ไทยติดโควิดเพิ่ม 7 ราย มาจาก ตปท. "ศบค." ชี้สถานการณ์โลกยังวิกฤติ ต้องคุมเข้มคนเดินทางเข้าประเทศ ย้ำความมั่นใจ "ระยอง" ไร้โควิด ตรวจเข้มยังไม่มีคนติดเชื้อ ไปเที่ยวได้ไม่ต้องกักตัว ย้่ำถ้าท่านการ์ดตกเราก็ต้องยกขึ้น "ธนาธร" โชว์วิสัยทัศน์ หากระบาดรอบ 2 ปิดเมือง 14 วันพอ พร้อมเยียวยาทันท่วงทีและทั่วถึง
เมื่อวันที่ 18 ก.ค. เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การโควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 7 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,246 ราย หายป่วยสะสม 3,096 ราย รักษาอยู่ 92 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย โดย 2 รายเป็นหญิงไทยอายุ 64 ปี อาชีพแม่บ้าน และชายไทย อายุ 66 ปี อาชีพข้าราชการบำนาญ เดินทางมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 11 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ กทม. ผลตรวจพบเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 15 ก.ค. โดยผู้ป่วยหญิงมีอาการคอแห้ง และผู้ป่วยชายมีเสมหะ
ส่วนรายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางมาจากประเทศบาห์เรน ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 16 ก.ค. แต่ไม่มีอาการ และรายที่ 4-7 ทั้งหมดเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 20, 24 (2 ราย) และอายุ 29 ปี เดินทางมาจากประเทศอียิปต์ ถึงประเทศไทยวันที่ 17 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ ผลตรวจพบเชื้อโควิดวันที่ 17 ก.ค. ส่งตัวไปเข้ารักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ พบว่ามีอาการน้ำมูก ไอและเจ็บคอ
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 14,189,018 ราย รักษาหายแล้ว 8,455,165 ราย เสียชีวิต 599,339 ราย โดยจะเห็นว่าจากวันที่ 13 ก.ค.ที่มีผู้ติดเชื้อ 13 ล้านคน วันที่ 18 ก.ค. ตัวเลขขยับไปถึง 14 ล้านคน เพียง 5 วันตัวเลขสูงขึ้นไป 1 ล้านคน ถือว่าเร็วมาก สถานการณ์โลกยังวิกฤติ เราจึงต้องคุมเข้มคนที่จะเดินทางมาประเทศไทย โดยจะปิดข้อต่อต่างๆเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างเต็มที่
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ความคืบหน้าผู้ป่วยทหารชาวอียิปต์และเด็กหญิงซูดานนั้น ล่าสุดคณะกรรมการวิชาการของ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อได้ให้ข้อมูลว่า ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับการแพร่เชื้อคือผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเท่านั้น กรณีทหารอียิปต์ที่ จ.ระยอง มี 12 คน กรณีเด็กหญิงซูดานมี 7 คน ส่วนผู้ที่ไปสถานที่เดียวกับทั้งสองกรณีถือเป็นผู้มีความเสี่ยงต่ำ หากไม่สบายใจก็ให้สังเกตอาการ 14 วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติถือว่าปลอดภัย หากพบอาการผิดปกติบ่งชี้ให้รีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน
ขณะนี้สถานการณ์ต่างๆ ที่ จ.ระยอง ถือว่าเริ่มกลับมาแล้ว วันจันทร์ที่ 20 ก.ค. โรงเรียนจะเปิดเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่การท่องเที่ยว จ.ระยอง จากข่าวที่ออกมาว่ามีคนยกเลิกการเดินทางเกือบทั้งหมดนั้น จากการตรวจสอบล่าสุดอัตราการเข้าพักรวม 50เปอร์เซ็นต์ โดยที่แหลมแม่พิมพ์ อัตราการเข้าพัก 40 เปอร์เซ็นต์ หาดแม่รำพึง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นในส่วนของห้องพักที่ถูกต้องตามกฎหมาย ยังมีในส่วนอื่นๆ อีกที่ยังไม่สามารถเก็บข้อมูลได้
กลับมาเหมือนเดิม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า และในการประชุม ศบค.ชุดเล็กวันนี้ได้พูดถึงทั้งสองกรณี เช่นกรณีที่ จ.ระยอง ที่ประชุมมีความมั่นใจในการควบคุมโรคของทาง จ.ระยองเต็มที่ สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่ได้มีการล็อกดาวน์แต่อย่างใด และคน จ.ระยอง รวมถึงคนที่เดินทางไปท่องเที่ยวระยอง หากเดินทางกลับหรือไปจังหวัดอื่นๆ จากข้อมูลทางวิชาการและการพิจารณาการบริหารจัดการเห็นตรงกันว่าคนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องกักตัว
โฆษก ศบค.กล่าวว่า อยากเห็นกิจกรรมต่างๆ กลับมาเหมือนเดิม เราจึงร่างรูปแบบกิจกรรม โดยกิจกรรมที่เราจะให้เปิดดำเนินการ อาทิ การเตะฟุตบอลไทยลีกออลสตาร์ จะมีขึ้นวันที่ 8 ส.ค. การวิ่งมาราธอนของทางจังหวัดมีขึ้นวันที่ 9 ส.ค. ส่วนคอนเสิร์ตจะดำเนินการจัดที่ชายหาด จะมีทั้งเรื่องการถ่ายทอดสด มีคนชมได้ และขณะนี้เริ่มมีกองถ่ายจากประเทศเกาหลีติดต่อเข้าใช้พื้นที่ และทางจังหวัดยังได้เสนอกิจกรรมปั่นจักรยานเรียบทะเล ทางศบค.ชุดเล็กจึงให้ไปทำรายละเอียดเสนอเข้ามา
พร้อมกันนี้ในส่วนของผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อเสริมความงามและปรึกษาเรื่องการมีบุตร เราจะนำเสนอให้ไปท่องเที่ยวต่อ จ.ระยอง ช่วงปลายเดือน ส.ค. ซึ่งร่างกิจกรรมเหล่านี้จะเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่พิจารณาในวันที่ 22 ก.ค. ตนอยากสื่อสารไปยังคนระยองและผู้ที่เดินทางไป จ.ระยอง หากมีความเห็นอะไรให้เสนอเข้ามา เราอยากเห็นความตื่นตัวที่เปลี่ยนเป็นกิจกรรมเชิงบวก เพื่อให้ทุกอย่างกลับมาโดยเร็ว เราจะรับฟังข้อเสนอต่างๆ เพื่อทำให้มีจุดอ่อนน้อยที่สุด
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศประชุมร่วมกับนักการทูต ชี้แจงความจำเป็นที่ต้องขอความร่วมมือให้ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาให้อยู่ในสเตทควอรันทีนที่รัฐรับรองแทนการกักตัวในสถานที่พำนักของสถานทูต ซึ่งจะมีผลในทันที
เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องแรงงานต่างด้าว ที่อาจนำเข้าเชื้อมาภายในประเทศ ศบค.จะวางมาตรการเข้มอย่างไร นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในการประชุม คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการผ่อนคลายได้มีการพูดคุยกันถึงการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว ซึ่งได้มีการจัดทำร่างขึ้นมา ก่อนที่จะนำเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่ ทั้งนี้ เรารับทราบถึงความจำเป็นต้องมีกลุ่มแรงงาน 2 ประเภท คือกลุ่มที่มีใบอนุญาตในการทำงาน มีวีซ่าแล้ว รอการเดินทางเข้ามา กับกลุ่มที่ยังไม่มีใบอนุญาต ซึ่งถือเป็น 2 กลุ่มสำคัญมีความจำเป็นเกี่ยวข้องกับกิจการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ และเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงาน จึงอนุญาตให้สองกลุ่มแรงงานนี้เข้ามาก่อน ทั้งนี้ เมื่อเดินทางเข้ามาแล้วก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่เคยทำมาคือ 1.จะต้องมีหนังสือรับรองในการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร 2.ต้องมีใบรับรองแพทย์ 3.ผู้ประกอบการจะต้องมีการวางเงินประกันค่าใช้จ่ายของแรงงานที่เข้ามา
โฆษก ศบค.กล่าวว่า การเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรก็จะต้องมีการแสตมป์วีซ่า มีการตรวจหาเชื้อโควิด มีการตรวจสุขภาพ ต้องเข้าสู่ Local Quarantine จำนวน 14 วัน และต้องมีการลงแอปติดตามตัว โดยทุกคนต้องผ่านกระบวนการเหล่านี้ทั้งหมด ในส่วนของการทำใบอนุญาตการจ้างงาน ก็ต้องมีการอบรม มีการรับใบอนุญาต และเมื่อครบกำหนดการกักตัว นายจ้างจะต้องนำยานพาหนะมารับแรงงานทั้งหมด และเมื่อนายจ้างจะรับตัวไปทำงาน ก็ต้องมีการรายงานในพื้นที่ต่อสาธารณสุขจังหวัดให้ทราบด้วย เพื่อสาธารณสุขจังหวัดจะต้องจัดทำชุดข้อมูลในการตรวจติดตามกรณีที่อาจเกิดประเด็นปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งหมดเป็นข้อเสนอจากที่ประชุมเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระดับหนึ่ง เพราะถ้ามีการเข้ามาจำนวนมากๆ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อรับรองมาตรการต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวไทย
ทดลองโมเดลโดยเรียนรู้ร่วมกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่จังหวัดระยอง ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน การวิ่งมาราธอน การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกฯ เพื่อเป็นการกระตุ้นพื้นที่ระยอง กรณีในพื้นที่จังหวัดอื่นจะสามารถจัดกิจกรรมเหล่านี้ได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.ต้องการให้กิจกรรมต่างๆ หลังมาตรการผ่อนคลายเกิดขึ้นจริงโดยเร็ว เพื่อที่ประชาชนจะได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติในวิถีใหม่ อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ศบค.มีความกังวลว่ารูปแบบที่จะเกิดขึ้นจะเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องเรียนรู้ร่วมกันใหม่ เป็นไปได้อยากให้เกิดในพื้นที่หนึ่งเสียก่อน เพื่อจะได้เรียนรู้ร่วมกันเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
“ผมประชุมอยู่ใน ศบค. ยอมรับว่านึกภาพไม่ออกว่าวิธีการใหม่จะเป็นอย่างไร ดังนั้นเราต้องมีการประชุม พูดคุยกัน มีการนำเสนอและทดลองโมเดลโดยเรียนรู้ร่วมกัน ถ้าใช่ คนมาเที่ยวมาดูคอนเสิร์ต คนมาแข่งหรือชมกีฬา ชอบและมีอารมณ์ร่วมเหมือนเดิม นักกีฬาก็ปลอดภัย คนเข้ามาดูก็ปลอดภัย ก็ควรใช้พื้นที่หนึ่งในการทำงานก่อน โดย จ.ระยองได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อเป็นโอกาสในการเยียวยา และดึงความเชื่อมั่น แม้วันนี้จะยังไม่มีคนติดเชื้อก็ตาม จึงเป็นโอกาสในการทดสอบรูปแบบการทำกิจการหรือกิจกรรมที่ยังไม่เคยทำ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปได้ ประเมินผลในจังหวัดมีความมั่นใจ ผู้จัดมั่นใจ ประชาชนที่เข้ามามีความมั่นใจ ต่อไปจะเกิดขึ้นที่จังหวัดใดก็ได้แล้ว เป็นเรื่องที่จะค่อยๆ ทดลอง ขอให้รออีกระยะ จะได้กลับมาสนุกสนานเช่นเดิม” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
ในช่วงท้ายโฆษก ศบค.กล่าวว่า ในเรื่องความตื่นตัวนั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นที่เราจะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ ขณะเดียวกันหลายคนก็เกิดความสงสัย โดยเฉพาะการชี้แจงจาก ศบค. ซึ่งเป็นเรื่องของการสื่อสาร ซึ่งมีความยาก ตนในฐานะโฆษก ศบค.ก็มีความลำบากใจ เหมือนตัวเลขการติดเชื้อที่เป็นศูนย์ปัจจุบันก็ไม่ได้มีการนำมาพูดอย่างภาคภูมิใจ เพราะการสื่อสารรายงานข้อมูลต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย ช่วงแรกเราต้องสร้างความตื่นตัวเนื่องจากเป็นโรคอุบัติใหม่ แต่ถ้ามากเกินไปก็จะกลายเป็นความตื่นตระหนก ก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการในการสื่อสาร ตนในฐานะจิตแพทย์ บางครั้งก็ต้องผ่อนคลายให้กับผู้ที่มีความกังวล บางครั้งถ้าปล่อยไปก็จะวิตกกังวลมากเกินไปจนทำให้ไม่สามารถจะกลับมาเป็นปกติได้ อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องดูแลอารมณ์คนทั้งสังคมเป็นความท้าทาย จะต้องทำหน้าที่กันให้ดีที่สุด หลายอย่างตนก็เพิ่งรู้ หลายอย่างรู้กันมานานแล้ว จึงต้องพยายามปรับตัวและทำให้ได้กับการเผชิญโรคนี้อีกเป็นปีให้ได้
“หลายคนเฝ้าดูว่าเมื่อไหร่ผมจะพูดคำว่าการ์ดตก หรือการ์ดอย่าตกอีก วันนี้ถ้าจำเป็นก็ต้องพูด ถ้าท่านการ์ดตกเราก็ต้องยกขึ้น เหมือนคนบางคนฝนตกเป็นภูมิแพ้ แต่ก็ยังไปเดินตากฝน หมอก็ต้องเตือน แต่ถ้ารักษาสุขภาพดีอยู่แล้วเราก็ไม่ต้องเตือน สิ่งที่ทำทั้งหมดก็เป็นเจตนาเพื่อให้คนทั้ง 67 ล้านคนดูแลสุขภาพเป็นอย่างดีและผลที่ออกมาทุกคนก็มีสุขภาพแข็งแรง มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ไม่เพิ่มขึ้น เพราะทุกคนมีใจร่วมกันต่อสู้ ดังนั้นหนักนิดเบาหน่อยขอทุกคนช่วยกันเพื่อเราได้มีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรค กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.ระยองและ กทม. ดังนี้ ผลการดำเนินงาน วันที่ 14 ก.ค. 1.มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยงกรณีทหารต่างชาติที่ติดเชื้อเข้าพักในโรงแรมและเดินห้างสรรพสินค้าใน จ.ระยอง มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,336 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 2.มีประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยง กรณีเด็กหญิงที่มาในครอบครัวอุปทูต ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 และเข้าพักในคอนโดฯ ย่านสุขุมวิท มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 267 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วทั้ง 267 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ
ยังไม่พบผู้ติดเชื้อที่ระยอง
นอกจากนี้ ในวันที่ 15 ก.ค. 1.มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองมารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,252 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วทั้ง 1,252 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ
วันที่ 16 ก.ค. 1.มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองมารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมทั้งสิ้น 1,244 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วทั้ง 1,244 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 2.มีประชาชนในพื้นที่ กทม. มารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมทั้งสิ้น 97 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วทั้ง 97 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ
ส่วนวันที่ 17 ก.ค 1.มีประชาชนในพื้นที่จังหวัดระยองมารับการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการโดยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน รวมทั้งสิ้น 1,374 คน ได้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้ว 104 คน ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ 1,270 คน
ด้าน นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) แถลงถึงการใช้แอปพลิเคชันไทยชนะว่า วันเดียวกันนี้ เป็นวันที่ 61 ที่เราใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ ซึ่งมีการเริ่มใช้งานตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยภาพรวมมีผู้ใช้งานสะสม 37,078,364 คน ผู้ดาวน์โหลดใช้งาน 767,341 คน จำนวนกิจการ ร้านค้า ลงทะเบียนสะสม 274,887 คน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา เราเริ่มลบข้อมูลเป็นวันแรก โดยเป็นการลบข้อมูลของวันที่ 17 พ.ค. ซึ่งมีจำนวนยอดผู้เช็กอิน 2,702,404 ราย โดยข้อมูลถูกลบทิ้งอย่างถาวร รวมถึงข้อมูลผู้ประเมินร้านค้าก็ถูกลบทิ้ง เราไม่ได้เอาข้อมูลนี้มาใช้ และวันนี้ (18 ก.ค.) จะลบข้อมูลของวันที่ 18 พ.ค. เมื่อผ่านไป 60 วันเราจะทยอยลบข้อมูลไปเรื่อยๆ เราไม่ได้นำข้อมูลไปทำอย่างอื่น นอกจากใช้ในแอปพลิเคชันไทยชนะ ส่วนที่อ้างว่านำข้อมูลไปใช้อย่างอื่น ไปส่งเอสเอ็มเอส ยืนยันว่าสบายใจได้ เราไม่ได้ใช้ข้อมูลไปทำอย่างอื่น
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดตัวเทปแรกของรายการเฟซบุ๊กไลฟ์ “ก้าวหน้า Talk: คุณถาม เราตอบ” ถึงประเด็นโควิด-19 อาจระบาดรอบ 2 ว่าการแก้ไขการแพร่ระบาดในระยะที่สองต้องทำให้ดีกว่าครั้งแรก สามมาตรการต้องไปด้วยกัน คือ 1) มาตรการปิดเมือง 2) มาตรการสาธารณสุข และ 3)มาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ในระลอกแรก ทั้งสามมาตรการนี้ถูกทำอย่างแยกส่วนด้วยความตื่นตระหนก ทำให้มาตรการปิดเมืองกับมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจทำในคนละช่วงเวลา ไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกัน ระลอกนี้ตนหวังว่าจะมีการคิดแบบสมบูรณ์มากขึ้น ซึ่งถ้ามีการระบาดขึ้นอีกครั้ง ตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องปิดเมืองเป็นเวลานานถึงสามเดือน แต่ปิดแค่ให้เท่าระยะฟักตัวของเชื้อไวรัส คือระยะ 14 วันก็เพียงพอ และระหว่างนี้ให้ออกมาตรการเยียวยาทางเศรษฐกิจ ดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองให้ทันท่วงทีและทั่วถึง ก็จะบรรเทาผลกระทบของประชาชนได้
นายธนาธรกล่าวว่า ที่ผ่านมา ศบค.ออกมาย้ำให้ประชาชนกลัวทุกวันว่า การ์ดอย่าตก แต่ความกลัวนี้ได้กลับกลายเป็นความไม่พอใจ เมื่อรัฐบาลมีการปฏิบัติสองมาตรฐาน ระหว่างกลุ่มคนวีไอพีกับกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศ ในรอบสองสามวันที่ผ่านมาจึงมีคนรู้สึกโกรธกับมาตรการที่รัฐบาลผ่อนปรนให้กับผู้มีอำนาจ เรายืนยันว่านี่คือช่วงเวลาที่จะต้องเฉลี่ยสุขด้วยกัน ต้องก้าวต่อสู้กับการแพร่ระบาดไปด้วยกัน แต่ก็ต้องไม่ปล่อยให้คนอดตาย ข้างหน้าต่อไปหวังว่ารัฐบาลจะเห็นความสำคัญของการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ไม่ใช่เอาเป้าหมายทางสาธารณสุขเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว แล้วประกาศชัยชนะของมาตรการสาธารณสุข ซึ่งไม่ใช่ชัยชนะของประชาชนแน่ๆ เพราะมีประชาชนจำนวนมากที่เดือดร้อนจากนโยบายทางสาธารณสุขของรัฐบาล ชัยชนะที่เป็นของพวกเราทุกคน ที่เป็นของประเทศไทย คือ 1) ไม่มีคนตายเพราะไวรัส และ 2) ไม่มีคนตายเพราะความหิวโหย เพราะความยากคน นี่ต่างหากคือชัยชนะของประเทศ คือชัยชนะของคนทุกคน
"ก็หวังว่ารัฐบาลจะตระหนักถึงสิ่งนี้ เรียนรู้จากความผิดพลาดในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิดในระลอกแรก และเอาสิ่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในระลอกที่สอง” นายธนาธรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |