ผลตรวจ 'ระยอง-กทม.' ไม่มีผู้ติดเชื้อ เล็งทำข้อปฏิบัติเปิด-ปิดพื้นที่ให้แต่ละจังหวัดใช้เป็นแนวทาง


เพิ่มเพื่อน    

21 ก.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,255 ราย หายป่วยสะสม 3,105 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 92 ราย ผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ รายที่1 ชายไทยกลับจากญี่ปุ่น อายุ 26 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางถึงไทยวันที่ 7 ก.ค. ผ่านการคัดกรองพบว่ามีอาการไข้ เข้ารักษาตัวโรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ตรวจครั้งแรกไม่พบเชื้อ จากนั้นวันที่18 ก.ค.ตรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง ผลพบเชื้อ และมีอาการจมูกไม่ได้รับกลิ่น

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนรายที่ 2-4 เป็นนักศึกษาชายไทยกลับจากอียิปต์ อายุ 20,25และ28ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 8 ก.ค. เป็นผู้ที่เดินทางมาเทียวบินเดียวกับ 8 รายที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้ เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 19 ก.ค.ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการทั้งหมด และรายที่ 5 ชายไทยกลับจากซูดาน อายุ35ปี เดินทางถึงไทย 18 ก.ค.เป็นเที่ยวบินเดียวกับที่รายงานไปก่อนหน้านี้1ราย ผ่านระบบคัดกรองด่านควบคุมโรค แต่ชายรายดังกล่าวมีอาการปวดจากโรคไส้เลื่อนจึงนำส่งโรงพยาบาลก่อน และตรวจหาเชื้อโควิด-19ในวันเดียวกันผลพบเชื้อ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 210,881 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรวม 14,852,700 ราย รักษาหายแล้ว 8,906,690ราย เสียชีวิต 613,213 ราย ส่วนการเดินทางเข้าประเทศในวันเดียวกันนี้มี 5 เที่ยวบิน 513 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า จากกรณีผู้ติดเชื้อจากอียิปต์และซูดาน เดินทางไปยังพื้นที่จ.ระยองและกทม.ทำให้ขณะนี้มีการตรวจตัวอย่างสอบสวนโรคไปแล้วทั้งสิ้น 7,144 รายไม่พบเชื้อ และขณะนี้โรงเรียนต่างๆในจ.ระยอง 234 โรงเรียนเปิดการเรียนการสอนแล้ว ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เราได้เรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งศบค.ชุดเล็กได้หารือถึงการตัดสินใจเปิดหรือปิดพื้นที่ต่างๆไม่ควรรีบดำเนินการ แต่ละจังหวัดมีคณะกรรมการโรคติดต่อ ที่ผู้ว่าฯเป็นประธานอยู่ การจะเปิดหรือปิดอะไรควรปรึกษาหารือก่อนจะดีหรือไม่ และหลังจากนี้กระทรวงสาธารณสุขอาจไปออกแบบวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับระบบการเปิด -ปิดให้เป็นข้อปฏิบัติให้จังหวัดต่างๆนำไปเป็นแนวทาง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในประเทศญี่ปุ่นที่ช่วงแรกเราจะจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 (ทราเวล บับเบิล) ตอนนี้ประเทศญี่ปุ่นมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก โดยจากการศึกษาการแพร่ระบาดระลอกแรก เขาจำกัดการเดินทาง ปิดโรงเรียน แต่พอการระบาดระลอกสองแม้จะประกาศภาวะฉุกเฉินก็ยังไม่มีการล็อกดาวน์ เราจึงมาพิจารณาแนวทางการปิดเมืองแบบจำกัดวง โดยต้องชี้เป้าให้ชัดว่าจะปิดตรงไหน จะทำให้เราควบคุมได้ แทนวิธีการล็อกดาวน์ ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่าอาจมีการติดโรคกันบ้าง แต่จะระบาดหรือไม่คงต้องดูกันอีกที

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความคิดเห็นของประชาชนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ เปิดประเทศให้มีการค้าขายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีคำถามว่าเปิดศบค.จะ รับมือความเสี่ยงติดเชื้อโควิดได้หรือไม่ และมีอีกกลุ่มหนึ่งต้องการให้ปิดประเทศไปเลย นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า คำถามที่ว่าปิดประเทศเป็นไปไม่ได้ โลกเราต้องทำการค้าซึ่งกันและกัน ประเทศก็เหมือนบ้านจะไม่ไปมาหาสู่กันเลยไม่มีทาง เราไม่สามารถปิดได้ แต่จะปิดเฉพาะพื้นที่ที่สำคัญ เราต้องรู้ให้เร็วว่ามีการติดเชื้อแล้วขีดวงก่อนที่จะมีการระบาด หากรู้เร็วเราจะจำกัดขอบเขตได้ เพื่อเข้าไปจัดการ แต่หากมีการระบาดขึ้นมาเรากำลังมีการพิจารณาว่าหากมีการติดเชื้อได้วันละเท่าไหร่จึงจะรับมือได้ ช่วงที่เราระบาดหนักที่สุด ระบาดไปถึง 188 คนต่อวัน ตัวเลขตรงนั้นก็ถือว่ามากไป

"ในเบื้องต้นคิดว่า ตัวเลขที่เราจะรับมือได้คือ 30-50 คน ซึ่งคณะกรรมการฯกำลังพิจารณากันอยู่ว่าจากเตียงและบุคลากรการทางแพทย์ที่เรามีหากมีตัวเลขอยู่ที่หลักสิบสะสมกันไป ยังพอไหวกับการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจต้องไปได้ การควบคุมโรคต้องไปได้ สองอย่างนี้ต้องสมดุลกัน เราต้องขอบคุณประชาชนทุกคนที่ช่วยกันเรียนรู้ดูแลสุขภาพ โรคนี้ต้องอยู่กับเราอีกนาน จึงต้องขอให้ประชาชน อึด ฮึด สู้"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"