อย่าก้าวล่วงสถาบัน ตู่สอนน้องพร้อมเบรกการเมืองจุ้น/บช.น.รอรวมข้อมูลฟัน


เพิ่มเพื่อน    


    เด็ก พปชร.เรียงหน้าโต้ข้อเรียกร้องม็อบเยาวชนปลดแอกไม่เหมาะกับสถานการณ์ สภาไม่มีความผิด เลือกตั้งช่วงโควิดยิ่งซ้ำเติมปัญหา ปัดรัฐคุกคาม มีแต่นายกฯ โดนชูป้ายคุกคาม อยากแก้ รธน.ไปเสนอ กมธ. วอนน้องๆ ให้มีสติอย่าหลงเชื่อคนยุยง ปชป.ก็ขวางยุบสภาแต่หนุนปลดล็อก รธน. "ช่อ-ก้าวไกล" เชียร์ม็อบเป็นความสวยงามของ ปชต. อ้างจะไม่แทรกแซง "จตุพร" สอนน้อง นศ.ยึดกุม 3 ข้อเรียกร้องให้แข็งแรง เตือนต้องไม่ก้าวล่วงสถาบันฯ เบรกฝ่ายการเมืองอย่าจุ้น บช.น.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้ชุมนุม คนชูป้ายข้อความโดนด้วย
    เมื่อวันอาทิตย์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH และกลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่มีการเรียกร้องถึงรัฐบาล 3 ข้อ โดยนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอตอบน้องๆ ดังนี้ 1.เรียกร้องให้ยุบสภาโดยให้เหตุผลว่าแก้ปัญหาโควิดไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี ต้องแยกแยะว่าสภากับฝ่ายบริหารคนละส่วนกัน ฝ่ายบริหารคือรัฐบาลที่กำลังแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ ประเทศเราแก้ปัญหาโควิดได้ดีมากจนทั่วโลกชื่นชมและยอมรับ เมื่อไวรัสนี้มาทำให้เดือดร้อนเศรษฐกิจหยุดชะงักทั่วโลก รัฐบาลจึงได้มีมาตรการต่างๆ ในการดูแลประชาชนที่เร่งด่วน ซึ่งทำงานอย่างมีระบบและแบบแผน ขณะนี้สภาก็ยังทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ยังไม่เกิดความเสียหายหรือผิดพลาด ไม่ควรผลักภาระไปให้ประชาชนต้องมาเลือกตั้งใหม่ และพี่ก็ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลใหม่จะถูกใจน้องๆ นศ.หรือไม่
    ข้อ 2 หยุดคุกคามประชาชนนั้น ต้องถามกลับน้องๆ นศ.ว่ารัฐบาลคุกคามใคร รัฐบาลไม่เคยคิดคุกคามแม้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ยังเห็นหลายคนออกมาเคลื่อนไหวโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และที่ผ่านมามีแต่กลุ่มที่เห็นต่าง บางคนบางกลุ่มที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลเท่านั้น เช่น กรณีที่มีชายสองคนไปยกป้ายด่านายกฯ ที่ระยอง และเป็นคนในกลุ่มเครือข่ายต่อต้านรัฐบาลตลอดมา นั่นคือการคุกคามนายกฯ มิใช่หรือ การที่น้องๆ นศ.ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ไปคุกคาม ทั้งที่ยังอยู่ในห้วง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อแก้ไขวิกฤติไวรัส ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แค่ไปดูแลความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยเท่านั้น
    ข้อ 3 การเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภากำลังศึกษาแนวทางแก้ไขอยู่ โดยมีคณะกรรมาธิการฯ ที่สภาตั้งขึ้นมาจากทุกพรรคการเมือง ทั้งซีกฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงผู้ทรงวุฒิที่สภาเสนอ ชื่อมา ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนอยู่แล้ว อยากให้แก้ประเด็นอะไรบ้าง ก็ติดต่อคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธาน กมธ. หรือคณะ กธม.ได้ ในส่วนที่น้องๆ นศ.ต้องการอยากนำเสนอในการแก้ไข กธม.จะได้นำไปพิจารณา ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้ไปก้าวล่วงการทำงานของ กธม.ของสภาแต่อย่างไร
     "พี่ต้องขอร้องให้มีสติให้มั่น อย่าได้เอาข้อมูลข่าวสารผิดๆ มาจากบางพรรคบางกลุ่มการเมืองแล้วมาเคลื่อนไหวกดดันโจมตีรัฐบาลและนายกฯ เพราะคนกลุ่มนั้นบางคนขาดความชอบธรรมในทางการเมืองแล้ว วันนี้ความรักความสามัคคีปรองดองของคนไทยเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ขอให้น้องๆ มีสติ เอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ประเทศชาติจะได้อยู่รอดปลอดภัย นายกฯ และรัฐบาลมีความตั้งใจเต็มที่ที่จะเดินหน้าให้ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้น้องๆ นศ.และพวกเราคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันด้วยความจริงใจ ประเทศเราจึงชนะและก้าวข้ามผ่านวิกฤติไปด้วยกันครับ" นายสุภรณ์กล่าว
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวเช่นกันว่า เจตนาการออกมาแสดงพลังของเยาวชนก็คงอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาขึ้น แต่การแสดงออกต้องอยู่ในกรอบกฎหมายและใช้ข้อเท็จจริงในการสื่อสาร อย่าหลงเชื่อหรือให้ใครอยู่เบื้องหลังยุงยงปลุกปั่นได้ ส่วนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อนั้นยังไม่มีความจำเป็นและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะการแก้ไขปัญหาโควิด-19 และเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี หากมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ก็ยิ่งจะแย่ลงไป กลายเป็นซ้ำเติมปัญหาปากท้องประชาชนไปอีก ตั้งแต่มีการเลือกตั้งและมีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยคุกคามประชาชน ไม่มีการใช้กฎหมายความมั่นคงปิดปากประชาชน มิฉะนั้นคงไม่มีการชูป้ายประท้วงและการชุมนุมหลายๆ ครั้งเกิดขึ้นได้ ส่วนร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขณะนี้ก็อยู่ในกระบวนการของ กมธ.วิสามัญพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 มี ส.ส.ทุกพรรคนั่งใน กมธ.ชุดนี้ จึงควรนำเสนอความเห็นข้อเรียกร้องพร้อมเหตุผลผ่านช่องทางของ กมธ. 
อัด"ธนาธร"กลับกลอก
    สำหรับกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า  กล่าวสนับสนุนและเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมนั้น น.ส.ทิพานันกล่าวว่า ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ตอกย้ำถึงความกลับไปกลับมา มีเพียงคำพูดสวยหรู แต่ไร้หลักการ เพราะในอดีตนายธนาธรเคยพูดไว้บนเวทีดีเบตลุยศึกเลือกตั้ง 62 ประชันวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกฯ ณ ลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 62 ว่า "ไม่สนับสนุนการลงถนน ให้สู้โดยกลไกสภา" พูดย้ำหลายครั้งว่า “รัฏฐาธิปัตย์ยังอยู่ที่สภาๆๆ” ซึ่งวันนั้นตนก็ชื่นชมที่ยึดหลักแกนของประชาธิปไตย แต่ทำไมมาวันนี้กลับลืมคำพูดตัวเอง ทำตรงกันข้ามกับที่พูดอย่างสิ้นเชิง 
     นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า วันนี้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย นายธนาธรก็ผ่านการเลือกตั้งมาแต่ในหัวนายธนาธรคิดอยู่ 2 อย่างคือ บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติและประชาชนบ้าง ไม่เคยคิดนโยบายที่ทำให้ประเทศก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดี วันนี้ออกมาปลุกระดมประชาชนให้ออกไปชุมนุมอีก ทั้งนี้แม้จะเป็นพลังบริสุทธิ์ของนักศึกษา แต่ก็มีพลังที่แอบแฝงรวมอยู่จำนวนมากเพราะแกนนำหลายคนก็เป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคลื่อนไหวตรงข้ามรัฐบาลมาตลอด อยากจะแนะนำน้องๆ ขอให้ไตร่ตรอง อย่าปล่อยให้พลังที่ไม่บริสุทธิ์มาครอบงำในการขับเคลื่อน วันนี้ประเทศชาติกำลังประปัญหาโควิด-19 เศรษฐกิจย่ำแย่ ประชาชนกำลังเดือดร้อน จะมาซ้ำเติมประเทศให้บอบช้ำอีกทำไม พล.อ.ประยุทธ์ฟังเสียงประชาชน มีอะไรก็นำเสนอรัฐบาลผ่านช่องทางต่างๆ หรือผ่าน ส.ส.โดยใช้กลไกรัฐสภาได้ ซึ่งดีกว่าการปลุกม็อบลงถนน 
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.เขตหลักสี่ กทม. พรรค พปชร. กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษากลุ่มเยาวชนปลดแอกว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วย ส่วนที่เรียกร้องให้ยุบสภา ขออย่าลืมว่าระบบรัฐสภานั้นก็มาจากระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน ที่ ส.ส.มาจากเสียงของประชาชน ซึ่งสภาและ ส.ส.ไม่ได้มีความผิดอะไร 
    ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังความเห็นจากทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหนก็ตาม ทุกฝ่ายก็อยากเห็นความเป็นประชาธิปไตยดำรงอยู่ในประเทศและดียิ่งขึ้น ซึ่งหากจะนับหนึ่งได้และเห็นเป็นรูปธรรมก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากมีการแก้ไขไปในทิศทางที่ดีก็ถือว่ามีความคืบหน้าให้กับประเทศ กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินตามขั้นตอน ในส่วนพรรค ปชป. มีความชัดเจนที่จะต้องแก้ไขในมาตรา 256 ที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากปลดล็อกตรงนี้ได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี 
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. กล่าวว่า การชุมนุมของนักศึกษาเป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แม้ว่าจะเป็นการชุมชนภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ตาม สำหรับข้อเรียกร้องในการชุมนุม 3 ข้อนั้น ถ้ามีการแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตย และยึดโยงกับประชาชน ก็สามารถตอบโจทย์ข้อเรียกร้องของทุกฝ่ายได้ทั้งหมด ส่วนการยุบสภาไม่ก่อเกิดประโยชน์ใดๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหรือทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองดีขึ้นมาได้ ทั้งนี้จำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องตอบรับข้อเรียกร้องของ สนท.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในทันที ในฐานะที่เป็นกรรมาธิการคนหนึ่ง เห็นว่าการดำเนินงานเป็นไปด้วยความล่าช้า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเสนอตัวเป็นเจ้าภาพในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เพื่อปลดล็อกทางการเมืองไม่ให้บ้านเมืองเดินไปสู่ทางตัน เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายในสังคมได้มีส่วนร่วมในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจของใคร
เตือนม็อบระวังโควิด
    นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ รองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าวเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ตอนนี้เราอยู่ใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการควบคุมโรค ก็อยากให้ทุกคนเคารพกฎหมาย และไม่อยากให้ผู้ที่มาชุมนุมฟังการยุยงของนักการเมืองบางคน เพราะประชาชนรอการช่วยเหลือและการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากรัฐบาล จึงอยากให้เกิดความสงบเกิดขึ้น เพื่อที่รัฐบาลจะได้มีสมาธิในการช่วยเหลือประชาชน ดังนั้นการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกหรือยุบสภานั้น ไม่เป็นผลดีกับประเทศในเวลานี้  
    ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ปชป. ในฐานะ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า ตนก็มีความกังวลในกรณีที่มีการชุมนุมจะมีการรวมกันเป็นจำนวนมาก แต่มาตรการที่ต้องดำเนินการคือต้องรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ และมีการคัดกรอง รวมถึงทำความสะอาดสถานที่เป็นประจำ การชุมนุมของนักศึกษาเมื่อวานนี้ ตนได้สั่งกรมการแพทย์ร่วมมือกับศูนย์นเรนทร โรงพยาบาลวชิระ และโรงพยาบาลกลาง ไปประจำยังพื้นที่ชุมนุม และให้ดูแลความปลอดภัยสุขภาพ จนมีการยุติชุมนุมเมื่อตอนเที่ยงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ถ้าทำตามหลักการรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ ก็สามารถชุมนุมแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องยึดตามกฎหมาย เป็นการชุมนุมโดยชอบหรือไม่อย่างไร 
      น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ได้โพสต์ข้อความลงบนทวิตเตอร์ว่า "สิ่งหนึ่งที่ชอบมากในการชุมนุมเมื่อคืนนี้ คือแต่ละคนมีวาระเป็นของตัวเอง เห็นทั้งป้ายรณรงค์ #สมรสเท่าเทียม #saveวันเฉลิม และกรณีอุ้มหายอื่นๆ เรื่องรัฐสวัสดิการ ทำป้ายกันมาเอง แจกกันเอง หรือเขียนสดๆ ตรงนั้น นี่คือความสวยงามของประชาธิปไตย ใบหน้ายิ้มเล็กน้อย  #เยาวชนปลดแอก"
    นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ตนเดินทางไปสังเกตการณ์และรับฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมชุมนุม เนื่องจากมีคนให้ความสนใจจำนวนมาก และให้กำลังใจแก่ผู้มาร่วมชุมนุม อย่างไรก็ตาม แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญตรงนี้ได้ เพราะประชาชนมองข้าม พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว มีแต่ต้องยุบสภาเท่านั้น การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เหมือนกับการชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมานับแต่ตั้งแต่ปี 2549 แต่ครั้งนี้คนที่ออกมาออกมาเพื่อตัวพวกเขาเอง จากหลายๆ ปัจจัยที่สะสมมาอย่างต่อเนื่อง พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่า เราจะไม่แทรกแซงการชุมนุม ไม่มีการให้คำแนะนำ แต่อย่างใด เราอยากเห็นบรรดาแกนนำเดินหน้าเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จากพลังที่บริสุทธิ์ โดยเราจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
อย่าก้าวล่วงสถาบันฯ
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า การชุมนุมนั้นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำทั้ง 2 ฝ่าย คือการแข่งความอดทนซึ่งกันและกัน ตนผ่านเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ซึ่งในขณะนั้นก็เป็นคนหนุ่มสาวเหมือนกับคนเหล่านี้ จึงรู้ว่าคนหนุ่มสาวเป็นพลังบริสุทธิ์ มีความฝัน มีความหวัง ดังนั้นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองนั้นเป็นหน้าที่ ฝ่ายผู้ปกครองจะต้องใจกว้าง จะต้องมีความอดทนให้ถึงที่สุด ข้อเรียกร้อง 3 ข้อนั้น ก็ต้องยึดกุมให้แข็งแรง และที่สำคัญต้องไม่ไปก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้เป็นจุดอ่อนโดยฉับพลัน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดและใจกว้าง ต้องไม่คิดในการที่จะล้อมปราบ เพราะจะทำให้สถานการณ์ของประเทศยุ่งยากมากยิ่งขึ้น พลังบริสุทธิ์จะเป็นภูมิต้านทานที่ดีที่สุด บรรดานักการเมืองพรรคการเมืองจะต้องเว้นระยะห่างจากพลังบริสุทธิ์เหล่านี้      
    นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า ขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 7 พรรคฝ่ายค้าน ได้ประชุมหาทางออกจากวิกฤตการณ์ด้วยกันในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของเยาวชนนิสิตนักศึกษา และเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.ทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขกติกาที่เป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งและการปรองดองของสังคมที่แตกแยกอย่างแท้จริง หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็ต้องยุบสภาในทันที เนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลภายใต้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติได้แล้ว
    นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า การจัดชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะต้องเร่งดำเนินการออกหมายเรียกและติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยรวมทั้งแกนนำม็อบทั้งหมด จากนั้นยังต้องออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มการเมืองและ ส.ส.บางคนที่ให้ท้ายการชุมนุมดังกล่าว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่นๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม
    ทางด้าน พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีกระทบกระทั่งกับประชาชน ตำรวจพยายามกันไม่ให้ผู้ชุมนุมลงมาบนถนน แต่ก็กันไว้ไม่ได้ จึงต้องปล่อยให้ลงมา ซึ่งกรณีมีการรายงานข่าวว่าพบชายชุดดำบริเวณ รร.สตรีวิทยานั้น ได้รับรายงานว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เข้าไปดูแลพื้นที่จุดสูงข่ม เพื่อดูแลไม่ให้มีมือที่สามเข้ามาสร้างสถานการณ์ ช่วงนี้อยู่ในช่วงประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุว่าห้ามชุมนุมมั่วสุม ในส่วนนี้ทาง บช.น.ต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะดำเนินการอย่างไร กับใครบ้าง หากพิจารณาแล้วมีความผิดในลักษณะสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เพราะมีคนมาจำนวนมาก ทุกคนที่เก็บภาพได้ถือว่าอยู่ในข่ายความผิดนี้ สำหรับข้อหาเกี่ยวกับการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เกี่ยวข้องกับแกนนำผู้ปราศรัย ส่วนความผิดเกี่ยวกับผู้สนับสนุนชัดเจน คือกลุ่มชูป้ายข้อความต่างๆ นอกจากนี้การลงมาชุมนุมบนพื้นถนน ก็เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบกด้วย
    พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า กรณีวันที่ 19 ก.ค. มีนัดชุมนุมใหญ่ใน จ.อุบลราชธานี จ.เชียงใหม่ ตนได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ที่มีการชุมนุม อย่าให้มีการปะทะกับประชาชน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม แต่หากมีการกระทำผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเพจเชียร์ลุงมีการโพสต์ข้อความว่าจะมีการจัดกิจกรรมแสดงจุดยืนภายหลังหมดปัญหาโควิด-19 เพื่อเป็นการแสดงออกเช่นเดียวกับการออกมาชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกนั้น หนึ่งในแอดมินเพจเชียร์ลุง (ไม่ระบุนาม) ได้เปิดเผยแนวทางของกิจกรรมดังกล่าวว่า ประเด็นในบางเรื่องของคนที่ออกมาชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น มีบางส่วนที่ไปไกลกว่าเรื่องล้มรัฐบาล นั่นคือมีการก้าวล่วงไปถึงเรื่องสถาบันฯ อันเป็นที่เคารพรักอย่างยิ่งในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้ ทั้งคนที่ตามในเพจเชียร์ลุงเอง หรือทีมแอดมินเอง ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้ และเห็นไปในแนวทางเดียวกันว่า กิจกรรมที่จะจัดขึ้นนั้นเพื่อเป็นการแสดงพลังของกลุ่มคนที่มีความคิดความเชื่อ คนละแบบกับพวกเขา ในเมื่อพวกเขาออกมาเย้วๆ ได้ เราก็สามารถออกมาแสดงพลังได้เช่นกัน แต่เราไม่ได้ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง โดยในวันอังคารเราจะมีการประกาศรายละเอียดกิจกรรมที่จะจัดขึ้นผ่านหน้าเพจต่อไป ภายหลังการประชุมกันเสร็จแล้ว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"