"คกก.เฉพาะกิจฯ" เตรียมชง "ศบค.ชุดใหญ่" 22 ก.ค. ถกผ่อนคลายเฟส 6 เปิด 4 กลุ่มต่างชาติเข้าไทย "หมอทวีศิลป์" เผยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 1 คนกลับจากสิงคโปร์ "ระยอง-กทม." อุ่นใจผลตรวจ 6,651 คนไร้โควิด "ผู้ตรวจฯ" เล็งเชิญ "ศบค.-กต.-สมช." แจงปรับเกณฑ์คุมเข้มวีไอพีเข้าประเทศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 20 ก.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี? กล่าวถึงการพิจารณาผ่อนคลายกิจกรรม/กิจการสถานการณ์โควิด-19 ในระยะที่ 6 ว่า เห็น ศบค.ชุดเล็กประชุมกันในวันเดียวกันนี้ เพื่อที่จะนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันพุธที่ 22 ก.ค.นี้
ถามว่าหากจะปลดล็อกในช่วงเวลานี้ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าไม่ทราบ เขาต้องมีการประเมินกันก่อน ซึ่งเขาประเมินกันมากว่า 20 วันแล้ว
ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยรายวันว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 1 รายจากสิงคโปร์ ซึ่งเข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,250 ราย หายป่วยสะสม 3,096 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 96 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยรายใหม่จากสิงคโปร์เป็นชายไทยอายุ 52 ปี อาชีพช่างไฟฟ้า เดินทางมาถึงไทยวันที่ 6 ก.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อที่รายงานไปก่อนหน้านี้ 1 ราย เข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐในกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรวจเชื้อรอบแรกแล้วในวันที่ 4 ของการเข้าพัก แต่ไม่พบเชื้อ ผ่านมา 11 วันคือวันที่ 17 ก.ค.เป็นการตรวจเชื้อรอบที่สอง ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,641,819 ราย รักษาหายแล้ว 8,735,158 ราย เสียชีวิต 608,902 ราย
โฆษก ศบค.กล่าวว่า ในส่วนรายงานการตรวจตัวอย่างโควิด-19 กรณีการสอบสวนโรคในพื้นที่จังหวัดระยองและ กทม. เคสเด็กหญิงชาวซูดานนั้น พื้นที่จังหวัดระยองมีการตรวจโรคไปแล้วทั้งสิ้น 6,501 ราย ไม่พบเชื้อ 6,287 ราย อยู่ระหว่างรอผล 214 ราย และจะครบระยะเพาะเชื้อในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ขอให้สบายใจได้ ขณะที่พื้นที่ กทม.ตรวจไปแล้ว 364 ราย ไม่พบเชื้อ ถ้าให้พูดภาษาชาวบ้านคือพื้นที่ กทม.เราปิดเคสได้
"หากในอนาคตมีการติดเชื้อภายในประเทศก็ไม่เกินความคาดหมาย เราจะได้ระมัดระวัง เพราะสถานการณ์มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ก่อนหน้านี้เราเคยมีผู้ติดเชื้อหลักหน่วย หลักสิบไปถึงหลักร้อย ที่สำคัญเราต้องรับมือให้ได้ เพราะจะทำให้เราสบายใจ และเมื่อวันนี้ทุกคนต่างกลัวสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดไปทั้งโลก ดังนั้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวิถีใหม่จะพึ่งกระแสการท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างเดียวไม่ได้ เพราะชัดเจนแล้วว่าเราเองก็ไม่อยากให้เขาเข้า เขาเองก็ไม่อยากจะเดินทาง ฉะนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต้องเป็นวิถีใหม่อื่นๆ ที่เราจะคิดและทำกัน" โฆษก ศบค.กล่าว
ถามถึงการผ่อนคลายระยะที่ 6 ที่จะให้ชาวต่างชาติเข้ามาเพิ่มเติม รวมถึงกองถ่ายภาพยนตร์จะเป็นรูปแบบใดบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พิจารณาจะอนุญาต 4 กลุ่ม คือ 1.ต่างชาติจัดการแสดงสินค้าในราชอาณาจักร โดยเป็นกลุ่มคนที่ไม่ได้มาก เข้ามาในวันเวลาที่กำหนด 2.อนุญาตต่างชาติถ่ายทำภาพยนตร์ โดยมีตารางกำหนดแผน วันและเวลา สามารถควบคุมได้ 3.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติที่จะเข้ามาเป็นแรงงาน เนื่องจากขณะนี้เราขาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอาหารและการก่อสร้าง ซึ่งจะต้องใช้คนจำนวนมาก จึงต้องเปิดให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน และ 4.กลุ่มที่เข้ามารักษาพยาบาล เช่น เสริมความงามและปรึกษาเรื่องการมีบุตร เป็นต้น
"ทั้งหมดที่เข้ามาจะต้องอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ 14 วัน หรือกักตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ เตรียมเสนอที่ประชุมใหญ่ ศบค.พิจารณาในการประชุมวันที่ 22 ก.ค.นี้" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ล่าสุดที่นิตยสารนิวยอร์กไทมส์ตั้งคำถามกับทั้งโลกว่า เป็นที่วัฒนธรรมการไม่สวมกอด ภูมิต้านทานของคนไทย หรือการสวมหน้ากากอนามัยหรือไม่ ที่เป็นสาเหตุทำให้ผลการดูแลโควิด-19 ของเราดีจนเป็นที่ชื่นชมของคนทั้งโลก แต่ตนในฐานะโฆษก ศบค.ขอบอกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเป็นเพราะผลการปฏิบัติตัวของไทยที่ให้ความร่วมมือกัน
วันเดียวกัน พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากกรณีปัญหาทหารอียิปต์และครอบครัวของอุปทูตซูดานติดเชื้อโควิด-19 เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก จนทำให้ ศบค.ต้องปรับปรุงการทำงานของตนเอง ดังนั้นในสัปดาห์หน้าผู้ตรวจการแผ่นดินจะเชิญตัวแทนจาก ศบค. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาชี้แจงว่าได้มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การทำงานอย่างไรบ้างหลังเกิดปัญหา
"หากพบว่ายังมีช่องโหว่ในการปฏิบัติหน้าที่ และขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะนำเสนอข้อแนะนำส่งตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เพื่อให้พิจารณาปรับแก้ไขต่อไป และพร้อมจะใช้อำนาจที่มีอยู่ ประสานการทำงานของแต่ละหน่วยงานให้เกิดความราบรื่น และเป็นไปอย่างละมุนละม่อม" พล.อ.วิทวัสกล่าว
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าวว่า บทเรียนที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของรัฐบาล ซึ่งก็ถือว่าเป็นโทษหนักที่สุดที่รัฐบาลได้รับแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องลงโทษทางอาญาหรือทางวินัยกับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่จากนี้ต้องปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพกว่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต
"ในเรื่องของสิทธิทางการทูตกับความเข้มข้นการในการป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ผมก็เห็นว่าเรื่องสิทธิทางการทูตรัฐบาลก็ต้องละมุนละม่อม เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ แต่สิ่งไหนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทางการทูตก็ต้องเข้าใจเหมือนกัน เพราะถ้ามาตรการที่รัฐบาลกำหนดทำให้บ้านเมืองเกิดความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ทูตเข้ามาในประเทศก็จะมีความมั่นใจและสบายใจในการที่จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย" ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินกล่าว
พล.อ.วิทวัสเชื่อว่า การจัดประชุมดังกล่าวไม่ทำให้รัฐบาลรู้สึกกดดันว่าถูกจับผิด ตรงข้ามน่าจะสบายใจมากขึ้นว่ามีองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐมาตรวจสอบ ว่ามาตรการป้องกันที่รัฐบาลทำนั้นครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งหากภาคประชาชนที่เห็นว่ารัฐบาลยังมีช่องโหว่ในจุดใด หรือดำเนินการในเรื่องนี้ไม่ครบถ้วน ก็สามารถเสนอความเห็นมาให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ เราพร้อมพิจารณา
ที่โรงพยาบาลหนองคาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ พร้อมอุปกรณ์ประกอบการใช้งาน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและความดัน เหมาะสำหรับผู้ป่วยวิกฤติและผู้ป่วยที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แก่โรงพยาบาลหนองคาย โดยมีนายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องมือแพทย์พระราชทาน ร่วมกับ นพ.วิศณุ วิทยาบำรุง นายแพทย์สาธารณสุข จ.หนองคาย และ นพ.สุรกิจ ยศพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย
ทั้งนี้ โรงพยาบาลหนองคายเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 350 เตียง ให้การรักษาประชาชนในพื้นที่ จ.หนองคายและจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนประชาชนชาวลาวที่เดินทางเข้ามารักษาอาการเจ็บป่วย.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |