ครม.ประยุทธ์ 2/2 เริ่มชัดเจน "ลุงตู่" อารมณ์ดีหลังกินข้าวกับ "ลุงป้อม" แพลมรายชื่อ ครม.อยู่ในหัวหมดแล้ว ยันคุมเศรษฐกิจเอง ต้องเลือกคนตรงสถานการณ์ เผยทาบ "ปรีดี" รอตอบรับ ส่วน "ประสาร" ครอบครัวไม่อนุญาต คอนเฟิร์ม "บิ๊กป้อม" นั่งเก้าอี้เดิมช่วยงานการเมืองโควตาพรรคร่วมเหมือนเดิม การันตีรอบนี้ให้ความหวังกับ ปชช.ได้ว่าจะทำให้ดีขึ้น "ลุงป้อม" สยบข่าวลือสลับเก้าอี้ มท.1 ยันทั้งหมดขึ้นกับนายกฯ หึ่ง! นายกฯ เฟ้นเอามืออาชีพมากกว่าตอบโจทย์การเมือง แต่ พปชร.ชง 2 สูตรวัดใจ ยังดัน “สุริยะ” ชิงพลังงาน “แฮงค์” นั่งอุตฯ แทน จ่อริบเก้าอี้ ชพน.หาที่นั่งให้ “นฤมล” ด้าน ส.ส.ปชป.ก่อหวอดขอเอี่ยวเลือก รมต.มากกว่า กก.บห.
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.25 น. วันที่ 17 กรกฎาคม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขึ้นพบหารือบนตึกไทยคู่ฟ้าว่า วันนี้ที่ พล.อ.ประวิตรมาพบนั้น เพราะมาประชุมที่ตึกบัญชาการ และตนไม่ค่อยได้เจอท่าน
"สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมดอยู่ในหัวผมหมดแล้ว แต่ในการทาบทามบุคคลต่างๆ ไปนั้น ก็ต้องให้เวลา เขาต้องมีเวลาในการคิด และยืนยันว่าขั้นตอนจนถึงวันนี้ยังไม่ทำอะไรเลย ไม่ว่าการกรอกคุณสมบัติหรืออะไรก็ตาม วันนี้ผมแค่ติดต่อพร้อมถามว่ายินดีที่จะมาร่วมกันทำงานไหม ซึ่งหลายคนก็บอกว่าบ๊ายบาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า จะเป็นการปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายกฯ ทำท่าคิดก่อนกล่าวว่า ไม่ได้เล็กไม่ได้ใหญ่ ไม่ถึง 50% และคนเดิมยังอยู่ ส่วนพรรคร่วมไม่เกี่ยว และพรรคร่วมก็ไม่ได้แสดงเจตนารมณ์ว่าจะปรับ ตนได้พูดคุยแล้วยืนยันว่าไม่มี และได้ตามเดิมที่เคยได้อยู่ เขาไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้ขอปรับอะไรเพิ่มเติมทั้งสิ้น คุยกันรู้เรื่อง ยังทำงานร่วมกันได้อยู่ ไม่ได้มี ปัญหาอะไร
"ท่านไม่มี ท่านไม่ได้ต้องการไปที่ไหน ท่านก็งาน หนักขึ้นอยู่แล้ว และได้ก็พูดกับผมว่าที่ท่านอยู่นี้ก็เพื่อช่วยงานผมในด้านการเมือง และก็ไม่ได้ต้องการตำแหน่งอะไรอีก ท่านก็ตอบไปแล้วนี่ จะมาถามย้ำกันอีกทำไม วันนี้ผมตอบให้แล้วนะ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรยังนั่งเก้าอี้เดียวเหมือนเดิมหรือควบตำแหน่งใหม่
เมื่อถามว่า ยังจำเป็นต้องมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ฟังนะ ในเมื่อนายกฯ เป็นฝ่ายเศรษฐกิจแล้ว นายกฯ ก็ต้องดูแลทุกกระทรวง อะไรที่มีรายได้นายกฯ สั่งการได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมาหารือกัน ซึ่งต้องเข้าใจว่า เมื่อก่อนนี้มันต่างกันที่เศรษฐกิจ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ เป็นผู้คุม ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มีจากการจัดตั้งเป็นกรณีพิเศษ ท่านก็สามารถจัดการประชุมและสั่งการได้ทุกกระทรวง แต่วันนี้กระทรวงเศรษฐกิจหลายกระทรวงไปอยู่ในสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาล แต่ผมเป็นผู้คุมทั้งหมด ดังนั้นเมื่อนายกฯ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่ใช่ว่าผมเก่งเศรษฐศาสตร์หรือเก่งด้านอะไร แต่ผมต้องการเอาทุกอย่างมาพิจารณาและวิเคราะห์ ศึกษา และปรึกษากับที่ปรึกษา ที่มีหลายภาคส่วนด้วยกัน วันนี้ทั้งหมดเราต้องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จำเป็นต้องเอาคนที่มีความรู้มาเสริมด้วย จะได้เหมาะกับห้วงเวลานี้"
เมื่อถามว่าทีมเศรษฐกิจที่จะเข้ามาใหม่เน้นงานด้านใดเป็นหลัก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องฟื้นฟูโดยเร็ว วันนี้การฟื้นฟูงานด้านเศรษฐกิจบางทีต้องใช้ทั้งนักเศรษฐศาสตร์การเงินการธนาคารมาช่วยกัน อีกทั้งสิ่งที่ตนได้ไปรับฟังจากภาคเอกชนและกลุ่มสมาคมต่างๆ รวมถึงภาคประชาชนและสื่อ จึงต้องทำทั้งหมดมาประมวลและแจกจ่ายงานให้ทีมเศรษฐกิจว่าจะต้องทำงานอะไรกันบ้าง ดังนั้น ครม.เศรษฐกิจก็คือทีมของรัฐบาล ทุกอย่างจะได้หลากหลายมากขึ้น
เมื่อถามว่า ที่นายกฯ พูดเช่นนี้แสดงว่าอาจจะไม่มีรองนายกด้านเศรษฐกิจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ แต่มีก็ดี ซึ่งตนก็ดูทั้งหมดอยู่แล้ว
ส่วนคณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจที่เคยพูดคุยนายกฯ มีความเป็นไปได้จะมาร่วมทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็มีชื่อที่ออกมาบ้าง และยอมรับว่าได้มีการทาบทามนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แต่ก็ต้องรอดูว่าจะตอบรับมาว่าอย่างไร ต้องรอก่อน แต่ยอมรับว่าเศรษฐกิจต่อจากนี้หนักแน่นอน เราจึงต้องเลือกคนให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยืนยันว่าไม่มีชื่อนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาฯ สภาพัฒน์ สื่อไปเอามาจากไหน ไม่มี และนายทศพร ก็ไม่ได้อยากจะมาวันนี้ท่านต้องช่วยงานตน เพราะเป็นข้าราชการอยู่
ปชช.คาดหวังจะทำให้ดีขึ้น
ถามว่า ครม.ที่จะปรับใหม่ไม่มีข้าราชการประจำลาออกมาเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่นายกฯ ยืนยันว่า ไม่มี ส่วนจะเป็นคนนอกกี่คน จำ ไม่ได้แล้ว เพราะไม่อยากจะจำ ส่วนนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ท่านก็ยังแข็งแรงดี แต่ทั้งหมดกำลังพิจารณากันอยู่ ส่วนนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล นั้นครอบครัวไม่อนุญาต
"ทำไมล่ะ ผมมีปัญหาอะไร ไม่มี วันนี้ผมควบม้าอยู่ วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม" นายกฯ กล่าวเมื่อถามว่านายกฯ ยังคงควบเก้าอี้ รมว.กลาโหมหรือไม่
ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า วันนี้ดูเหมือนนายกฯ อารมณ์ดี แสดงว่าการจัดทัพทุกอย่างลงตัวแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ แต่งานตนไม่ได้มีงานอย่างเดียว มีงานเยอะแยะไป หมดจึงต้องปล่อยวางให้ได้ วันนี้อยู่ในขั้นตอนการติดต่อ บางคนก็ตอบแล้ว บางคนยังไม่ตอบ บางคนก็ขอกลับไปปรึกษาครบครัวก่อน สิ่งสำคัญที่สุดคือครอบครัว และจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ส.ค.
"การปรับ ครม.ครั้งนี้ให้ความหวังกับประชาชนได้ว่าเราจะทำทุกอย่างให้ดีขึ้น และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีความบกพร่องเสียหายอะไร เพียงแต่ว่าสถานการณ์หลายอย่าง มันกดทับเข้ามา ทั้งสถานการณ์ภายนอกประเทศ ทั้งภูมิภาค เติมเรื่องโควิดเข้ามา หลายอย่างอยู่ในช่วงแก้ปัญหา ดังนั้นคนแก้ปัญหาเปลี่ยนหน้ากันไป ประชาชนก็อาจรู้สึกดีขึ้น เราต้องไปหาความรู้สึกประชาชนด้วย แต่อย่าไปโทษคนเก่า เพราะการทำงานร่วมกันไม่ได้ การจากตายเสียเมื่อไหร่ เราก็อยู่กันด้วยดี รัฐมนตรีที่ลาออกทั้งสี่ท่านเขาก็ดีกับผม ไม่ได้มีการพูดจาอะไรเสียหาย เรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์กันผมก็ฟัง แต่ก็ยังวิจารณ์และพูดกันไม่เลิกจนกว่ามีการจัดตั้ง ครม.เสร็จ"
เมื่อถามว่าโฉมหน้า ครม.ใหม่จะแจ่มใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าน่าจะดี ขอให้รอดูที่ผลงาน ทุกอย่างต้องดูที่ผลงาน แต่ผลงานเราก็ไม่ได้ประเมินกันทุกวัน
ทางด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ช่วงเช้าเพียงสั้นๆ ถึงกรณีกระแสข่าวการปรับ ครม.ว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกฯ เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่การสลับไปนั่ง รมว.มหาดไทย พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกฯ
ส่วนกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรค พปชร. ระบุว่าเรื่องโควตารัฐมนตรีของพรรคจะมีความชัดเจนในวันอังคารที่ 21 ก.ค.ว่า ต้องไปถามนายพุทธิพงษ์ ตนไม่รู้เลย พรรคยังไม่มีการประชุมกันเลย ประชุมวันอังคารก่อนค่อยว่ากัน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของหัวหน้า แต่เป็นเรื่องที่ทุกคนในพรรคต้องพูดคุยกัน เรื่องการตั้ง ครม.บอกแล้วว่าเป็นเรื่องของนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีโควตาของพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนสื่อว่า โควตาไหนล่ะ ไม่มี ทุกอย่างเป็นเรื่องของนายกฯ เมื่อถามว่าแต่ในฐานะหัวหน้าพรรค ต้องลองส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯ พิจารณา พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้ในพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย ยังไม่ได้คุยกับกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามถึงกรณีจะมีการสลับเก้าอี้กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โอ้ยไม่มีหรอก ไม่มี ไม่ย้าย ไม่มีจับพลัดจับผลูหรอก ถามอยู่อย่างเดียว
"ลุงตู่-ลุงป้อม"กินก๋วยเตี๋ยว
ส่วนโควตารัฐมนตรีที่ลาออกถือเป็นของพรรคหรือนายกฯ พล.อ.ประวิตรบอกว่า เป็นโควตาของนายกฯ จะเอาใครมาก็เป็นเรื่องของท่าน ส่วนที่มีข่าวว่าในพรรคมีการต่อต้านคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่มี มีแต่พวกคุณพูดกันเอง ส่วนโควตาของนายกฯ ทีมเศรษฐกิจอาจเป็นคนนอกทั้งหมดหรือไม่ก็แล้วแต่นายกฯ
เมื่อถามอีกว่า จะเคลียร์กับ ส.ส.ที่เป็นตัวเต็งที่ต้องการกระทรวงพลังงานอย่างไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มี บอกแล้วว่าเป็นเรื่องของนายกฯ ฟังไม่รู้เรื่องเหรอครับ เมื่อถามว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ต้องการเก้าอี้พลังงาน หากไม่ได้จะเกิดแรงกระเพื่อมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบแต่ส่ายหัวแทน ถามอีกว่าในพรรคเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรียบร้อยไม่มีอะไร มีแต่พวกคุณไปเขียนกันเอง
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.45 น. ภายหลัง พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2563 และให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ตึกบัญชาการ 1 แล้ว ขบวนรถ พล.อ.ประวิตรได้วนขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้าโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายก รัฐมนตรีและในฐานะเหรัญญิก พปชร. ได้ตามขึ้นไป แต่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร ซึ่งคาดจะเป็นการหารือปรับ ครม. โดยใช้เวลาเข้าพบประมาณ 30 นาที ทำให้นายกฯ ได้ลงมามอบนโยบายผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในการขยายผลการยึดทรัพย์ยาเสพติดจากทำเนียบฯ ไปยัง จ.เชียงใหม่ ล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมถึง 20 นาที
จากนั้นเวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงมายังตึกภักดีบดินทร์ เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ประวิตรได้ขึ้นมาส่งรายชื่อรัฐมนตรีในโควตาพรรค พปชร.แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หยุดฟัง พร้อมกล่าวว่า “กินข้าวกันก่อน เขามาประชุมที่นี่ ก็เลยมากิน ข้าวด้วยกัน พูดคุยกันเรื่อยเปื่อย” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากินข้าวอร่อยไหม นายกฯ กล่าวว่า “กินก๋วยเตี๋ยว”
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ว่า มีการหารือกันในเบื้องต้นว่าในส่วนของพรรคเรามีระบบทำบัญชีต่างๆ พล.อ.ประวิตรให้นโยบายว่าทุกอย่างจะหารือพูดคุยกันในกรรมการบริหารพรรค โดยวันอังคารที่ 21 ก.ค. หัวหน้าพรรคจะเชิญกรรมการบริหารพรรคทั้งหมดมาพูดคุยกัน ส่วนจะสรุปได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พูดคุยกัน มีระบบชัดเจน ทุกคนคงมีส่วนร่วมในการเสนอชื่อ สุดท้ายมาอยู่ที่หัวหน้าพรรค ยังมีเวลาระบบ และการปรับ ครม.จะเป็นอย่างไรนายกฯ จะเป็นผู้พิจารณา
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวปรับลดรัฐมนตรีในสัดส่วนของ กทม.ทำให้ทุกคนจับตามาที่ท่าน นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ว่าปกติในพรรคเคารพซึ่งกันและกัน แต่ละภาคแต่ละส่วน เราดูแลด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ตอนนี้ตนก็ทำงานไป เชื่อว่าทุกคนทำงานอย่างเดียว และข่าวที่ออกมาไม่ทำให้เสียกำลังใจ พรรคเราพูดคุยกันได้ทุกอย่าง เป็นไปตามกระบวนการ ไม่ได้หนักเหมือนที่เป็นข่าว เชื่อว่าจะพูดคุยกันได้ และทุกครั้งไม่ถึงต้องโหวต เชื่อว่าทุกคนเคารพในแนวคิดของพรรค เชื่อว่าจะไม่มีการแทงกันข้างหลัง ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน ทั้งนี้ต้องเชื่อมั่นในผู้นำรัฐบาล เมื่อผู้นำตัดสินใจอย่างไรเราก็เดินไปตามนั้น
"กลุ่มดาวฤกษ์" เคลื่อนไหว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมคิดและ 3 รัฐมนตรีในกลุ่ม 4 กุมารลาออกจากตำแหน่งจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่ว่า เคยมีคำสั่งเดิมอยู่แล้วว่าหากใครไม่อยู่ใคร จะเป็นผู้รักษาการ แต่บางตำแหน่ง เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีต รมว.พลังงาน และนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีต รมว.การอุดมศึกษาฯ ไขว้กันอยู่ เมื่อออกไปทั้งคู่จึงไม่มีผู้รักษาการ ดังนั้นที่ประชุม ครม.วันที่ 21 ก.ค.นี้ นายกฯ จะสั่งการใหม่ จะปล่อยว่างไม่ได้ ส่วนตำแหน่ง รมว.การคลัง ไม่มีปัญหา เพราะมี รมช.การคลังรักษาการอยู่ ยอมรับว่าต้องกระทบบ้าง จะบอกว่าไม่กระทบได้อย่างไร นายกฯ จึงบอกว่าจะเร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็วตาม ที่พูดไปกับสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเสาร์ที่ 18 ก.ค.63 เวลา 13.30 น. กลุ่มส.ส.ดาวฤกษ์ นำโดย น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พรรค พปชร.ร่วมพูดคุย รับฟังปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาพยนตร์
ภายใต้หัวข้อ "exclusive talk สุมหัวคุยแก้ปัญหา "เมื่อหนังไทยติด covid" ที่หน้าโรงภาพยนตร์ โรงที่ 13 เมเจอร์รัชโยธิน ขณะเดียวกันมีการเปิดตัวนายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ร่วมกิจกรรมด้วย
สำหรับนายสันติ เป็น 1 ใน 3 ส.ส.กลุ่ม 4 กุมาร ร่วมกับนายวิเชียร ชวลิต และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ที่ยังอยู่ในพรรค หลังแกนนำกลุ่ม 4 กุมารเพิ่งลาออกจากรัฐมนตรีและสมาชิกพรรค โดยมีข้อสังเกตว่าการมาเปิดตัวกับกลุ่ม ส.ส.ดาวฤกษ์ ที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่ม 4 กุมาร จะมีการเพิ่ม ส.ส.จาก 6 คนเป็น 7 คน จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่ ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์กำลังจะปรับ ครม.
ที่กระทรวงพลังงาน เวลา 09.30 น. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง หลังจากประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นนายสนธิรัตน์ได้พบปะอำลาข้าราชการและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจในสังกัด แถลงผลงานกับสื่อมวลชน และแจกหนังสือเอ็นเนอร์ยี่ฟอร์ออล พร้อมลายเซ็นให้กับผู้เข้าร่วมงาน โดยนายสนธิรัตน์กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกฝ่ายและสื่อที่ทำงานร่วมกันมา 1 ปี นับจากนี้คงจะพักผ่อน และยังไม่คิดว่าจะเล่นการเมืองใดๆ คงจะไปทำงานด้านที่สร้างประโยชน์ต่อประเทศต่อเนื่อง ซึ่งใครจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงานคนใหม่ ก็แล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา และไม่ขอฝาก จะสานงานต่อที่ทำไว้หรือไม่ หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ก็แล้วแต่ รมว.พลังงานคนใหม่ ทั้งนี้อยากฝากทุกคนว่าอย่าให้กระทรวงวุ่นวาย ไม่อยากให้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์กันเยอะ เพราะตนอยู่มา 1 ปีก็ไม่มีอะไรแบบนั้น
รายงานข่าวจากพรรค พปชร.แจ้งว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคในวันที่ 21 ก.ค. จะมีการพิจารณาเสนอชื่อรัฐมนตรีโควตาของพรรคให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณา เนื่องจากมีรัฐมนตรีที่เคยอยู่ในส่วนของพรรคลาออกทำให้มีเก้าอี้ว่างลง 4 ตำแหน่งคือ รองนายกรัฐมนตรี, รมว.การคลัง, รมว.พลังงาน และ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำหรับ รมว.การคลังและ รมว.พลังงานนั้น แม้แกนนำบางคนใน พปชร.อยากจะมานั่ง และแม้นายกฯ จะเข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองดี แต่โจทย์สำคัญที่นายกฯ มองคือต้องแก้ปัญหาให้ประเทศและประชาชนในภาวะวิกฤติ ไม่ใช่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว
ชง 2 สูตรวัดใจนายกฯ
ดังนั้น ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.การคลังและ รมว.พลังงาน จะเป็นโควตาคนนอกที่เป็นมืออาชีพ อีกทั้งความตั้งใจนายกฯ ต้องการปรับ ครม.ให้น้อยที่สุดเพื่อแทนตำแหน่งที่ว่างเท่านั้น และให้เกิดแรงกระเพื่อมน้อยที่สุด โดยสัดส่วนพรรคร่วมรัฐบาลยังเหมือนเดิม ในส่วน รมว.การคลัง รอเพียงการตอบรับจากนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยเท่านั้น ส่วน รมว.พลังงาน มีความเป็นไปได้สูงที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช.คมนาคม จะมารับตำแหน่งนี้ เพราะมีประสบการณ์บริหารด้านพลังงาน และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ 3 ป. รวมถึงจะเป็นบทพิสูจน์ความเป็นภาวะผู้นำของนายกฯ ในภาวะวิกฤติไม่ใช่เอาการเมืองมาเล่น เพราะสถานการณ์วันนี้แม้การเอาคนที่เป็นมืออาชีพเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ก็ยังมั่นใจได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิดได้หรือไม่ ดังนั้น หากนายกฯ พูดคุยทำความเข้าใจด้วยเหตุด้วยผล ทุกคนจะเข้าใจ เพราะถ้าการเมืองตีรวนจนอยู่ไม่ได้ บ้านเมืองจะยิ่งอยู่ไม่ได้
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับโควตา พปชร. รัฐมนตรียังนั่งที่เดิมเกือบทั้งหมด จะมีเพียงการขยับบางเก้าอี้เท่านั้น ซึ่งจากกรณีที่นายกฯ ระบุว่าพรรคสามารถเสนอชื่อบุคคลได้แต่จะเอาตามหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ ตัดสินใจเอง ทำให้ พปชร.จะเสนอโผ ครม.ของ พปชร.ให้นายกฯ พิจารณาเลือก 2 สูตร สูตรแรก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม จะไปนั่ง รมว.พลังงาน แล้วเอานายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และเลขาธิการพรรค ไปนั่ง รมว.อุตสาหกรรมแทน ส่วนนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และรองหัวหน้าพรรค พปชร. จะเสนอให้เอาโควตา รมว.อว. ไปแลกกับ รมว.แรงงาน ซึ่งเป็นโควตาของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่เสนอชื่อนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กก.บห.รปช. ส่วนอีกสูตรคือ ให้นายอนุชา ไปดำรงตำแหน่ง รมว.อว. ส่วนนายสุชาติจะไปเป็น รมช.มหาดไทย ซึ่งจะทำให้กระทรวงมหาดไทยมี รมช. 3 คน คือ นายนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี จากพรรคภูมิใจไทย และนายสุชาติ จาก พปชร.
ขณะเดียวกันยังมีรายงานอีกว่า พล.อ.ประวิตรพยายามผลักดันให้นางนฤมลนั่งเก้าอี้ รมต.ประจำสำนักนายกฯ แทนนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลไม่ได้มีเสียงปริ่มน้ำแล้ว แตกต่างจากช่วงแรกที่ต้องรวบรวมเสียงทุกพรรคให้ได้มากที่สุด จึงยอมยกเก้าอี้นี้ให้พรรค ชพน. อีกทั้งคนที่รับปากว่าจะให้เก้าอี้ ชพน.ตอนจัดตั้งรัฐบาลคือ นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรค พปชร. ที่ปัจจุบันลาออกไปแล้ว
ทางด้านพรรคร่วมรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า ในส่วนของโควตา ชพน.จะปรับเปลี่ยนหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้รับการติดต่ออะไรทั้งนั้น เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกฯ ส่วนรายชื่อทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ เห็นมีชื่อนายปรีดี ดาวฉาย จริงๆ ท่านก็เป็นคนเก่ง และเคยเป็นประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย เป็นคนเก่งและรู้จักกันดี
สส.ปชป.ก่อหวอด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกฯ ยังไม่ได้พูดคุยเรื่องปรับ ครม.กับตน แต่ตนเคยเรียนไปแล้วว่าทั้งหมดนี้ต้องเริ่มต้นที่หัวหน้ารัฐบาล ดังนั้นเมื่อนายกฯ ยังไม่ได้แจ้งอะไร ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ในเรื่องนี้ ส่วนโควตาของพรรค ปชป. ยังคงเดิมใช่หรือไม่ ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ แต่ทั้งหมดถือว่าจะต้องเริ่มต้นที่นายกฯ ซึ่งนายกฯ ยังไม่แจ้ง อะไร และยังไม่ได้พูดคุยอะไรในเรื่องนี้ และเงื่อนไขทั้งหมดในการเข้าร่วมรัฐบาลก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังเหมือนวันแรกที่ได้คุย กันจนถึงวันนี้
มีรายงานข่าวจากพรรค ปชป.ภายหลังจากกลุ่ม 4 กุมารได้ลาออกจากรัฐมนตรี ส่งแรงกระเพื่อมถึง ปชป. ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทันที โดยก่อนหน้านี้ในที่ประชุม ส.ส.พรรคเกิดการวิจารณ์การทำงานและผลงานรัฐมนตรีของพรรคที่ไม่ค่อยมีผลงานปรากฏ หรือการทำงานที่ไม่เอื้อต่อ ส.ส. ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 เช่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาฯ ที่ ส.ส.พรรคระบุว่าผลงานและข่าวสารออกสู่สังคมค่อนข้างน้อย เช่นเดียวกับนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ถูกตำหนิว่าช่วงโควิดแพร่ระบาดไม่ได้สนับสนุน ส.ส.ในพื้นที่เรื่องหน้ากากและแอลกอฮอล์เจล จึงตกเป็นเป้าที่ถูกจับตามองว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนนี้
แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับบุคคลที่เป็นแคนดิเดตที่จะถูกพิจารณาคือ นายกนก วงษ์ตระหง่าน, นายไชยยศ จิรเมธากร, นายอัศวิน วิภูศิริ, นายวิรัช ร่มเย็น, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร โดยขอให้จับตาบุคคลที่โดดเด่นในช่วงหลังการสัมมนาพรรคที่เกาะเสม็ด จ.ระยอง คือ น.ส.จิตภัสร์ ซึ่งได้รับให้เป็นรักษาการเหรัญญิกพรรค โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้มอบหมายให้เข้ามาปรับปรุงเรื่องสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหมดของพรรค รวมถึงการจัดทำแบนเนอร์เผยแพร่ผลงานของรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคให้ทันสมัยและนอกกรอบ เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลที่สามารถเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ฐานเสียงกว้าง และเพิ่มมากขึ้นในยุคดิจิดัล พร้อมเปลี่ยนโลโก้พรรคเฉพาะในสื่อโซเชียล มีเพียงรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม ไม่มีกรอบวงกลม รวงข้าว และคำขวัญประจำพรรค สัจจฺเว อมตะวาจา
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ส.ส.ทั้ง 52 คนของพรรค เห็นว่า ส.ส.ควรจะมีส่วนร่วมในการพิจารณาบุคคลสมควรได้เป็นรัฐมนตรีของพรรค แทนที่จะต้องรับความเห็นชอบจากการพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค โดยมีการกดดันผู้บริหารพรรคในการสัมมนาที่ จ.ระยองค่อนข้างหนัก โดยให้เหตุผลว่า คนที่ทำงานใกล้ชิดกับรัฐมนตรีก็คือ ส.ส.มากกว่า กก.บห. เพราะ ส.ส.เป็นผู้รับนโยบายของพรรคมาดำเนินการทั้งในพื้นที่และในสภา ฉะนั้นขอให้จับตาการประชุมใหญ่สามัญของพรรคที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 ก.ค.นี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |