หลังจากที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 คนในสังคมส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับตัวมากขึ้น จนเกิดการใช้ชีวิตวิถีใหม่ขึ้นมา หรือที่เรียกว่านิวนอร์มอล ซึ่งเมื่อผ่านมากว่า 4 เดือนนี้ทำให้คนเราเริ่มชินกับการใช้ชีวิตแบบใหม่มากขึ้น ขณะเดียวกันในด้านของธุรกิจเองก็ต้องมีการปรับตัวให้ทันกับยุคและสมัยมากขึ้นเช่นกัน โดยจะต้องมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ช่องทางออนไลน์ ซึ่งจากสถิติตลาดออนไลน์ มีแนวโน้มโตขึ้นกว่า 35%

                โดยหน่วยงานภาครัฐที่เข้ามาดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถปรับเปลี่ยนการทำตลาดได้ก็มีหลายหน่วย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งพาณิชย์ รวมถึงฝั่งอุตสาหกรรมอย่าง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจผ่านการทำตลาดออนไลน์ (อี-คอมเมิร์ซ) เช่นกัน  โดยซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคได้ปรับสู่ตลาดออนไลน์มากขึ้น และมีการคาดการณ์ว่ามูลค่ารวมของตลาดออนไลน์ในปี 2563 นั้นจะสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา

                ในช่วงที่ทุกประเทศทั่วโลกประสบวิกฤติโควิด-19 จึงถือเป็นโอกาสสำคัญในการปรับตัวของผู้ประกอบการในการพัฒนาศักยภาพ เพื่อส่วนแบ่งทางการตลาดนี้ ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการค้าออนไลน์ได้นั้น ยังจะสามารถต่อยอดและพัฒนาตัวธุรกิจได้อยู่ แม้จะมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

                โดยที่เห็นได้ชัดสุดในประเทศไทยคือธุรกิจการส่งอาหาร และแพลตฟอร์มช็อปปิ้งออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนทุกวันนี้ในท้องถนนจะเห็นรถบริการส่งสินค้าและอาหารวิ่งมากกว่าแท็กซี่ไปแล้ว ขณะเดียวกันก็ยังมีการขยายการให้บริการไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ ของต่างจังหวัดด้วย

                และจากช่องทางนี้เอง กสอ.ที่มีวิสัยทัศน์จะเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการในยุคนี้อยู่แล้ว จึงได้ใช้เครื่องมือที่มีอยู่แล้ว  หรือที่เรียกว่ากลยุทธ์ดีพร้อม การทำการตลาดออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ มาสนับสนุนผู้ประกอบการ โดยพร้อมแนะนำ 4 กลยุทธ์ดี ได้แก่ 1.สร้างตราสินค้าที่ดีพร้อม การใช้ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของกิจการในการสื่อสารกับผู้บริโภค

                ที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไม่ควรมองข้าม ทั้งชื่อของผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นตัวแทนของกิจการในการสื่อสารกับผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หากสามารถสร้างการรับรู้และการจดจำของผู้บริโภคในตลาดออนไลน์ได้ ถือว่ามีโอกาสในการค้าขายที่มากยิ่งขึ้น

                2.สร้างคอนเทนต์ที่ดีพร้อม นำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับผลิตภัณฑ์และเป็นประโยชน์ และสร้างความประทับใจกับผู้บริโภค ที่ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของการทำตลาดออนไลน์ ผ่านการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวโยงกับผลิตภัณฑ์และเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค เพื่อสร้างความเข้าใจในคุณลักษณะ ทั้งยังสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านเพื่อการเปลี่ยนสถานะมาเป็นผู้บริโภค

                3.สร้างเว็บไซต์ที่ดีพร้อม ถือเป็นหน้าออนไลน์ที่ผู้บริโภคต้องสามารถเข้าถึงได้สะดวก เพราะนอกจากจะนำผลิตภัณฑ์ไปจัดจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมแล้ว หากสามารถเชื่อมโยงให้บริโภคเข้ามายังเว็บไซต์ของกิจการได้ ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการออกแบบเว็บไซต์ที่ดี เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวกในการค้นหา

                4.สร้างภาพที่ดีพร้อม ดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคผ่านการนำเสนอภาพ เพราะสิ่งแรกที่จะสื่อสารกับผู้บริโภคได้ นั่นคือภาพของผลิตภัณฑ์ การจัดองค์ประกอบ การเลือกใช้มุมภาพ หรือการตกแต่งภาพด้วยเทคนิคต่างๆ จะสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญในการส่งเสริมการขายที่ไม่ควรมองข้าม

                ซึ่งทั้งหมดนี้หากสามารถสนับสนุนผู้ประกอบการได้ จะช่วยการลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วม อาทิ ต้นทุนการเช่าหน้าร้าน ค่าจ้างแรงงาน ฯลฯ ไม่น้อยกว่า 30%-40% หรือราว 28 ล้านบาท และสามารถเสริมสร้างมูลค่ายอดขายทางตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10%-20% หรือราว 12 ล้านบาท

            จึงเป็นช่องทางที่ดีสำหรับผู้ประกอบการในยุคนิว นอร์มอลอย่างมาก เพราะนอกจากจะเพิ่มทักษะให้กับผู้ประกอบการแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถลุยหน้าต่อในช่วงที่มีวิกฤติเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเบาหรือหนัก.

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า