20 ก.ค. 63 - นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ไร้ประโยชน์ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้พยายามทาบทามบุคคลที่มีความสามารถมาช่วยบริหารเศรษฐกิจ แต่ปรากฏชัดเจนแล้วว่าคนที่มีฝีมือไม่ยอมเข้ามาร่วมงานด้วย ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยและทั่วโลกต้องเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจจากโควิด-19 จึงเป็นความเสี่ยงอย่างหนักต่อประชาชน สาเหตุที่ไม่สามารถหาคนดีได้นั้นเกิดจากตัวของพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ปฏิรูปประเทศและสร้างความปรองดอง เน้นบทบาทเป็นนักการเมืองที่อาศัยการสร้างกติกาความได้เปรียบคู่ต่อสู้เป็นหลัก และเน้นการบริหารเศรษฐกิจที่สร้างโครงการใหญ่เพื่อรับใช้นายทุน แทนที่จะเปิดพื้นที่ให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่ได้ ทำให้ไม่เกิดการกระจายรายได้ประชาชนจึงไม่สามารถยืนบนขาของตนเองคอยแต่รอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเป็นคราวๆ
นายอดุลย์ กล่าวว่า ที่เสียความรู้สึกก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่ายังไม่ได้คิดยังไม่เห็นเรื่องข้อเสนอเรื่องการนิรโทษเพื่อสร้างความปรองดอง ทั้งที่คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สปช.ได้เสนอรายการการศึกษาในทุกมิติไปให้นายกรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว แต่กลับเก็บเข้าไว้ในลิ้นชัก เพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง กดหัวทุกฝ่ายไว้เพื่อให้ตัวเองได้สืบทอดอำนาจ ถือเป็นการหักหลังคนเสื้อเหลืองและคนเสื้อแดง รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศอย่างเจ็บปวดที่สุด ในขณะที่ญาติวีรชนพฤษภา'35 ก็ช่วยประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้ทุกฝ่ายมีความสามัคคี เพื่อให้ชาติบ้านเมืองเดินไปได้ แต่วันนี้ต้องบอกตรงๆ ว่าสิ้นหวังกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว
“ในเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ หักหลังประชาชน และล้มเหลวในการบริหารบ้านเมือง จึงไม่สามารถรวมน้ำใจคนไทยเพื่อสร้างชาติได้ จึงเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีบุคคลอื่นเข้ามาทำหน้าที่แทนโดยจัดตั้ง รัฐบาลช่วยชาติ ตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ด้วยการดึงผู้มีความรู้ความสามารถ และผู้เชี่ยวชาญจากทุกพรรคการเมือง และทุกภาคส่วนมาช่วยบริหารประเทศให้ฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ แล้วปฏิรูปประเทศทุกด้าน ปรับโครงสร้างรองรับสถานการณ์ใหม่ นิรโทษกรรมคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง เพื่อให้คนในชาติเลิกเกลียดชังกัน สามัคคีกลมเกลียวกัน แล้วแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แนวทางนี้เท่านั้นที่จะรวมไทยสร้างชาติได้ แต่หากพล.อ.ประยุทธ์ยังดันทุรังซื้อเวลาไปอีกก็หมดเวลาที่แกนนำทุกเสื้อสีจะรอคอยความหวัง และต้องลุกขึ้นมาร่วมกันจัดการปัญหากันเอง" นายอดุลย์ ระบุ
ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาเยาวชนปลดแอกด้วยว่า เห็นด้วยกับขบวนนักศึกษาที่เคลื่อนไหวด้านการเมือง เพราะการเมืองจะเคลื่อนไปอยู่ในมือของคนรุ่นใหม่ที่อายุถึงสิทธิเลือกตั้งมากขึ้นทุกปี จึงเป็นนิมิตหมายดีที่คนรุ่นใหม่มีการตื่นรู้ทางการเมือง โดยเฉพาะในขณะนี้เกิดวิกฤติไวรัสโควิดระบาดจะมีคนตกงานอีกมหาศาล นักศึกษาก็ตกเป็นเหยื่อด้วย ในเมื่อเขามองไม่เห็นอนาคตของตนเองและอนาคตบ้านเมือง จึงเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่สะท้อนความต้องการให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องได้รับรู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพวกเขา แต่ขอเตือนลูกๆ หลานๆ ด้วยความห่วงใยให้ระวังผู้ไม่หวังดีแปลกปลอมเข้ามาชูประเด็นเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งแกนนำนักศึกษาต้องบริหารจัดการชุมชุมให้เรียบร้อย พร้อมทั้งแสดงจุดยืนให้ชัดเจน และขอเตือนฝ่ายความมั่นคงด้วยว่าอย่าใช้กำลังในการจัดการกับผู้ชุมนุม หากเลือดตกยางออกรอบนี้จะเกิดวิกฤติที่ไม่มีใครควบคุมสถานการณ์ได้
“เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม ปวงชนชาวไทยควรถือเป็นวาระสำคัญ เพื่อสามัคคีปรองดอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกฝ่ายจะร่วมกันหาทางออกให้แก่ประเทศ ส่วนใครที่จาบจ้วงสถาบัน ก็ขอร้องอย่าทำอย่างนั้นเลย บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว พวกเราอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภาร มาตลอด และทำให้ประเทศชาติรอดพ้นวิกฤติมาได้ทุกครั้ง ด้วยพระบารมีของทุกพระองค์จะทำให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นได้ ”นายอดุลย์ กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |