย. 2563 เทียบกับระดับ 4.60% ณ สิ้นปี 2562 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งถือเป็นระดับที่สูง เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับผกระทบจากไวรัสโควิด-19 ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่า NPL มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก แต่ไม่มาก
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า เอ็กซิมแบงก์คาดการณ์ว่า มูลค่าส่งออกของไทยทั้งปี 2563 จะหดตัว 8-10% เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 โดยผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ธนาคารมีสินเชื่อคงค้าง 126,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,317 ล้านบาท หรือ 18.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 35,665 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 90,836 ล้านบาท การปล่อยสินเชื่อของเอ็กซิมแบงก์ ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 85,834 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของเอสเอ็มอี เท่ากับ 29,227 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.05%
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ธนาคารมีวงเงินสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 92,891 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 52,915 ล้านบาท จากจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อคงค้างให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกและลงทุนใน CLMV จำนวน 33,270 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.38% หรือ 2,854 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่โควิด-19 ทำให้ความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 เอ็กซิมแบงก์มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 90,792 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37,503 ล้านบาทหรือ 70.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งปีแรก เอ็กซิมแบงก์ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออก โดยพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ลูกค้าเป็นระยะเวลา 6 เดือน และออกมาตรการทั้งด้านสินเชื่อและประกันความเสี่ยงให้แก่ลูกค้า ซึ่ง 81% เป็นผู้ส่งออกเอสเอ็มอี ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2563 ธนาคารได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการกว่า 4,600 ราย หรือประมาณ 15% ของผู้ส่งออกทั้งประเทศ วงเงินรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท
บริการประกันการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการขนาดย่อม (EXIM for Small Biz) เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการขนาดย่อมที่มีรายได้ไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อปีหรือจ้างงานไม่เกิน 50 คน ที่เพิ่งเริ่มต้นส่งออก ไม่เคยใช้บริการประกันการส่งออก และมีแผนจะส่งออกมูลค่าไม่สูงนัก สามารถขออนุมัติวงเงินผู้ซื้อกับ EXIM BANK ตั้งแต่มูลค่า 100,000-500,000 บาท วงเงินรับประกันสูงสุด 2 ล้านบาทต่อรายผู้เอาประกัน
สำหรับครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่ายอดสินเชื่อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 2-3% ตามทิศทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/2563 ที่คาดว่าจะเติบโตได้ประมาณ 70-80% จากคาดการณ์เดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้สูง ซึ่งเป็นผลกระทบจากโควิด-19
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |