-"ผมจะเสนอชื่อคุณสุริยะเป็นรัฐมนตรีพลังงาน"
-"เป็นเรื่องภายในพรรคที่มีความชอบธรรม......
แต่เราไม่ได้ไปตัดสิทธิ์ที่นายกฯ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย"
อืมมมมม.........
"คุณไพบูลย์ นิติตะวัน" นี่ ส้องเสพกับคุณสุริยะ-สมศักดิ์ไม่เท่าไหร่ แปรสภาพเป็นปลาร้าเข้าเนื้อได้เร็วดีจัง!
ถึงขั้นกล้า "สวน" ทั้งนายกฯ ทั้งบิ๊กป้อมตรงๆ แบบนี้ ต้องบอกว่า
ขอคารวะ และฝากเนื้อ-ฝากตัวด้วย!
๒-๓ ประโยคข้างต้น ก็ว่า "สุดยอด" แล้ว แต่ที่เลยยอดไปชนิด "ไม่เห็นศีรษะนายกฯ" ก็ต้องตรงนี้
"ตำแหน่งนี้ เดิมเป็นของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว หากจะเอาไปให้บุคคลภายนอก พรรคก็ต้องมีการประชุมใหญ่ เพื่อพิจารณาว่า จะเห็นชอบด้วยหรือไม่
การโยนชื่อ 'นายไพรินทร์' ออกมานั้น คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนายไพรินทร์เป็นทั้งอดีตผู้บริหาร ปตท.แล้วจะมาเป็น รมว.พลังงาน ที่ต้องไปกำกับดูแล ปตท.
ถามว่า จะตอบคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไร รวมทั้งผู้ที่ตรวจสอบการดำเนินงานของ ปตท.ก็ไม่สบายใจ"
ต้อง "อื้อฮือ" อีกรอบ!
แต่ก็ ดีครับ...ดี .........
การเมืองรอบแรก เหมือนซาวข้าวน้ำแรก ไหนกรวด-ไหนทรายจะได้รู้ คัดทิ้งลงใต้ถุนไปกับน้ำแรก เหลือแต่เนื้อข้าวไว้หุง
ตรรกะคุณไพบูลย์ลึกซึ้งมาก ก็อยากย้อนถามคุณไพบูลย์ด้วยตรรกะนั้น ว่า
แล้วที่คุณสุริยะเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมอยู่ตอนนี้ ผลประโยชน์ทับซ้อนมั้ย เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรมมาก่อนสมัยทักษิณ?
ทั้งคุณสุริยะเป็นผู้บริหารบริษัทด้านอุตสาหกรรมใหญ่หลายแห่ง เช่น ซัมมิท อีเล็คโทรนิค คอมโพเน้นท์ จำกัด และอีก ๓-๔ บริษัท
ถามว่า คุณไพบูลย์จะตอบคำถามเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนแทนคุณสุริยะอย่างไร?
เนี่ย...
ผมไม่ข้องใจใดๆ กับคุณสุริยะ ในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะประเด็นนี้เป็นที่เข้าใจได้ แต่เมื่อคุณไพบูลย์เค้นเป็นประเด็นขึ้นมาเพื่อต้านคุณไพรินทร์ ก็เลยอยากถามดูบ้างเท่านั้น
ผมสงสัยจริงๆ?
ว่าทำไมคุณสุริยะจึงหมายมั่นปั้นมือจะต้องเป็นรัฐมนตรีพลังงานให้ได้
อยากทำงาน หรืออยากอะไร?
ถ้าอยากทำงาน กระทรวงไหนก็ทำได้ มีค่าเพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนๆ กัน ไม่งั้นจะตั้งขึ้นมาเพื่ออะไร
แล้วที่จะเอากระทรวงพลังงานให้ได้ ไหน...ลองบอกซิ "อยาก" อะไรที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ?
ความ "อยาก" ทุกคนต้องมี เพราะมันเป็นบาทเป็นฐานของการกระทำทุกอย่าง
แต่ต้องดูว่า อยากด้วย ตัณหา อวิชชา คืออยากได้-อยากมี-อยากเป็น-อยากเอา ด้วยจิตอกุศลซ่อนเร้น
หรืออยาก แบบอยากให้ อยากแบ่งปัน อยากเสียสละ เป็นอยากด้วยกุศลจิต คือในสิ่งที่ทำ อยากให้เกิดประโยชน์ด้านดีต่อส่วนรวม
จะยกตัวอย่าง "อยาก" มาเปรียบเทียบเลยก็ได้
วันเดียวกัน คือเมื่อวาน (๒๐ ก.ค.๖๓) ขณะที่คุณไพบูลย์กำลังอยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีพลังงานให้คุณสุริยะ
"คุณเทวัญ ลิปตพัลลภ" รมต.สำนักนายกฯ ........ก็ "อยาก" ชนิดไม่มีใครคาดคิดว่าจะมี "อยาก" อย่างนี้เกิดขึ้นได้ในการเมือง
คือ "อยาก" ให้บ้านเมืองเดินหน้า และอยากให้นายกฯ สะดวกใจในการปรับ ครม.
จึง "ขอคืนตำแหน่งรัฐมนตรี" ด้วยเหตุผลว่า........
"ผมได้ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ในวันนี้ประเทศประสบปัญหาหลายด้าน
การบริหารต้องมีการปรับเปลี่ยนทีมงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ
ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อให้ท่านนายกฯ ได้ปรับทีมบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พรรคชาติพัฒนาจึงขอแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขใดๆ เพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาได้อย่างราบรื่น"
อืมมมม........
ไม่นึก-ไม่ฝัน จะมีนักการเมืองอย่างนี้ มีแต่เขากอดเก้าอี้-แย่งเก้าอี้ แต่รัฐมนตรีพรรคชาติพัฒนา
ขอลาออก..........
เพื่อ "ให้นายกฯ ปรับทีมบริหารประเทศ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาได้อย่างราบรื่น"!
พรรคพลังประชารัฐ ละอายใจตัวเองบ้างมั้ย?
แต่คงไม่.....
เพราะถ้ารู้จักคำว่าละอาย ในฐานะพรรคแกนนำ จะไม่ "แย่งอำนาจ-แย่งตำแหน่ง" จนเห็นอนาคต "รัฐบาล" ว่าถึงกาลไม่เกินสิ้นปี!
นักการเมืองรุ่นใหม่-รุ่นเก่าในพลังประชารัฐ ลองฟังนักการเมืองรุ่นเก่าที่ปลีกตัวอยู่วงนอกอย่าง "คุณสุวัจน์ ลิปตพัลลภ" อดีตรองนายกฯ กระตุกต่อมสำนึกหน่อยเป็นไง
"วันนี้ เราได้ปรึกษาหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และเราก็มีข้อสรุปกัน
ขณะนี้ พี่น้องประชาชน ได้มีความคาดหวังกับการปรับคณะรัฐมนตรี และหวังว่า ทุกคนจะต้องเสียสละ มาแก้ไขปัญหาของประเทศ ให้ผ่านพ้นวิกฤติไปได้
และเราเชื่อว่า แนวทางทางการเมือง ที่สำคัญ ๓ ข้อ คือ
๑.การเมืองจะต้องนิ่ง มีเสถียรภาพ และไม่มีความแตกแยก
๒.เราจะต้องได้คนดี คนเก่ง คนที่เข้าใจปัญหาของประเทศ เสียสละที่จะเข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรี
๓.คณะรัฐมนตรี จะต้องได้รับการยอมรับ
ในที่ประชุมพรรคชาติพัฒนาวันนี้ เราก็ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า
เพื่อเป็นการเปิดทางให้ท่านนายกรัฐมนตรีสามารถปรับคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย
ให้การเมืองมีเสถียรภาพ ไม่เกิดความแตกแยกขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล
ได้คนดีๆ เก่ง เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาประเทศชาติ และได้คณะรัฐมนตรี ที่มีการยอมรับจากพี่น้องประชาชน
ฉะนั้น วันนี้ ที่ประชุมพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา แสดงความจำนงที่จะขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อเป็นการเปิดทางให้ท่านนายกรัฐมนตรีสามารถปรับรัฐมนตรีด้วยความเรียบร้อย
และเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพ และไม่มีความแตกแยก เพื่อให้โอกาสคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันแก้ไขปัญหาประเทศ ให้ได้คณะรัฐมนตรีที่ประชาชนยอมรับ
การเสียสละของพรรคชาติพัฒนาครั้งนี้ ก็ถือว่าบ้านเมืองมีปัญหา เราไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งแต่อย่างใด ตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล และไม่มีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล ....ฯลฯ"
เนี่ย........
ถ้านักการเมือง "อยาก" เพื่อบ้าน-เพื่อเมือง แบบนี้ ประเทศไทย ชาติไหนจะมาเทียบ?
แต่ถ้า "อยาก" เพื่อกู-เพื่อพวกกูจะเอา อย่างที่คุณไพบูลย์ ทำตัวเป็นมัคนายก นำถวายคุณสุริยะ งานที่นายกฯ ผลักดันให้เดินหน้าอยู่ ถอยหลังแน่!
ดูไป-ดูมา พลังประชารัฐวันนี้ "พลเอกประวิตร" เหมือนถูกเชิดเป็นหัวหน้า
ส่วนเนื้อใน-เนื้อแท้ "เสร็จ" สามมิตร "สุริยะ-สมศักดิ์"!
ทำให้เกิดประเด็นเป็นคำถามถึงอนาคตว่า เมื่อขุนศึกถูกนักการเมืองหลอกและหักเหลี่ยมเช่นนี้
สุดท้าย.....
ศึก "ชิงพรรค" ระหว่างขั้ว "๓ ป." กับขั้ว "๒ มิตร" จะเกิดขึ้นหรือไม่ และ
ขั้วไหนอยู่-ขั้วไหนไป?
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |