ทัวร์ลงตรงลุงตู่


เพิ่มเพื่อน    

      ในที่สุดเหตุการณ์ทหารอียิปต์ที่พักอยู่ในโรงแรมที่ระยอง และลูกทูตซูดานที่พักอยู่ในคอนโดฯ ที่สุขุมวิทติดโควิด ก็อาจจะเป็นความสะใจของใครบางคนที่ต้องการหาเหตุการณ์ที่จะเป็นมูลในการด่ารัฐบาล เพราะในช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ไม่มีคนติดเชื้อโควิดภายในประเทศ จำนวนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันนั้นเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้าพำนักอยู่ในสถานกักกันที่ทางรัฐจัดให้ทั้งสิ้น เสียงชื่นชมจากต่างชาติและความพอใจของประชาชนที่เห็นได้จากคะแนนนิยมลุงตู่ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ฝ่ายค้านตำหนิ แซะ แขวะ ด่าไม่ค่อยจะถนัดปากนั้น กระนั้นก็ตาม บางคนก็ยังหาเรื่องที่จะตำหนิรัฐบาลจนได้ คำคุณศัพท์ที่ใช้ในการสาธยายการทำงานของรัฐบาลมีทั้งคำว่า ห่วย เฮงซวย เละเทะ รวมทั้งการเสนอแนะสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการกระทำของรัฐบาลมาตลอด ในการตำหนิรัฐบาลนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่เคยลืมเลยก็คือ การไล่รัฐบาล พวกเขาจะพูดอย่างชัดเจนว่าปัญหาของประเทศในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม เป็นปัญหามาจากการที่ประเทศไทยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าจะแก้ปัญหาประเทศชาติให้ได้ ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี

            เมื่อมีเหตุการณ์ทหารอียิปต์ที่พักอยู่ในโรงแรมที่ระยองติดโควิด และออกนอกโรงแรมที่พักไปเดินห้างฯ และยังมีลูกสาวทูตซูดานไม่ยอมพำนักอยู่ในสถานทูต แต่ไปพักที่คอนโดฯ ย่านสุขุมวิท และเป็นคนที่ติดโควิด พวกเขาที่ต้องการด่ารัฐบาลและต้องการให้พลเอกประยุทธ์ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้โอกาสที่จะไล่พลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อย่างมีเหตุผลของการไล่ ดังนั้นฝ่ายค้านหลายคนจึงดาหน้ากันออกมาเป็นคณะทัวร์ที่พากันไปลงที่ลุงตู่ ไม่คิดที่จะพิจารณาเลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีตัวละครที่เกี่ยวข้องมากมาย และควรจะต้องสอบสวนทวนความกันให้ดีว่าใครจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ไม่ใช่พุ่งตรงไปที่นายกรัฐมนตรีทันที เหมือนประหนึ่งว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ประเทศไทยคงไม่ต้องมีรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดีกรม เลขาธิการสำนัก นายอำเภอ นายกเทศมนตรี อบจ. อบต.แล้ว มีนายกรัฐมนตรีคนเดียวก็พอ

            ที่จริงแล้วเรื่องนี้หากใครจะโกรธก็คงจะเป็นที่เข้าใจได้ เพราะว่าพวกเราเชื่อฟังคำแนะนำของ ศบค.มาหลายเดือน ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ กันอย่างมีวินัย อดทนกับการที่จะต้องอยู่บ้าน ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ได้ทำมาหากิน ขาดรายได้ เพราะเรายอมที่จะเข้าใจว่า “สุขภาพต้องมาก่อนเศรษฐกิจ” และพวกเราก็ดีใจและเบาใจที่พบว่าไม่มีคนติดเชื้อโควิดภายในประเทศมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว พวกเราจดจำคำพูดของหมอทวีศิลป์ได้เป็นอย่างดีว่า “อย่าประมาท การ์ดอย่าตก” เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระยองและเหตุการณ์ที่คอนโดฯ สุขุมวิท เราก็มีสิทธิ์ที่จะมองว่าภาครัฐที่บอกให้เรา “การ์ดอย่าตก” นั้น กลายเป็นคนที่การ์ดตกเสียเอง เมื่อเป็นเช่นนี้หลายคนก็ต้องโกรธ แต่ก็อยากจะขอร้องว่า “โกรธได้ แต่อย่าเกลียด” และเมื่ออารมณ์โกรธลดลง ลองหาข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยๆ คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เราจะโทษนายกรัฐมนตรี และจะคิดว่าท่านมีความผิดถึงขนาดที่จะต้องลาออกเลยเชียวหรือ เราลองพิจารณาประเด็นต่อไปนี้

            • ทำไมเราจึงพิจารณาเปิดประเทศรับเอาต่างชาติหลายๆ กลุ่มเข้ามาในประเทศของเรา มีเสียงเรียกร้องให้เราเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวใช่หรือไม่

            • ทำไมเราจึงกำหนดเงื่อนไขในการเข้ามาของพวกเขาอย่างที่ได้กำหนดไว้

            • ในการเข้าประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทำหน้าที่อย่างไร เป็นไปตามกติกาหรือไม่

            • ในการคัดกรองนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานอย่างไร ปฏิบัติตามมาตรการครบถ้วนหรือไม่

            • ทำไมทหารจึงได้ไปพักที่โรงแรม ทำไมไม่ไปพักยังสถานกักกันที่ทางรัฐจัดไว้ให้ และในขณะที่อยู่ที่โรงแรมนั้น พวกเขาทำอะไรบ้าง (ต้องตามเป็นจริงที่มีหลักฐานเท่านั้นนะ ไม่ใช่ Fake news จากกลุ่มคนที่ต้องการให้เรื่องนี้รุนแรงกว่าความเป็นจริง)

            • ทำไมลูกสาวทูตซูดานจึงไม่ไปพักที่สถานทูต ทำไมไปพักที่คอนโดฯ และช่วงที่พักที่คอนโดฯ นั้นพวกเขาไปที่ไหนกันบ้าง (ต้องเป็นเรื่องจริงเท่านั้นนะ ไม่ใช้ Fake news)

            • ทำไมทหารจึงไม่อยู่เฉพาะในโรงแรม ทำไมถึงออกไปเดินห้างสรรพสินค้า และเขาทำอะไรที่ห้างฯ บ้าง

            • การกระทำของทหารก็ดี ของลูกสาวทูตที่คิดโควิดนั้น เป็นความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการอะไรลงมาบ้างที่ทำให้เราเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีจงใจที่จะให้อภิสิทธิ์กับคนที่สร้างปัญหาในครั้งนี้ ที่ทำให้ท่านสมควรที่จะโดนตำหนิและจะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก

            ลองใช้เวลาที่อารมณ์โกรธผ่อนคลายลง แล้วหาข้อมูลที่กล่าวข้างต้นให้ได้ครบถ้วน แล้วถามตัวเองว่านายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกเลยหรือ แล้วคนที่กล่าวว่านายกรัฐมนตรีไประยองนั้นไม่มีประโยชน์อะไร มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ถ้าหากความโกรธลดลง ความเกลียดไม่มี เรามาช่วยกันคิดดีไหมว่าเราอยากให้รัฐบาลทำอะไรที่จะแก้ไขและเยียวยาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะกลัวและกังวลใจ แต่เราก็ไม่ควรจะวิตกไปไกลถึงขนาดคิดว่าจะมีการล็อกดาวน์จนทำให้เราทำมาหากินไม่ได้ ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า “สุขภาพมาก่อนเศรษฐกิจ” แต่บัดนี้เมื่อมีการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามาหลายกลุ่ม เรื่องของ “พิธีการทางการทูต” ก็กลายเป็นตัวแปรที่สำคัญอีกตัวหนึ่งที่เราต้องพิจารณา สร้างสมดุลให้ได้ระหว่าง “สุขภาพ เศรษฐกิจ และพิธีการทางการทูต” เราเชื่อแน่ว่า ศบค.จะต้องพิจารณาทบทวนหลักเกณฑ์และมาตรการในการอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาในประเทศ และคงจะมีการเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างเพื่ออุดรูรั่ว แล้วประเทศไทยของเราก็จะ move on ต่อไป ด้วยความรักสามัคคี และการสมานฉันท์ของคนในชาติ นอกจาก Social distancing แล้ว เราควรจะมี Political distancing ด้วย โดยอย่าเอาทัวร์ไปลงที่นายกรัฐมนตรีทุกเรื่องเลยนะคะ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"