ทึ้งเก้าอี้สัญญาใจ‘บิ๊กป้อม’


เพิ่มเพื่อน    

 

โผ ครม.ยังไม่ลงตัว "ปรีดี" น่าจะนิ่งแล้วคุมคลัง ส่วนพลังงานมุ้งการเมืองจ่อแย่งชามข้าว ขวาง "ไพรินทร์" อ้างเป็นสัญญาใจ "บิ๊กป้อม" ก่อนขึ้นแท่นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ "นฤมล" ยังต้องลุ้นเหนื่อย 10 พรรคเล็กกินแห้วต่อ เพราะรัฐบาลเสียงไม่ปริ่มน้ำแล้ว "สาทิตย์" เขย่าประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีของพรรคผลงานไม่เข้าตา
    ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าสำหรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2 จะเป็นการปรับเล็ก โดยปรับไม่ถึง 50% พิจารณาเท่าที่จำเป็น ส่วนโควตาพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิม โดยเก้าอี้ที่ว่าง 4 ตำแหน่งคือ รองนายกรัฐมนตรี, รมว.การคลัง, รมว.พลังงาน และ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์  วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยความคืบหน้าล่าสุด ในส่วนของเก้าอี้รมว.การคลัง คาดว่านายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยถูกวางตัวให้นั่งในตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่ชื่อของนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม และอดีตผู้บริหาร ปตท. ที่มีชื่อในโผจะมานั่งเป็น รมว.พลังงานนั้น ล่าสุดอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อพรรคพลังประชารัฐยังมีความพยายามเสนอชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค เป็น รมว.พลังงาน ให้นายกฯ พิจารณา
    ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐมองว่าโควตาเก้าอี้พลังงานเป็นของพรรค และทางกลุ่มสามมิตรมองว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้สัญญาใจไว้แล้วก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรค ทำให้เป็นไปได้ว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยมีข่าวจะให้นายไพรินทร์ไปนั่งเป็นรองนายกฯและให้นายสุริยะเป็น รมว.พลังงาน ทั้งนี้ อาจเป็นการนั่งไปก่อน 6 เดือนและปรับ ครม.อีกครั้ง
    ส่วนของเก้าอี้กระทรวงอุตสาหกรรม ทางพลังประชารัฐเสนอชื่อนายอนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค ที่พลาดเก้าอี้ในครั้งแรกมาดำรงตำแหน่ง ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และรองหัวหน้าพรรค ที่พลาดตำแหน่งครั้งแรกเช่นกัน ขณะนี้ยังคงโผเดิมคือ รมว.แรงงาน ซึ่งจะเอาเก้าอี้ รมว.อว.ไปแลกกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นโควตาพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่ประกาศไว้แต่แรก จะเสนอชื่อนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรค เป็นรัฐมนตรีของพรรค
    สำหรับชื่อของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐยังต้องลุ้น โดยมีรายงานข่าวว่า พล.อ.ประวิตรพยายามผลักดันให้นางนฤมลนั่งเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้มีเสียงปริ่มน้ำแล้ว
    อีกทั้งยังเป็นเรื่องความเสมอภาคระหว่าง ชพน.กับพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่แต่เดิมมี 3 เสียงเท่ากัน แต่เป็น ชพน.ที่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ขณะที่รอบนี้พรรคพลังท้องถิ่นไทอยากจะได้โควตาด้วย หลังจากไปดึง ส.ส.มาเพิ่มได้อีก 2 คน รวมถึงเสียงสนับสนุนจากพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทยที่มีอีก 2 เสียง แต่เนื่องจากหลักการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะไม่นับ ส.ส.ที่แต่ละพรรคไปดึงมาเพิ่ม แต่จะใช้จำนวนเดิมในรอบแรก จึงอาจจะปรับพรรคชาติพัฒนาออก เพื่อลดแรงกระเพื่อมจากพรรคพลังท้องถิ่นไท
10 พรรคเล็กกินแห้วต่อ
    ทั้งนี้ สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีส่วนของพรรคพลังประชารัฐ วันที่ 21 ก.ค. พรรคจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อลงมติในการเสนอชื่อส่งให้นายกฯ พิจารณา
    ในส่วนของกลุ่ม 10 พรรคเล็ก ที่ก่อนหน้านี้กระแสข่าวว่าตัวแทนจากกลุ่มพรรคเล็กบางพรรค เสนอขอโควตารัฐมนตรี กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งในส่วนของพรรคเล็ก ล่าสุดมีรายงานว่าส.ส.กลุ่มพรรคการเมืองขนาดเล็กจะยังไม่ได้โควตารัฐมนตรีครั้งนี้ เนื่องจากได้รับตำแหน่ง เช่น ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี รวมถึงตำแหน่งกรรมาธิการชุดต่างๆ ในส่วนของสภาไปแล้ว
      แหล่งข่าวเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอว่าให้พรรคเล็กช่วยกันทำงานไปก่อน ปรับ ครม.รอบนี้ขอไว้ก่อนจะดูในส่วนอื่นๆ ให้
    นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีชื่อถูกทาบทามเข้าร่วมทีมเศรษฐกิจของคณะรัฐบาลชุดใหม่นั้น ผมได้เรียนขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่ท่านไว้วางใจ และได้เรียนท่านไปตั้งแต่ต้นอาทิตย์ที่แล้วว่าคงไม่สามารถรับตำแหน่งใดได้
    ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทีมเศรษฐกิจที่มีการเปิดรายชื่อของนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารธนาคารไทยมาร่วม ครม. นายธนาธรหัวเราะและตอบว่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญ รายชื่อทีมเศรษฐกิจไม่สำคัญ ตราบใดที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจยังเป็นคนเดิม การเปลี่ยนทีมทำงานแต่หัวหน้าทีมไม่เปลี่ยน คิดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยอะไรกับการดำเนินการทางเศรษฐกิจ
    เขากล่าวว่า ในฐานะที่นั่งดูการใช้งบประมาณของประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายงบฯ ปี 2564 ที่กำลังพิจารณา มูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท ตนเห็นชัดว่างบประมาณถูกใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ตอบสนองความเดือดร้อนประชาชน และไม่สามารถพาประเทศไทยไปต่อสู้กับโลกาภิวัตน์ได้ หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับหัว ดังนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งบประมาณไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ไม่สำคัญว่าใครจะเข้ามา ถ้าหากหัวไม่เปลี่ยน ก็ไม่มีความหมายอะไร
         ผู้สื่อถามถึงการประกาศรายชื่อคณะกรรมการปฏิรูป 13 ด้าน นายธนาธรกล่าวว่า คณะกรรมการปฏิรูปหรือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ พูดตรงๆ ว่าเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่าจะมีการปฏิรูปและมียุทธศาสตร์ของประเทศในระยะยาว แต่ในแง่ความเป็นจริง การใช้งบประมาณปี 2563 และ 2564 ก็ยังเห็นว่าเหมือนเดิมทุกอย่าง ดังนั้นตนจึงไม่เชื่อและไม่มีความศรัทธาองค์กรเหล่านี้เลยว่าจะนำไปสู่การปฏิรูปประเทศจริงๆ ได้ โดยเฉพาะหากดูรายชื่อจะเห็นชัดว่าหลายคนก็เป็นคนที่สนับสนุนการทำรัฐประหารของ คสช.มาทั้งนั้น ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เจตนาที่จะปฏิรูปอย่างเดียว แต่เป็นการตกรางวัลให้กับคนที่ช่วยสนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และช่วยในการทำรัฐประหารมากกว่า จึงไม่ต้องสงสัยว่าคณะกรรมการปฏิรูปและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติจะไม่มีบทบาทในการพาประเทศไทยไปข้างหน้า
"ดาวฤกษ์"ไม่พอรับเก้าอี้รมต.
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล วิจารณ์โฉมหน้าแคนดิเดตทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ส่วนใหญ่เป็นนักบริหาร นักธุรกิจ แต่ไม่ใช่นักวิชาการ เหมาะกับบริษัทมากกว่า ว่าเป็นความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นของนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาแสดงความเห็นเมื่อ 14 ก.ค. ว่าขอให้เอาคนที่ทำมาหากินเป็น หาเงินและลงทุนเป็นมาทำงานด้านเศรษฐกิจ ขอให้เอานักบริหารเศรษฐกิจมาทำ ดังนั้นการที่นายพิธาออกมายอมรับฝ่ายค้านไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญนั้นคงไม่ถูกต้อง แต่น่าจะเป็นเพราะพรรคร่วมฝ่ายค้านขาดการทำงานที่ประสานกัน มีความคิดเห็นกันไปคนละทางมากกว่า
    "นายพิธานติเรือทั้งโกลน โดยหลักการคนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องมาจากนักวิชาการเท่านั้น  แต่ต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อเป้าหมายในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องการคือ คนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และซื่อสัตย์สุจริต" น.ส.ทิพานันกล่าว
    ด้าน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า ทุกๆ รายชื่อแคนดิเดตรัฐมนตรีในขณะนี้ ตนก็เห็นว่าแต่ละท่านมีความรู้ความสามารถ นายฐากรก็เป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้บริหาร กสทช.มายาวนาน จึงมีความรู้ความเข้าใจ และภาคเอกชนก็น่าจะมีความเชื่อมั่น แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจทั้งสิ้น
    เมื่อถามว่า กลุ่ม ส.ส.ดาวกฤษ์จะมีรายชื่อเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.วทันยาตอบว่า อย่างที่ตนเน้นย้ำมาตลอด ปัญหาของประชาชนวันนี้มีมากมาย เราต้องการเข้ามาแก้ไข ตนเคยพูดแล้วว่า ถึงแม้จะมีการเสนอตำแหน่งใดๆ ให้ พวกเราก็จะไม่ขอรับ แต่จะขอทำหน้าที่ ส.ส.ในวันนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ ส.ส.พรรคทำได้ในตอนนี้คือการสนับสนุนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีให้สรรหาบุคลากรที่จะสามารถมาช่วยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ให้ได้
    นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการคุยละเอียดชัดในการประชุมที่เสม็ด ระหว่าง ส.ส.กับรัฐมนตรีว่าต้องปรับตัวบุคคลอย่างไร ไม่ได้คุยเรื่องตัวบุคคล แต่ที่คุยแบบชัดเจนคือต้องมีการประเมินการทำงานของรัฐมนตรี ซึ่งการประเมินนี้ควรให้ ส.ส.มีส่วนเกี่ยวข้องในการที่จะไปมีส่วนร่วมที่จะไปประเมินด้วย ส่วนผลการประเมินออกมาแล้วจะนำไปสู่การปรับ ครม.หรือไม่ อย่างไร ยังไม่คุยกันเด่นชัด
         "สำหรับผลงานของพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าให้พูดกันตรงๆ ตนเองในฐานะเป็น ส.ส.ในพื้นที่ ในภาพรวมเรายังทำได้ไม่ดีถึงขนาดที่เรียกว่าโดนหรือเข้าตาประชาชน" นายสาทิตย์กล่าว
ยังไม่คุยเรื่องปรับ ครม.
    ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยในเรื่องการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคแต่อย่างใด เพราะต้องเข้าใจว่าโดยหลักอำนาจการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ส่วนของพรรคยืนยันว่ารัฐมนตรีทุกคนมีผลงานจากการทำหน้าที่ ไม่มีความด่างพร้อย ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทุกคนทุ่มเททำงานให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และที่สำคัญพรรคมีขั้นตอนในการคัดเลือกบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยจะต้องมีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และก็จะต้องมีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ทั้งหมดมีขั้นตอนกำหนดไว้ชัดเจน
    เขากล่าวว่า ส่วนกรณีของ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีกระแสข่าวว่าจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีนั้น เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้ขอทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ให้ดีที่สุด
    นายราเมศเผยว่า สำหรับกรณีการเปลี่ยนสัญลักษณ์ของพรรค โดยมีการกล่าวว่าได้ตัดรวงข้าวล้อมรอบและตัดคำว่า “สัจจังเว อมตา วาจา” ใต้พระแม่ธรณีบีบมวยผมออกนั้น ขอเรียนว่า ไม่เป็นความจริง สัญลักษณ์พรรคหรือที่เรียกว่าโลโก้พรรคยังคงเป็นเหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีระบุไว้ชัดเจนในข้อบังคับพรรคข้อที่  5 และไม่มีการยื่นเสนอเพื่อขอแก้ไขแต่อย่างใด
    "ที่ปรากฏทางโซเชียล เฟซบุ๊กพรรคนั้น เป็นการใช้รูปแบบในนำการสื่อสาร เป็นเทคนิควิธีการของทีมโซเชียลมีเดียพรรค ซึ่งมีการใช้สัญลักษณ์ที่แตกต่างกันไป บางครั้งมีการทำเสื้อหรือของที่ระลึกก็จะมีการปรับเปลี่ยน เช่นเป็นรูปตัว D แล้วมีพระแม่ธรณีบีบมวยผมอยู่ตรงกลาง ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ขอให้สมาชิกสบายใจได้" โฆษก ปชป.กล่าว.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"