และแล้วมหกรรมรุมยำด้วยตีนก็ปรากฏ

                แต่...จะว่าไปแล้วไม่มีอะไรผิดคาด

                มีความเป็นไปได้ที่โควิด-๑๙ จะระบาดรอบ ๒ แต่จะเริ่มจากจุดไหนไม่มีใครตอบได้

                ออสเตรเลียระบาดรอบ ๒ ด้วยมีข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ให้กักตัวบางคน มีเพศสัมพันธ์กับแขกที่อยู่ในระหว่างการกักกันโรค

                เกาหลีใต้ระบาดรอบ ๒ จากสถานบันเทิงยามค่ำคืนย่านอิแทวอน

                อาจเป็นไปได้ที่การระบาดรอบ ๒ ในไทยจะมาจากทหารอียิปต์ และลูกทูตซูดาน

                และเป็นไปได้สูงเช่นกันที่ ๒ เหตุการณ์ข้างต้นไม่นำไปสู่การระบาด เพราะคนไทยตั้งการ์ดสูงรับอยู่แล้ว ต่างจากการระบาดช่วงแรกๆ ที่คนไทยจำนวนมากยังไม่ใส่หน้ากาก

                แต่ที่ระบาดไปแล้วคือ การปั่นกระแสขับไล่รัฐบาล เปลี่ยนขั้วอำนาจ ให้เพื่อไทยก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลแทน

                ทำเป็นขบวนการ!

                ใช้คนไม่กี่คน แต่เน้นปั่นกระแสในโซเชียล

                กดไลค์กระทืบแชร์กันเพียบ

                คนระยำไประยองต้องออกไป

                หยาบถึงขนาดชูป้าย "ไอ้สัส"

                คนที่สื่อสารกับสาธารณะด้วยข้อความที่หยาบคาย ถ่อยสถุน เช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างไร รวมทั้งคนที่ยินดีปรีดากับ "ไอ้สัส" อาจมีพื้นฐานมาจากการเลี้ยงดูแบบสัสๆ ก็เป็นได้

                พักหลังเริ่มเห็นกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คนรุ่นใหม่" แสดงออกอย่างกักขฬะบ่อยครั้งขึ้น หรือว่าพวกเขาถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างหยาบในสันดานจริงๆ

                คนบางคนเป็นอภิสิทธิ์ชนมาตั้งแต่กำเนิดก็เอากับเขาด้วย

                ตั้งคำถามทำไมวีไอพีต่างชาติถึงมีอภิสิทธิ์ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเอกสิทธิ์ทางการทูต และตัวเองก็ใช้เอกสิทธิ์อยู่บ่อยครั้ง

                ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมด

                หลังถูกตำรวจจับไปสงบสติอารมณ์ เพราะชูป้ายด่า "ลุงตู่" สองหนุ่มคนรุ่นใหม่เข้าสภาฯ วันรุ่งขึ้น

                เรื่องมันมีอยู่ว่า คืนวันพุธตำรวจโทรศัพท์แจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา มีทั้งหมด ๓ ข้อคือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหนีการจับกุม

                สองหน่อก็เล่นตำรวจกลับทันที ๔ ข้อหา ๑.เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ๒.กักขังหน่วงเหนี่ยวให้เสียอิสรภาพ ๓.ลักพาตัว และ ๔.ทำร้ายร่างกาย

                แล้วก็ไปรัฐสภา ไปหาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร โดยมี รังสิมันต์ โรม กับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ยืนยิ้มแป้นรออยู่แล้ว

                สูดหายใจลึกๆ แล้วลองดูข้ออ้างของ ภาณุพงศ์ จาดนอก และณัฐชนน พยัฆพันธ์ ๒คนรุ่นใหม่

            "...เราสองคนไปชูป้ายเพื่อตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการเยียวยาคน จ.ระยอง จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร โดยมีนักเรียน โรงเรียน ผู้ประกอบการห้างร้าน ที่พักใน จ.ระยอง ต้องหยุดกิจการกะทันหัน ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดที่กำลังจะดีขึ้นต้องหยุดชะงัก เพราะแขกวีไอพีของท่าน เราจึงไปแสดงการตั้งคำถามกับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินทางมาไม่ถึง เราก็ถูกตำรวจจับโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา..."

                ครับ....ชูป้ายเพื่อตั้งคำถาม?

                "การ์ดอย่าตกพ่องงง!" "อยู่ต่อก็ฉิบหาย ออกไปไอ้สัส" 

                มันคือป้ายตั้งคำถามอย่างนั้นหรือ?

                ดูเหมือนขบวนการนี้จะขยับเร็วไปหน่อย แทนที่คนระยองที่ได้รับผลกระทบจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยา กลายเป็นการเอาคนระยองมาเป็นตัวประกัน

                จิตใต้สันดานของขบวนการนี้ ทั้งหยาบทั้งมักง่าย

                ใช้การเคลื่อนไหวที่ฉาบฉวยและผิวเผิน ปั่นกระแสเพื่อให้เปลี่ยนรัฐบาล

                ก็น่าลองดูนะ ไอ้สัส คงเกลื่อนรัฐบาล.