17 ก.ค.63 - นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความโโยมีเนื้อหาดังนี้
รัฐบาลเผด็จการคณาธิปไตยปล่อยให้อภิสิทธิชนเอาเปรียบคนไทยนำโควิด-19 เข้าประเทศ - กรณีระยองสะท้อนทัศนคดิไม่เห็นหัวประชาชนของนายกฯ
จากกรณีตรวจพบนายทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ที่ จ.ระยอง และกรณีลูกของทูตซูดานเดินทางมายังประเทศไทยโดยได้สิทธิไม่ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน สะท้อนความหละหลวมของรัฐบาลและการเลือกปฏิบัติต่ออภิสิทธิ์ชนบางกลุ่ม จนทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่เดือด และแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐบาลเผด็จการคณาธิปไตย ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกดขี่ประชาชน
เหตุการณ์ที่ จ.ระยอง ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและสูญสิ้นซึ่งความไว้วางใจต่อรัฐบาล การแพร่ระบาดของโรคที่ผ่านมาตลอดหลายเดือน ประชาชนต่างร่วมกันต่อสู้ เสียสละ อดทน เพื่อป้องกันไม่ให้โควิด-19 กลับมาระบาดอีก กิจการต่างๆ ต้องปิดตามคำสั่งรัฐบาล หลายอาชีพขาดรายได้ไปหลายเดือน คนเดือดร้อนจำนวนมากมายมหาศาล ด้วยความหวังว่าโรคระบาดนี้จะหายไปจากประเทศไทยและเราจะกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้ง
แต่สุดท้ายรัฐบาลเองที่ผิดพลาด ปล่อยปะละเลย จนทำให้มีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศติดเชื้อโควิด-19 ได้ข้อยกเว้นไม่ต้องกักตัวเข้ามา แล้วที่ผ่านมาประชาชนจะอดทน เสียสละ ยากลำบากได้ด้วยกันเพื่ออะไร?
เดิมทีรัฐบาลอ้างว่าสถานการณ์ฉุกเฉินมีความจำเป็นในการควบคุมการระบาดของโรค พี่น้องประชาชนก็ยอมรับว่ามีความจำเป็น แต่เมื่อประเทศไทยควบคุมสถานการณ์ได้ดี ทุกคนให้ความร่วมมือจนทำให้ประเทศไทยปลอดเชื้อถึง 2 เดือนเต็ม คนก็เริ่มตั้งคำถามว่าในท้ายที่สุดแล้วประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นเป็นเครื่องมือในการป้องกันโรคระบาดจริงหรือ? หรือเป็นเครื่องมือในการควบคุม จำกัดเสรีภาพในการชุมนุม การแสดงออกของประชาชน ในการจัดการฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล
ซึ่งเหตุการณ์ทุกวันนี้ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้ว ว่าต่อให้ยังมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โรคระบาดก็ยังกลับมาได้เสมอ และต่อให้มีสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็ไม่ได้หมายความว่าโรคระบาดจะหายไปจากประเทศไทย หากรัฐบาลหละหลวมอย่างกรณีที่เกิดขึ้นที่ จ.ระยอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมาตั้งข้อหาประชาชนสองคนไปถือป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยข้อหาที่แปลกประหลาดที่สุด คือ ฝ่าฝืนข้อกำหนดที่ออกมาตาม พ.ร.ก. สถานการณ์ฉุกเฉิน จากการทำกิจกรรมที่เสี่ยงจะก่อให้เกิดโรคระบาด โดยอธิบายว่านายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสำคัญ
แต่ในทางกลับกัน พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปพบปะกับชาวระยองในตลาด คนเดินกันขวักไขว่ คนใส่หน้ากากบ้าง ไม่ใส่บ้าง ลองพิจารณาดูว่าคนถือป้ายสองคนยืนเฉยๆ ทำไมโดนใช้กฎหมายเล่นงาน แต่กับคณะของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เดินทางไปจำนวนมาก ไปเจอกับคนจำนวนมาก แบบไหนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดมากกว่ากัน?
ทั้งหมดนี้เกิดจากทัศนคติของนายกรัฐมนตรีที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร ที่ไม่ได้ต้องการมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน ไม่เคยเอาความรู้สึกของประชาชนมาใส่ใจ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีที่พร้อมจะรับฟังประชาชน แต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มองประชาชนเป็นเหมือนลูกและเขาเป็นพ่อผู้ปกครอง
พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มองว่าประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจเป็นเจ้าของประเทศ และมีความอึดอัดทุกครั้งที่ประชาชนออกมาเรียกร้อง มาแสดงความไม่เห็นด้วย อึดอัดที่ประชาชนไม่ทำตามที่ตัวเองสั่ง โมโห แสดงความไม่พอใจที่ประชาชนไม่เข้าใจตัวเอง มีแต่สั่งให้ประชาชนทำตาม
พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีทัศนคติแบบอำนาจนิยม เอะอะก็ขู่ เอะอะก็ตักเตือน เอะอะก็หลุดคำว่าระวังเอาไว้ เวลาจะขอโทษก็พูดขอโทษเหมือนให้มันพ้นๆ ไปที
นี่หรือนายกรัฐมนตรีที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนได้
นี่หรือนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถรวมพลัง รวมความสามัคคีกับคนในชาติ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนในการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้?
เราอดทนกันมานานเกินพอสมควรแล้ว เราอดทนกับรัฐบาลเผด็จการคณาธิปไตย รัฐบาลที่ช่วยเหลือคนไม่กี่ตระกูลได้อย่างไม่ต้องลังเลใจ แต่พอต้องช่วยเหลือประชาชน กว่าจะออกมาตรการต่างๆ มาได้คิดแล้วคิดอีก ทบทวนแล้วทบทวนอีก มีข้ออ้างเสมอ แต่อีกด้านหนึ่งพร้อมที่จะเอางบประมาณไปสนับสนุนกลุ่มทุนขนาดใหญ่ หรือในการจับจ่ายซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์
คนเหล่านี้เคยคิดหรือไม่ว่าประชาชนคือเจ้านายของเขา คือผู้เสียภาษีแล้วกลายมาเป็นเงินเดือนรายได้ของพวกเขา
ประชาชนคือผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้
ประชาธิปไตยแปลว่าอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ได้เวลาประชาชนทวงคืนอำนาจสูงสุดกลับมาอีกครั้ง ได้เวลายุติระบอบเผด็จการคณาธิปไตยครองเมือง
#โควิด19 #COVID19 #การ์ดอย่าตก #เราจะอยู่กันแบบนี้จริงๆหรือ #ตำรวจระยองอุ้มประชาชน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |