พรรคเกิดใหม่ฟุ้งสรรพคุณ!


เพิ่มเพื่อน    

    อดีต ส.ส.เพื่อไทยสายวัดธรรมกายตั้งพรรคประชาภิวัฒน์ ฝันกลางวันได้ ส.ส. 50 คน! ด้านพรรคพลังธรรมใหม่ตีปี๊บ งัดทฤษฎีไม้จิ้มฟันสู้ศึกเลือกตั้ง ลุ้นได้เงิน กกต. 40-50 ล้านบาท อ้างสมัย พธ.เป็นรัฐบาล ไม่เคยรับเงินใต้โต๊ะสักบาท ขนาดมีคนเอามาให้ 
    นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงภาพรวมการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่กว่า 90 กลุ่ม ว่าคึกคักดี และเป็นของแปลกใหม่ เป็นทางเลือกของประชาชนได้มากขึ้น อย่างน้อยไม่ไปจำกัดอยู่เฉพาะไม่กี่พรรคการเมืองเหมือนในอดีต แต่พรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นแล้วจะติดตลาดหรือไม่ ต้องดูอีกระยะหนึ่งว่าจะมีนโยบายดึงดูดใจประชาชนได้อย่างไร ส่วนนักการเมืองหน้าใหม่จะแจ้งเกิดหรือไม่นั้น คิดว่าถ้าเป็นคนที่มีคุณภาพ คิดว่าประชาชนเปลี่ยนไปมาก ซึ่งเขาจะไม่เพ่งเล็งที่ความเป็นนักการเมืองเก่า แต่ไปดูที่คุณภาพ ชื่อเสียง เกียรติคุณของคนคนนั้น มากกว่าติดยึดในสายสัมพันธ์แบบเก่า
    "ดังนั้นเราอาจได้เห็นอะไรใหม่ๆ แปลกๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีการกาบัตรเลือกตั้งที่กำหนดเป็นแบบบัตรใบเดียว จะทำให้คนลงคะแนนต้องคิดหลายตลบ เพราะบัตรของเขาถูกนับ ทั้งนี้ เมื่อประชาชนตื่นตัวทางการเมืองมาก มีความหวังอยากได้คนที่มีความใหม่และความสดมาดูแลประเทศ" นายมีชัยกล่าว 
    เมื่อถามว่า นักการเมืองหน้าใหม่หลายคนชูประเด็นจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก นายมีชัยกล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา ห้ามไม่ได้ แต่ข้อสำคัญต้องบอกว่าจะแก้เรื่องอะไร หากต้องการจะแก้ไขเพราะคุณสมบัติเข้มเกินไป ก็จะทำให้เรารู้ว่าเขาอยากได้คนประเภทไหนเข้ามา
    ถามต่อว่า นักการเมืองหน้าใหม่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับรัฐธรรมนูญใหม่อย่างไร นายมีชัยกล่าวว่า คนหน้าใหม่ที่เข้ามาจะเปลี่ยนแปลงการเมืองของประเทศในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับประเทศที่เจริญแล้ว มองด้วยเหตุและผล ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญมากกว่าประโยชน์ของพรรค
    “ถ้าทำให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง ประชาชนมีความสุข พรรคย่อมได้คะแนนนิยมไปในตัว แต่ไม่ใช่ตั้งใจทำเพื่อให้พรรคได้คะแนนนิยม ส่วนสิ่งที่ประชาชนจะได้เป็นเรื่องผลพลอยได้ อยากให้เขามองสิ่งที่ประเทศและประชาชนจะได้เป็นหลัก แล้วคะแนนนิยมของพรรคจะเป็นผลพลอยได้” นายมีชัยกล่าว  
     นายจรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง กล่าวว่า จนถึงขณะนี้กลุ่มการเมืองที่ขอจดแจ้งจองชื่อพรรคทั้ง 98 กลุ่ม มีเพียงกลุ่มเดียวที่ไม่ได้รับอนุมัติการใช้เป็นชื่อพรรคคือ พรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนพรรคอื่นๆ ตามที่มีข่าว ไม่ว่าพรรค “เห็นแก่ตัว” หรือพรรค “เกรียน” นั้น ยังต้องรอดูนโยบายและอุดมการณ์พรรคเป็นที่ชัดแจ้งใจเจตนารมณ์ของการตั้งพรรคการเมืองก่อน ซึ่งกลุ่มการเมืองทั้ง 97 กลุ่มที่เหลือต้องไปรวบรวมสมาชิกพรรคให้ได้ 500 คน ตั้งสาขาพรรค 4 สาขา และระดมเงินประเดิม 1 ล้านบาทให้ได้ แล้วจึงมาถึงขั้นตอนการยื่นขออนุญาต คสช. ผ่าน กกต. เพื่อไปจัดประชุมพรรค ร่างระเบียบข้อบังคับและอุดมการณ์พรรค แล้วจึงมายื่นขอจดแจ้งตั้งพรรคกับนายทะเบียนพรรคการเมืองอีกครั้ง
      วันเดียวกันนี้ ที่ห้องประชุมเพชรงอก โรงแรมเบเวอรี่ฮิลล์ปาร์ค ต.วัดไทร อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ อดีต ส.ว.นครสวรรค์ และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาภิวัฒน์ ร่วมกันจัดประชุมผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรคประชาภิวัฒน์ โดยมีประชาชนจากหลายอำเภอของนครสวรรค์ ทั้งลาดยาว ท่าตะโก ชุมแสง บรรพตพิสัย แม่วงก์ แม่เปิน ชุมตาบง พยุหะคีรี รวมไปถึงประชาชนจากต่างจังหวัด ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน มาร่วมประชุมจำนวนกว่า 300 คน โดยพรรคประชาภิวัฒน์จัดตั้งถูกต้องตามกฎหมาย และขออนุญาตจัดตั้งพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ได้รับอนุญาตจาก กกต. โดยดำเนินการขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคโดย พล.ต.ไชยนาจ ญาติฉิมพลี
    นายสมเกียรติเปิดเผยว่า รายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรค มีตนเองเป็นหัวหน้าพรรค นางนันทนา สงฆ์ประชา อดีต ส.ส.ชัยนาท พรรคชาติไทย เป็นเลขาธิการพรรค โดยทางพรรคจะส่งผู้สมัครลงทุกเขตเลือกตั้งทั้ง 350 เขต แต่ไม่ได้หวังว่าจะได้รับเลือก ส.ส.เขตมากน้อยเท่าไหร่ หากทางพรรคมีสมาชิกเกินกว่า 3,500,000 คน ก็จะสามารถมี ส.ส.ได้ถึง 50 คน นับว่าเป็นอีกโอกาสหนึ่งทางประชาธิปไตยของการเมืองยุคใหม่
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสมเกียรติ เป็นอดีต ส.ว.นครสวรรค์ ในยุคที่ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2543 ต่อมาได้ไปลงเลือกตั้งสังกัดพรรคเพื่อแผ่นดิน และล่าสุดก่อนหน้านี้ เป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเป็นที่รู้กันดีว่านายสมเกียรติเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีความสัมพันธ์อันดีกับวัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี 
    โดยสื่อมวลชนเคยรายงานข่าวไว้ เช่น สมัยรัฐบาลเพื่อไทยแล้ว นายสมเกียรติมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไปปรากฏตัวร่วมโปรยกลีบดอกกุหลาบ เมื่อ 6 เมษายน 2555 ในงานอัญเชิญหลวงปู่สด จันทสโร หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กลับวัดปากน้ำ หรือเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2555 นายสมเกียรติจัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการเดินธุดงค์ธรรมชัย เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ (สด จนฺทสโร) ปีที่ 2 ถวายเป็นพุทธบูชา สืบสานวัฒนธรรมชาวพุทธ ฟื้นฟูจิตใจ สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน ในระหว่างวันที่ 2-27 มกราคม 2556 
     นพ.ระวี มาศฉมาดล ผู้ก่อตั้งพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของพรรคว่า  อดีตสมาชิกพรรคพลังธรรมเดิมใช้เวลากว่า 3 ปี เพื่อพูดคุยหาข้อสรุปในการวางเป้าหมายจนได้ข้อสรุปว่าโลกได้เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นทฤษฎียึดอำนาจด้วยอาวุธ อำนาจรัฐเกิดจากกระบอกปืน เนื่องจากประชาชนไม่มีปืน เราจึงไม่สามารถได้ระบบการปกครองที่ดีอย่างแท้จริง เราจึงจะทำพรรคการเมืองโดยมีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น  
    “ผมขอย้อน 20 ปีที่แล้ว ข้อมูลเราพบว่าในกระทรวงเกรดเอ ท่านทราบไหมว่าพลังธรรมไม่รับสักบาทเดียว แต่เงินที่ปลัดกระทรวงเอามาให้เรา เราจดเอาไว้ทั้งหมด 1 ปีเงินใต้โต๊ะ 1,500 ล้านต่อปี พอถึงยุคนี้ 20 ปีต่อมา เงินงบประมาณของประเทศเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่าตัว เท่ากับว่ากระทรวงเกรดเอจะได้รับเงินทอนเป็นหลักหมื่นล้านบาท ดังนั้นพรรคการเมืองทุกวันนี้จะตั้งเป้าหมายเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเงินทอนนี้ ยืนยันว่าภายในพรรคเราจะต้องมีคอร์รัปชัน 0 เปอร์เซ็นต์ จะไม่มีคอร์รัปชันในพรรคเรา” นพ.ระวี กล่าว
    นพ.ระวีกล่าวอีกว่า เป้าหมาย ส.ส.สัดส่วนของพรรคจะต้องมี ส.ส.จากส่วนกลาง 13 คน และ ส.ส.ภูมิภาค 12 คน เป็นอย่างน้อย ส่วนเงินจากกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง ตั้งเป้าว่าพรรคอาจจะได้ประมาณ 40-50 ล้านบาท เราจะโอนเงินไปยังทุกภูมิภาคเช่นกัน ส่วนกลางจะไม่เก็บเอาไว้ เพื่อให้ทางภูมิภาคนำไปใช้งานได้อย่างเต็มที่ โดยวิธีการหาเสียงนั้น ส.ส.และกรรมการเขตที่เราตั้งขึ้นมา ต้องครอบคลุมทุกตำบล พรรคจะออกโปรแกรมให้ เพื่อระบุบ้านเลขที่ ชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งของแต่ละหมู่บ้าน ตำบล เวลาไปหาเป้าหมายเขตเลือกตั้ง 1 เขต จะเข้าหาได้ประมาณ 15 หมู่บ้าน เพื่อหาคนที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคร่วมกับเรา จากนั้นหลักการเมล็ดพืชสีทองจะทำงานด้วยตัวของมันเอง บทบาทของ ส.ส.พรรคพลังธรรมใหม่ จะออกระเบียบให้ ส.ส.ทุกคน คือ ห้ามจ่ายเงินในการแต่งงาน งานบวชนาค งานศพ เราไปร่วมทุกงาน แต่ห้ามจ่ายเงินเด็ดขาด โดยเราจะทำพวงหรีดที่พรรคทำเอาไว้ไปที่งานได้เลย เพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส.ไม่ต้องใช้เงินเยอะ
    “ไม้ตายของพรรคเราคือทฤษฎีไม้จิ้มฟัน ถ้าเราเป็นไม้จิ้มฟันเพียงอันเดียวจะไปรบกับใครก็ไม่ได้ เราจะรวบรวมทุกคน ทุกศาสนา ที่มีอุดมการณ์เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เมื่อรวมกันได้เป็นจำนวนมาก ก็สามารถสู้รบกับใครก็ได้ ในอนาคตเราไม่เน้นว่าสมาชิกพรรคจะต้องดีพร้อม เราจะสรรหาคนที่ตั้งใจเข้ามาทำดีตามรอยพ่อ เท่านี้ก็เพียงพอ” นพ.ระวีกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"