18 ก.ค.63 - รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากกลุ่ม 4 กุมาร ได้ลาออกจากรัฐมนตรีเพื่อเปิดทางให้นายกฯได้ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ส่งแรงกระเพื่อมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทันที โดยก่อนหน้านี้ในที่ประชุมส.ส.พรรคเกิดการวิจารณ์การทำงาน และผลงานรัฐมนตรีของพรรคที่ไม่ค่อยมีผลงานปรากฎ หรือการทำงานที่ไม่เอื้อต่อส.ส. ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า สำหรับบุคคลที่เป็นแคนดิเดทที่จะถูกพิจารณา หากมีการปรับตัวบุคคลในพรรค คือ นายกนก วงศ์ตระหง่าน นายไชยยศ จิระเมธากร นายอัศวิน วิภูศิริ นายวิรัช ร่มเย็น นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และน.ส.จิตภัสร์ กฤษดากร
"ขอให้จับตาบุคคลที่โดดเด่นในช่วงหลังการสัมมนาพรรคที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง คือ น.ส.จิตภัสร์ ซึ่งได้รับให้เป็นรักษาการณ์เหรัญญิกพรรค โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรคได้มอบหมายให้เข้ามาปรับปรุงเรื่องสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหมดของพรรค รวมถึงการจัดทำแบรนเนอร์เผยแพร่ผลงานของรัฐมนตรีและส.ส.ของพรรคให้ทันสมัยและนอกกรอบ เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลที่สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ฐานเสียงกว้างและเพิ่มมากขึ้นในยุคดิจิดัล การสัมมนาครั้งที่แล้ว ที่เกาะเสม็ด ส.ส.ของพรรควิจารณ์ว่า สื่อโซเชียลของพรรครูปแบบล้าหลัง ไม่ดึงดูด การกระจายไม่แพร่หลาย ส่งวนเวียนกันเองในกลุ่มไลน์เฉพาะส.ส.และคนของพรรค ไม่ออกสู่สังคมวงกว้าง หน้าเว็บไซต์พรรค และเพจเฟซบุ๊กไม่มีการอัพเดทข้อมูลให้ทันสถานการณ์ จึงต้องเปลี่ยนให้น.ส.จิตภัสร์มาทำแทน พร้อมเปลี่ยนโลโก้พรรคเฉพาะในสื่อโซเชียล มีเพียงรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ไม่มีกรอบวงกลม รวงข้าวและคำขวัญประจำพรรค สัจจฺเว อมตะวาจา" แหล่งข่าว ระบุ
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส.ส.ทั้ง 52 คนของพรรค เห็นว่าส.ส.ควรจะมีส่วนร่วมในการพิจารณาบุคคลสมควรได้เป็นรัฐมนตรีของพรรค แทนที่จะต้องรับความเห็นชอบจากการพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรค โดยมีการกดดันผู้บริหารพรรคในการสัมมนาที่จ.ระยองค่อนข้างหนัก โดยให้เหตุผลว่า คนที่ทำงานใกล้ชิดกับรัฐมนตรีก็คือ ส.ส.มากกว่า กก.บห. เนื่องจาก กก.บห.พรรคส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นส.ส. และคนที่จะโหวตรับรองในเรื่องต่างๆในสภาฯให้รัฐมนตรีก็คือส.ส. เพราะทุกเรื่องที่รัฐมนตรีของพรรคทำ ต้องได้รับการสนับสนุนจากส.ส.ทั้งในสภาฯและนอกสภาฯ ดังนั้น ส.ส.จึงต้องมีบทบาทมากกว่า กก.บห. ถ้ารัฐมนตรีไม่เข้าใจการทำงาน ของส.ส.ในพื้นที่และในสภาฯก็จะเปิดปัญหาในพรรคเช่นปัจจุบัน คือทำงานในกระทรวงมากกว่าใส่ใจงานของพรรค เพราะ ส.ส.เป็นผู้รับนโยบายของพรรคมาดำเนินการทั้งในพื้นที่และในสภาฯ
แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า ก่อนร่วมรัฐบาล พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา เคยท้วงติงในที่ประชุมร่วมว่า ส.ส.ต้องสามารถประเมินผลงานของรัฐมนตรีได้ และที่จ.ระยอง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง ก็ย้ำเรื่องนี้ โดยเสนอให้ผู้บริหารพรรคทำโพลใน3 ประเด็นใหญ่คือ 1.สถานะของพรรค และความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เขตเลือกตั้ง ภูมิภาคต่างๆ 2.ความนิยมในตัวส.ส.ของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้ง
3.ความนิยมในตัวรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 7คน หรือผลงานว่าเป็นรัฐมนตรีที่ Popular หรือเป็นรัฐมนตรีที่โลกลืม ซึ่งเลขาฯพรรคก็รับปากจะประเมินผลงานโดยการทำโพลใน 1 เดือน แต่คงไม่ทันกับการปรับครม.ครั้งนี้ เพราะเกิดการปรับจากพรรคหลัก จึงกระเพื่อมถึงพรรคประชาธิปัตย์ อย่างไรก็ตาม เรื่องที่สามารถทำได้ทันที นั่นคือ การให้ส.ส.ทั้ง 52 คนของพรรค ประเมินผลงาน 7 รัฐมนตรีพรรค ฉะนั้น ขอให้จับตาการประชุมใหญ่สามัญของพรรคที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 ก.พ. นี้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |