สสส.ห่วงแม่วัยรุ่นกว่า1ล้านคนปั้นโมเดลแกนนำวัยรุ่น


เพิ่มเพื่อน    

สสส.เป็นห่วงแม่วัยรุ่นสะสมกว่า 1 ล้านคน มีปัญหาทับซ้อนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ยากจน ไร้อาชีพ  ปั้น “โมเดลแกนนำแม่วัยรุ่น” ถอดบทเรียนพัฒนาศักยภาพ เสริมทักษะการเลี้ยงดูเด็กให้มีพัฒนาการสมวัย ช่วยแม่วัยรุ่นตั้งหลักชีวิต กลับสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรี ลดปัญหาครอบครัวเปราะบาง

             

ปัญหาแม่วัยรุ่นท้องไม่พร้อมในขณะที่เรียนหนังสือส่งผลกระทบต่อชีวิตทั้งในครอบครัวและชีวิตส่วนตัว เป็นเรื่องที่สังคมไม่ควรทอดทิ้งกัน ด้วยเหตุนี้ สสส.ร่วมมือกับหลายหน่วยงานศึกษาเพื่อจะถอดบทเรียนให้ความช่วยเหลือแม่วัยรุ่นท้องไม่พร้อมอย่างตรงเป้าหมาย และเป็นการสร้างครอบครัวอย่างมีคุณภาพ เป็นโมเดลแกนนำวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี         

 

             

ณัฐยา บุญภักดี ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็กเยาวชนและครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์แม่วัยรุ่น จากข้อมูลสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่าอัตราการคลอดของหญิงอายุ 15-19 ปี ในปี 2561 มีจำนวน 70,181 คน (อัตราคลอด 35 ต่อประชากรวัยเดียวกัน 1,000 คน) และมีแม่วัยรุ่นสะสมกว่า 1 ล้านคน ส่วนใหญ่แม่วัยรุ่นมีปัญหาทับซ้อนหลายด้าน เช่น เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ยากจน การศึกษาไม่สูง มีความรุนแรงในครอบครัว ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองได้

 

             

ผลการสำรวจพบว่า แม่วัยรุ่นไม่มีอาชีพ/รายได้ไม่เพียงพอ ร้อยละ 62.8 มีปัญหากับครอบครัว ร้อยละ 43.6 และไม่มีความรู้เรื่องการเลี้ยงดูบุตร ร้อยละ 31.4 สสส.ได้หาวิธีแก้ไขปัญหาเชิงลึก จึงได้สนับสนุน “โครงการพัฒนาศักยภาพพ่อแม่วัยรุ่นและครอบครัวเพื่อสุขภาวะของเด็กและเยาวชน” โดยร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) ดำเนินโครงการในพื้นที่นำร่อง 6 ตำบลในจังหวัดเชียงใหม่ ชัยนาท สิงห์บุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก และสงขลา และพื้นที่ต้นแบบ 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์ฅนวัยใส จ.เชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมให้แม่วัยรุ่นเห็นความสำคัญของการเลี้ยงดูบุตรด้วยตนเอง สามารถเลี้ยงดูบุตรให้มีพัฒนาการสมวัยได้ และสามารถเป็นแกนนำให้ความรู้ในการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัยแก่ครอบครัวอื่นๆ ในชุมชนได้ ถือเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดสถานการณ์ครอบครัวเปราะบาง

             

“เยาวชนที่เป็นแม่วัยรุ่นส่วนใหญ่ต้องออกจากโรงเรียน แม้กฎหมายให้กลับมาเรียนได้ แต่กลับไม่ได้เรียนต่อเพราะการตีตราสูง ไม่มีงานทำ เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว พ่อแม่ ตายาย เป็นผู้เลี้ยงดูบุตร มีความเครียด กดดัน ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ และตั้งหลักชีวิตไม่ได้ โมเดลการทำงานของโครงการนี้จะช่วยพัฒนาศักยภาพให้แม่วัยรุ่นกลับสู่สังคมอย่างมีศักดิ์ศรี ช่วยให้เด็กได้รับการดูแลมีพัฒนาการสมวัย ซึ่ง สสส.เตรียมถอดบทเรียนเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าโมเดลแกนนำแม่วัยรุ่นมีผลเชิงประจักษ์ วัดผลได้จริงจากพัฒนาการของเด็กที่ดีขึ้น แม่วัยรุ่นที่เติบโตและมีวุฒิภาวะเพิ่มมากขึ้น สามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับในแต่ละพื้นที่ ขยายครอบคลุมในทุกตำบล” ณัฐยากล่าว

 

             

ผศ.ดร.กนกวรรณ ธราวรรณ อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตั้งใจออกแบบโครงการโดยใช้หลักการ “แกนนำ” หรือการพัฒนาศักยภาพแกนนำ 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) คัดเลือกแกนนำจากประชากรแม่วัยรุ่นในตำบล 2) พัฒนาศักยภาพของแกนนำแม่วัยรุ่นให้มีความรู้และทักษะ 3) จัดหา “สนามฝึก” ให้แกนนำแม่วัยรุ่นได้ปลุกพลังบวกในตนเองและเรียนรู้ทักษะการเลี้ยงดูบุตร และ 4) ประเมินผลศักยภาพและหนุนเสริมให้แกนนำแม่วัยรุ่นได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

             

ปัจจุบันโครงการได้พัฒนาแกนนำแม่วัยรุ่นแล้ว 18 คน แกนนำแม่วัยรุ่นแต่ละคนมี “สนามฝึก” ให้ดูแลครัวเรือนแม่วัยรุ่นและครอบครัวเปราะบางคนละ 10 ครัวเรือน การดำเนินโครงการพบว่า เด็กปฐมวัยลูกของแม่วัยรุ่นในโครงการซึ่งได้รับการดูแลจากแกนนำแม่วัยรุ่นมีพัฒนาการเหมาะสมตามช่วงวัยมากขึ้น เช่น สามารถอ่านออกเขียนได้ มีภาวะโภชนาการดีขึ้น (ไม่กินขนมกรุบกรอบ ไม่ดื่มน้ำอัดลม รับประทานอาหารครบ 5 หมู่) ทิ้งขยะลงถัง สุขนิสัยดีขึ้น ซึ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนว่าแกนนำแม่วัยรุ่นสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นผู้มีศักยภาพมากขึ้นได้ สามารถให้คำแนะนำครอบครัวอื่นได้ ตนเองมีความรู้และทักษะในการดูแลบุตรของตนมากขึ้น มีความมั่นใจในตนเอง และภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น

 

            

ปิยภา เมืองแมน มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง (สคส.) ผู้จัดการโครงการพัฒนาศักยภาพพ่อแม่วัยรุ่น กล่าวว่า โครงการนี้เป็นการพัฒนาศักยภาพแม่วัยรุ่นและบุตรอย่างเป็นระบบ เพื่อให้แม่วัยรุ่นตัดสินใจเลี้ยงบุตรด้วยตนเอง โดยบุตรของแม่วัยรุ่นทุกคนที่อายุแรกเกิดถึง 6 ปี มีพัฒนาการเหมาะสมตามช่วงวัย โดยใช้ “การพัฒนาศักยภาพแกนนำแม่วัยรุ่น” เป็นเครื่องมือในการดำเนินโครงการ พัฒนาทักษะด้านพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัยให้มีความพร้อมและมั่นใจในการดูแลลูกของตนเอง ควบคู่กับการปฏิบัติภารกิจ “บ้านหนูน้อยแสนสุข” เพื่อฝึกทักษะการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือครอบครัวแม่วัยรุ่นในพื้นที่ ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ให้ความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการเด็ก และการดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาวะ

             

“แม่วัยรุ่นส่วนใหญ่จะขาดความมั่นใจในการเลี้ยงลูก การได้ไปเยี่ยมบ้านของครอบครัวแม่วัยรุ่นด้วยกันเป็นการฝึกฝนพัฒนาทักษะการดูแลเด็ก และได้เห็นภาพสะท้อนชีวิตของตัวเอง ขณะเดียวกันคณะกรรมการตำบลที่ประกอบด้วยผู้ใหญ่ กำนัน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ต่างรับรู้ถึงการทำงาน เห็นความตั้งใจ ใส่ใจ ความสม่ำเสมอ เมื่อครอบครัวและชุมชนให้การยอมรับแม่วัยรุ่นมากขึ้น สิ่งนี้ย่อมสร้างความมั่นใจและทำให้แกนนำแม่วัยรุ่นสามารถเลี้ยงดูลูกของตนเองได้อย่างดี สามารถก้าวข้ามปัญหา มีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต ซึ่งสิ่งสำคัญคือผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของปัญหา สนับสนุน ให้โอกาส มีกลไกชุมชนที่พร้อมในการทำงาน” ปิยภากล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"