เรื่อง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นนายกฯ คนที่ 30 ต่อ ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในทางการเมืองไทยแล้ว เพราะที่ผ่านมาการดำเนินการหลายอย่างของแม่น้ำ 5 สาย ตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 การยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับ การออกกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ กฎหมายปฏิรูป ต่างเป็นเครื่องบ่งชี้เจตนาแล้วทั้งสิ้น
แม้แต่ตัว บิ๊กตู่ เองก็ไม่เคยปฏิเสธแบบ ปิดประตู ว่าจะไม่กลับมาเป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพียงแทงกั๊กสงวนท่าทีว่าเป็นเรื่องอนาคต
ประเด็นสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นต่อ หากแต่อยู่ที่ว่า บิ๊กตู่ จะมาแบบปูพรมแดงคือ นายกฯ คนนอก หรือจะสวมยูนิฟอร์มนักการเมืองลงไปลุย มีต้นสังกัดแบบ นายกฯ เลือกตั้ง
แรกเริ่มเดิมที "นายกฯ คนนอก" ถูกมองว่าเป็นสูตรตายตัวที่ชัวร์สุด เพราะไม่ต้องไปเสี่ยงลงเลือกตั้งที่การปราชัยอาจทำให้เส้นทางนั่งนายกฯ อีกเทอมไม่ราบรื่น
อีกทั้งยังดู มีคุณค่า ในแง่การเป็น ทางเลือก ให้บ้านเมือง ในเมื่อรัฐสภาไม่อาจสามารถหานายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้ จึงต้องไป เชิญ มาเป็น เหมือนกับที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยมีการเชิญ ป๋าเปรม-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษมาเป็นนายกฯ ยาวถึง 8 ปี
จากวันนั้นถึงวันนี้ภาพ ป๋า ยังดูสะอาด หมดจด ในฐานะนายกฯ เพราะไม่ต้องเปลืองตัวไปอยู่ในสถานะนักการเมืองไทย
หากแต่ภายหลัง คสช.เปิดให้พรรคการเมืองใหม่จดจัดตั้งพรรค และสมาชิกพรรคการเมืองเก่าได้ยืนยันสมาชิกภาพ สูตร นายกฯ คนนอก กลับค่อยๆ สร่างซาลงไป ในขณะที่สูตร นายกฯ คนใน กลับมีแนวโน้มที่จะเป็นจริงมากขึ้น
โดยเฉพาะหลังจากนายชวน ชูจันทร์ หรือ ลุงชวน ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพื่อนสนิทของ เฮียกวง-นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยื่นจดจัดตั้งพรรค "พลังประชารัฐ" ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ขณะที่ผู้ก่อตั้งพรรคกลับปรากฏชื่อ ผู้การสุชาติ-พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 12 (ตท.12) ของ "บิ๊กตู่" รวมอยู่ด้วย
ทั้งตัวละครและชื่อพรรคมีความสอดรับหลายๆ อย่างกับรัฐบาลปัจจุบัน มันเลยทำให้สูตร "นายกฯ คนใน" ดูจะมีมูลความจริงมากขึ้นไปอีก
หลังจากนั้น ตัวละคร ในรัฐบาลที่น่าสนใจและมีความเคลื่อนไหวมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องการตั้งพรรครองรับ "บิ๊กตู่" กลายเป็น "สมคิด" ทันที
อย่างที่รู้กันว่า สมคิด นั้นนอกจากเป็นนักเศรษฐศาสตร์ลำดับต้นๆ ของประเทศ ยังเป็นคนที่สายสัมพันธ์กว้างขวางไม่แพ้ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โดยเฉพาะกับภาคธุรกิจ เอกชน และภาคการเมือง
ลำพังทหารการจะทำ พรรคการเมือง เพื่อไม่ให้ล้มเหลวเฉกเช่นในอดีต จำเป็นต้องมีนักการเมืองที่มีประสบการณ์กับ รัฐบาลพลเรือน ที่ประสบความสำเร็จในสนามเลือกตั้ง
และหลายคนคงได้เห็นมาตลอดว่า อะไรหรือใครคือปัจจัยที่ทำให้ ไทยรักไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงควบแน่นอยู่ในความนิยมของคนถึงทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่คนชื่อ สมคิด
บิ๊กป้อม อาจมากด้วยบารมีที่ล้นเหลือ นั่งโต๊ะเจรจาต่อรองกับมุ้งการเมืองต่างๆ ได้ หากแต่ "ภาษาทหาร" คงไม่หวานเท่า "ภาษานักการเมือง" ที่มีในตัว "สมคิด"
นักการเมืองด้วยกันย่อมรู้ดีว่าอีกฝั่งต้องการอะไร และควรจะคุยอย่างไรเพื่อให้เป็นที่ "พอใจ" กันทั้งสองฝ่าย และนี่ทำให้ "สมคิด" กลายเป็น ฟันเฟืองหลัก สำหรับพรรคที่จะมารองรับ "บิ๊กตู่"
การเปลี่ยนสูตรยอมเสี่ยงจาก นายกฯ คนนอก มาเป็น นายกฯ คนใน นั้น เหตุผลสำคัญคือ บิ๊กตู่ ต้องการพึ่งจมูกตนเอง
แน่นอนว่าอาจมี ส.ว. 250 ชีวิตเป็นกำลังหลักให้ในรัฐสภา แต่ในเวทีสภาผู้แทนราษฎรการไปแบบ "นายกฯ คนนอก" ไม่ต่างอะไรจากคนที่ไปแบบตัวเปล่าเล่าเปลือย
แม้จะมีทั้งพรรคขนาดกลางและเล็กที่คอยหนุน แต่ในแวดวงการเมืองแล้ว การยืมจมูกคนอื่นหายใจ ไม่สามารถไว้วางใจอะไรได้ทั้งสิ้น
การมีพรรคของตัวเอง แล้วประสานกับบรรดาแนวร่วมที่ติดต่อทาบทามเอาไว้ น่าจะทำให้ บิ๊กตู่ ดูมีภูมิต้านทานมากขึ้น เมื่อต้องฟาดฟันกับนักเลือกตั้งอาชีพในสภาผู้แทนราษฎร
ขณะพรรคที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยทหารเพียงอย่างเดียว หากต้องการเป็นพรรคที่มีเสถียรภาพและมีอำนาจต่อรอง
ดูเหมือน โมเดล ที่ "สมคิด" กำลังทำอยู่คือ การทำให้พรรคมีการผสมผสานกันระหว่างนายทหาร นักธุรกิจ นายทุน และนักการเมือง
ซึ่งภาคธุรกิจ สมคิด ได้ทำเอาไว้ตั้งแต่ต้น หากย้อนกลับไปดูรายชื่อกรรมการประสานพลังประชารัฐ ที่เต็มไปด้วยบรรดา เจ้าสัว เบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย
ตลอดระยะเวลา รัฐบาลบิ๊กตู่ ได้พยายามอำนวยความสะดวกทุกอย่างในแง่การประกอบธุรกิจเพื่อซื้อใจ เจ้าสัว เหล่านี้ เป็นการการันตีว่าถ้า บิ๊กตู่ ได้คัมแบ็กอีกรอบ พวกเขาจะสบายเหมือนในปัจจุบัน
ในซีก ภาคการเมือง มีการเดินสายกวาดต้อนอดีตนักการเมือง มุ้งการเมืองที่มีฐานเสียงตัวเองเข้าร่วมก๊วนเพื่อผนึกกำลังพรรคนี้ให้แข็งแรงขึ้น
ตามที่มีการปรากฏตัวของ ตัวละครลับ มากมายเริ่มขยับเขยื้อน ไม่ว่าจะเป็น สุชาติ ตันเจริญ แกนนำกลุ่มบ้านริมน้ำที่มีอดีต ส.ส.ในมืออยู่จำนวนหนึ่ง
หรือการ "ตามจีบ" อดีต ส.ส.ที่ยังขาลอย ไม่มีต้นสังกัดมาอยู่ในพรรค โดยเฉพาะล่าสุดที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. กับนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคชาติไทย มาโผล่ที่ห้องทำงาน สมคิด
ส่วนก่อนหน้านี้มีข่าวว่า บ้านใหญ่ นครปฐมของตระกูล สะสมทรัพย์ ก็เข้ามาอยู่ในขบวนการนี้เรียบร้อย หลังไม่ไปยืนยันสมาชิกภาพกับพรรคเพื่อไทย
และยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ไม่ไปยืนยันสมาชิกภาพกับพรรคต้นสังกัดเก่า ที่อยู่ในข่ายถูก ดูด เข้ามาเสริมแกร่งให้ฐานที่มั่น บิ๊กตู่
นอกจากใช้วิธี จีบ แล้ว ยังมียุทธการทางทหารเพื่อใช้ บีบ บรรดา ส.ส.ที่มีชนักปักหลังในเรื่องคดีความให้ต้องสยบยอมย้ายค่ายมาเข้าร่วม
พรรคที่จะรองรับ บิ๊กตู่ อาจไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่ากับ เพื่อไทย และ ประชาธิปัตย์ ทว่าก็ไม่ใช่พรรคไก่กาที่ไม่มีราคาทางการเมือง
ตามรายงานว่า ทุกอย่างจะมีความชัดเจนในเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึง รวมถึงตัว บิ๊กตู่ ที่อาจไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะประธานที่ปรึกษาของพรรคใดพรรคหนึ่งเมื่อถึงวันนั้น
และอาจไม่ใช่แค่ บิ๊กตู่ เพียงคนเดียว แต่จะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบันในก๊วนของ สมคิด ไปปรากฏตัวพร้อมกันอีกด้วย
สูตร “นายกฯ คนใน” ใกล้กระจ่างเป็นรูปธรรมในอีกไม่นาน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |