ปชป.สาดน้ำร้อนใส่เพื่อไทย "จุฤทธิ์" ยันต่อสู้งบประมาณเพื่อคนใต้ตลอด แต่ถูกเสียงข้างมากลากไป แฉแม้แต่ถนนเพชรเกษมที่ลงภาคใต้จากชุมพร-เข้าภูเก็ต 4 เลน เริ่มสมัยนายชวน ถูกยกเลิกสมัยทักษิณ ดำเนินการใหม่สมัยอภิสิทธิ์ มาถูกยิ่งลักษณ์ยกเลิกอีกครั้ง "นิพิฏฐ์" ซัด "พิชัย" ปากเสีย "ทีมงานกรณ์" ย้อนเจ็บ หากเอาเงินโกงจำนำข้าวทั้งหมดมาพัฒนาถนน อาจมีถนน 6 เลน 8 เลนครบทั่วประเทศ "ชทพ." โอดทุกพรรคหนักใจปมยืนยัน-จ่ายค่าสมาชิก จี้ คสช.เร่งแก้ไข หวั่นเป็นเดดล็อก "มีชัย" มั่นใจเลือกตั้งตามโรดแมป เว้นแต่ลูกอุกกาบาตตกใส่
เมื่อวันอาทิตย์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กับพรรคเพื่อไทย (พท.) ยังคงตอบโต้กันอย่างดุเดือด ภายหลังนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป. กล่าวขอบคุณรัฐบาล คสช.ที่ซ่อมถนนภาคใต้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากรัฐบาลชุดนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลั่นแกล้ง ไม่จัดสรรงบประมาณมาให้ซ่อมแซม โดยนายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรองโฆษกพรรค ปชป. กล่าวตอบโต้นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรค พท. ที่วิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของนายชวน หลีกภัย ว่าตนไม่อยากเสียเวลากับวาทกรรมของนายวัฒนาที่ออกปากว่า "ท่านชวน หลีกภัย กล่าวให้ร้ายคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ว่า แกล้งไม่จัดงบซ่อมถนนลงภาคใต้ให้" เพราะเรื่องดังกล่าวที่นายชวนพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่การกล่าวให้ร้าย
“เหตุที่นายวัฒนาดิ้นพล่านเหมือนถูกน้ำร้อน เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่คนทั้งประเทศรู้ดี จากการที่ทักษิณเคยประกาศไว้ว่า จังหวัดไหนไม่เลือกพรรคไทยรักไทยก็จะไม่ดูแลภาคใต้ ซึ่งไม่เลือกพรรคไทยรักไทยจึงถูกตัดงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมถนนมาโดยตลอด แม้กระทั่งถนนเพชรเกษม ที่ลงภาคใต้จากชุมพร ผ่านระนอง มาพังงา เข้าภูเก็ต ซึ่งนับว่าเป็นถนนสายหลักของประเทศ ยังถูกระบอบทักษิณเลือกปฏิบัติ ไม่ได้ขยายเป็นถนน 4 ช่องจราจร”
นายจุฤทธิ์ระบุว่า ถนนเส้นดังกล่าวเริ่มในสมัยนายชวนเป็นนายกฯ ต่อมาถูกยกเลิกในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ และมีการขอให้ดำเนินการใหม่ในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ แล้วมาถูก น.ส.ยิ่งลักษณ์ยกเลิกอีกครั้งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพิ่งจะมีการเริ่มขยายช่องจราจรอีกครั้ง นายชวนจึงได้ขอบคุณ คสช. เมื่อเป็นเช่นนี้ นายวัฒนาจะตอบคนใต้ว่าอย่างไร ฝากไปบอกนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.คลังด้วยว่า พรรค ปชป.ต่อสู้ เรียกร้องเรื่องงบพัฒนาภาคใต้มาตลอด แต่ไม่ได้รับการสนองตอบ เพราะพวกท่านเป็นเสียงข้างมากลากไป ตั้งกระทู้ถามหารือ และอภิปรายในสภา แต่งบประมาณก็ไม่ลงภาคใต้อยู่ดี ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายทักษิณเลือกปฏิบัติ
ส่วนประเด็นที่นายวัฒนากล่าวว่า การพูดถึงบุคคลที่สามที่ไม่มีโอกาสตอบโต้เป็นสิ่งไม่พึงกระทำ นายจุฤทธิ์ตอบโต้ว่า นายวัฒนาคงกินยาลืมเขย่าขวด เพราะทั้งสองคนไม่ใช่บุคคลที่สาม แต่เป็นนักโทษหนีคดีที่นายวัฒนาไม่ควรออกมาปกป้อง ทั้งสองทำร้ายประเทศชาติมามาก อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และไม่มีใครห้ามไม่ให้ทั้งสองคนชี้แจง เพราะทั้งคู่ก็ไม่ได้เป็นใบ้ แต่ถ้าทั้งคู่จะตอบคนใต้ไม่ได้ เพราะเป็นความจริง ก็อีกเรื่องหนึ่ง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้พรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องใช้ภาษีอากรที่เก็บจากคนทั้งชาติมาต่อรองประชาชนให้เลือกพรรคตัวเองเหมือนเป็นเงินส่วนตัวของตัวเอง พรรคเพื่อไทยทำมาตลอด เริ่มตั้งแต่ 1.นายทักษิณพูดที่หอประชุมโรงเรียนบรรพตพิทยาคม จ.นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2548 ความว่า "จังหวัดนี้ต้องได้รับสิทธิในการได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ผมตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจเรา เราต้องดูแลเป็นพิเศษ" 2.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.2556 กรณีการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติจังหวัดภูเก็ตว่า "วันหน้าจะสร้างแน่นอน เมื่อเขาเห็นความดีของพวกเรา แล้วเลือกคนของเรา วันนั้นผมจะไปทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์.."
"นิพิฏฐ์"ซัด"พิชัย"ปากเสีย
"ทั้งหมดมีหลักฐาน ท่านที่ไม่เชื่อไปเปิดดูใน google เพราะผมเป็นคนอภิปรายนายกฯ ทักษิณ เรื่องนี้ในสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นที่ใครถามว่าหากเป็นความจริงทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่พูดเรื่องนี้ ขอบอกว่าผมพูดเรื่องนี้มาแล้ว แต่คนที่ถามความจำสั้นเอง การที่ท่านชวนพูดว่ามีการกีดกันการสร้างถนนในภาคใต้สมัยรัฐบาลเพื่อไทยจึงเป็นเรื่องจริง ความจริงไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว แต่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ พรรคเพื่อไทย ปากเสียเอง นำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ความจริงก็คือความจริง หากในอดีตใครสร้างความเลวร้ายให้บ้านเมือง ก็นำมาปรับปรุงแก้ไขเสีย อย่าให้ความชั่วร้ายนั้นกลับมาปกคลุมประเทศนี้อีก ประชาชนชาวไทยจำไว้บ้างก็ดี" นายนิพิฏฐ์ระบุ
ขณะที่นายพัสณช เหาตะวานิช ทีมงานนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค ปชป. โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน หลังกล่าวหารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ใช้งบประมาณไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท แต่ถนนภาคใต้ก็ยังไม่พัฒนาว่า งบประมาณไทยเข้มแข็งเกิดจากภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศตอนนั้นได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤติการเงินโลกแฮมเบอร์เกอร์ เรื่องแรกที่ต้องเอามาทำคือ หาเงินปิดหีบเงินคงคลังที่รัฐบาลของคุณพิชัยเองทำเละเอาไว้ เหลือจากนั้นก็เอาเงินไปใช้จ่ายสำหรับ “การลงทุนระดับเล็ก-กลาง” ทำให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศ ทุกจังหวัดที่ไม่ว่าเลือก ปชป.หรือไม่เลือก ไทยเข้มแข็งกระจายไปหมด ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนแบบไม่กระจุกอยู่ที่จังหวัดที่ตัวเองหัวคะแนนเยอะเหมือนโมเดลของระบบทักษิณ ทำให้ไทยรอดพ้นจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์เร็วเป็นอันดับ 2 ของโลก เศรษฐกิจปี 53 พลิกกลับมาโต 7.8% จากปี 51 52 ที่รัฐบาลสมชายทิ้งตัวเลขติดลบเอาไว้ ไทยรอดพ้นจากวิกฤติได้ไวขนาดนี้ เป็นปีเดียวกันกับที่แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมถึงอดีตนายกฯ ของระบอบทักษิณทั้งหลายรวมตัวกัน ‘เผาเมือง’ อยู่กลางกรุงเทพมหานคร ด้วยซ้ำไป
เขาระบุว่า งบไทยเข้มแข็งถูกจัดสรรให้กระจายลงไปซ่อมสร้างถนนมากมายทั่วประเทศ รวมถึงภาคใต้ แต่ด้วยระยะเวลาเพียงสองปีเศษ เราซ่อมสร้างได้ไม่ครบ แล้วยังมาถูกชะงักอีก เพราะรัฐบาลถัดมา ล้มหลายโครงการ และล้มกฎหมายดีๆ ของรัฐบาลเราไปมาก (ไม่ว่าจะเป็นกองทุนการออมก็ไม่สานต่อ จนมาถึงรัฐบาลนี้ ไม่ว่าจะภาษีที่ดินที่รัฐบาลเพื่อไทยอ้างว่าสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำ แต่กลับตีตกเป็นกฎหมายฉบับแรกๆ ไม่ว่าจะแผนรถไฟเชื่อมจีนถึงสิงคโปร์ก็ปัดตก เพื่อไปสนับสนุนความเร็วสูงไปพื้นที่บ้านเกิดตัวเอง ฯลฯ)
"ก็ต้องถามกลับไปว่า รัฐบาลเพื่อไทย พอชนะเลือกตั้งเข้ามาปี 54 นั้น ตัดงบเหล่านี้ทิ้ง ไม่สานต่อได้ลงคอเพราะอะไร เพราะคนใต้ไม่เลือกเพื่อไทยอย่างนั้นหรือ คุณทักษิณพูดเองไม่เลือกก็ไม่ให้งบ คุณปลอดประสพพูดซ้ำ ไม่สร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ต เพราะคนภูเก็ตไม่เลือก และนอกจากงบซ่อมสร้างถนน ก็ยังมีเคสรวมไปถึงงบรถไฟทางคู่ที่มี รมช.คมนาคมคนหนึ่ง อยู่ๆ ก็ล้มแผนทั้งยวง เพราะรัฐบาล ปชป.เริ่มเอาไว้ หลักคิดบริหารประเทศแบบนี้ หากเพื่อไทยได้บริหารประเทศอีกจะอันตรายมากต่อประเทศชาติ ไม่รู้ว่าหากเอาเงินที่โกงจากจำนำข้าวทั้งหมดมาพัฒนาถนน เราอาจมี 6 เลน 8เลนครบทั้งประเทศแล้วก็เป็นได้" นายพัสณชระบุ
ทุกพรรคหนักใจปมสมาชิก
ด้านนายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงปัญหาที่ประสบในการดำเนินการรับยืนยันการเป็นสมาชิกพรรคและชำระค่าบำรุงสมาชิกของสมาชิกพรรค ที่กำหนดภายในวันที่ 30 เม.ย.61 นี้ ว่าขณะนี้ทุกพรรคการเมืองประสบปัญหาเหมือนกันหมด ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่าน่าจะทำกันได้ไม่มาก เนื่องจากประสบปัญหาเรื่องระยะเวลา ที่อยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผู้คนมีการเดินทางกลับภูมิลำเนาเดิม การจะโอนค่าบำรุงสมาชิกธนาคารก็หยุดยาวหลายวัน การส่งจดหมายตอบกลับทางไปรษณีย์ ก็ประสบปัญหา เพราะระบบไปรษณีย์ที่เขาหยุดหลายวัน แล้วอาจเกิดจดหมายสะสม ก็จะเป็นปัญหาอีก
"เวลากระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว แต่เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ คงจะทำอะไรไม่ได้มาก และที่น่าเป็นห่วงคือพรรคการเมืองใหญ่ที่มีสมาชิกพรรคจำนวนมากๆ ขนาดพรรคชาติไทยพัฒนามีเท่านี้เรายังลำบากอยู่เลย ตามกำหนดให้ยืนยันภายในวันที่ 30 เม.ย.61 นี้ จึงถือเป็นเดดล็อกไปเสียแล้ว งาไหม้ไปแล้ว ถั่วจะรอสุกก็ไม่มีประโยชน์ มาถึงตอนนี้เราเอง ก็ไม่กล้าแนะอะไรให้ คสช.แล้ว เพราะแนะไปแล้วตั้งแต่ต้นที่เริ่มออกคำสั่งมาใหม่ๆ แนะหลายหนแล้ว เรื่องนี้มีปัญหาในเชิงระบบมาก ประชาชนเขากลับภูมิลำเนา ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขาหรอก จะไปโทษประชาชนไม่ได้"
นายนิกรกล่าวว่า กรณีที่ คสช.เตรียมให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เชิญพรรคการเมืองเข้าหารือเรื่องการเลือกตั้งในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้น หากเชิญมา พรรคชาติไทยพัฒนาก็จะไปร่วมอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะไปรู้หรือว่าอะไรเป็นอะไร ที่ผ่านมาเมื่อเชิญมาก็ไปทุกครั้ง เช่น เรื่องการปฏิรูป หรือประชุม ป.ย.ป. แต่เราคงไม่พกความหวังอะไรไปมาก เพราะจะได้ไม่ต้องผิดหวังมาก
นายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค ชทพ. เปิดเผยว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้รู้สึกเหมือนกันทุกพรรคที่ยังไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้ เพราะจะต้องดำเนินการประชุมพรรค ข้อบังคับพรรคต่างๆ ที่เขียนไว้เดิมก็ไม่ครอบคลุม จึงต้องมีการจัดทำข้อบังคับพรรคขึ้นมาใหม่ ซึ่งต้องผ่านที่ประชุมใหญ่ของพรรค ที่จะต้องมีทั้งผู้เเทนจังหวัดและหัวหน้าสาขาพรรค แต่ในวันนี้ทุกพรรคเหมือนกันหมด คือไม่มีสาขาพรรค แต่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้บอกแล้วว่าจะดำเนินการแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เพื่อให้พรรคการเมืองเดินต่อไปได้ จึงเชื่อว่าตอนนี้ทุกพรรคเหมือนกันหมด คือมีความหนักใจเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ยังเชื่อมั่นอยู่หรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแมปคือเดือน ก.พ.2562 นายธีระกล่าวว่า ถ้าเราไม่เชื่อผู้นำแล้วเราจะไปเชื่อใคร ในเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศไว้แล้ว และพูดชัดเจนว่า ก.พ.62 เราก็ต้องเชื่อว่าเลือกตั้ง ก.พ.62 และในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมือง เราก็มีหน้าที่ของเราที่ต้องทำ คือเตรียมความพร้อมของเราให้พร้อมเลือกตั้ง
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลหยุดยาวฉลองสงกรานต์ ทำให้มีผลกระทบต่อการยืนยันสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่บ้าง แต่เราคงไม่ร้องขอให้ คสช.ขยายเวลาให้ เราจะทำตามที่กติกากำหนดไว้ เพราะสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดิมมีอยู่ประมาณกว่าแสนคน ซึ่งถือว่าไม่มาก ดังนั้นหากมีที่มายืนยันความเป็นสมาชิกจำนวนเท่าไรก็เอาเท่าที่ได้ก่อน แต่หากพื้นที่ไหนสมาชิกขาด ไม่เพียงพอต่อองค์ประกอบ อาทิ ไม่พอต่อการตั้งผู้แทนพรรคประจำจังหวัดก็ค่อยสมัครเพิ่มเติมได้ เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะใช้แนวทางนี้ เราคงต้องปรับตัวไปตามกติกาที่เขาเขียนเอาไว้อย่างมีอคติ ไม่สอดคล้องกับหลักสากล ทำอย่างไรได้ คนใช้ไม่ได้เขียน คนเขียนไม่ต้องมาใช้ เขียนแบบตีกรอบบอนไซพรรคไปเรื่อยๆ
กกต.ชุดใหม่เจอศึกหนัก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงความคาดหวังต่อการทำงาน กกต.ชุดใหม่ ที่กำลังมีการสรรหาอยู่ในขณะนี้ ว่า กกต.ชุดใหม่ต้องทำงานหนักเพราะมีเรื่องใหญ่ๆ ตามกฎหมายใหม่ที่ต้องทำจำนวนมาก ต้องสะสางปัญหาระหว่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองกับคำสั่ง คสช.ที่มีความขัดแย้งในตัวเอง ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยแล้วว่าสร้างความเดือดร้อนและภาระเกินความจำเป็น มีปัญหาในทางปฏิบัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคใหม่และเก่าต้องดำเนินการหาสมาชิก ตั้งสาขาพรรค ประชุมใหญ่เลือกกรรมการบริหาร ปรับข้อบังคับ ในฐานะที่ กกต.ต้องดูแลก็เป็นงานใหญ่อยู่แล้ว ส่วนร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ก็เป็นเรื่องใหม่ หาก คสช.ยืนยันว่าต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นอีก ก็จะเป็นงานหนักสำหรับ กกต.ชุดใหม่ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ต้องเร่งสร้างความพร้อมรองรับกติกาใหม่ในเวลาอันสั้น ยิ่งเมื่อ คสช.เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้เล่น ก็จะยิ่งเกิดปัญหา จึงอยากให้ กกต.พร้อมแสดงตนเป็นผู้รักษากฎหมายด้วย
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ระบุว่า เรื่องการตั้งพรรคการเมืองให้ไปถามนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าถ้าบุคคลทั้งสองมาเป็นผู้บริหารพรรคตามข่าว ก็ลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ไม่ได้ เพราะคนที่เป็นรัฐมนตรีต้องลาออกภายใน 90 วันนับตั้งแต่วันเริ่มบังคับใช้รัฐธรรมนูญแล้ว แสดงว่ารัฐธรรมนูญต้องการให้การเลือกตั้งเป็นเรื่องการแข่งขันของคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐในขณะนี้ แต่ถ้าเป็นผู้บริหารหลักแล้วไม่ลงสมัคร ส.ส.ก็เป็นการเลี่ยงในเชิงกฎหมายตามตัวอักษรเท่านั้นเอง
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า วันนี้ยังมั่นใจการเลือกตั้งจะเป็นตามโรดแมป ถ้าไม่มีการเลือกตั้งตอนนั้นก็คงไม่มีใครพูดอะไร เพราะอุกกาบาตคงตกลงมาที่ประเทศไทย และคงไม่มีใครดิ้นรนเลือกตั้ง ส่วนถ้าไม่มีเลือกตั้งจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่นั้น ตนคิดว่าขึ้นอยู่กับลักษณะความขัดแย้ง ถ้าเป็นความขัดแย้งเชิงความคิดการเมือง ก็เป็นของปกติธรรมดา เพราะการเมืองเป็นเรื่องต่างคนต่างความคิด แต่ถ้าเป็นความขัดแย้งแบบจะยกพวกตีกัน ถือว่าไม่ใช่ของดี และเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมรับ
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการเมืองจะกลับไปมีสภาพแบบเก่า นายมีชัยกล่าวว่า คนเปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าดูจากโซเชียลมีเดีย และสิ่งต่างๆ ที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญไม่ได้เปลี่ยนเฉพาะในเมือง ดูจากความนิยมแต่งตัวชุดไทยแบบออเจ้าที่กระจายทั่วประเทศ แสดงให้เห็นว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นเพียงเล็กน้อยข้อมูลก็จะกระจาย ซึ่งแตกต่างจากอดีต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |