16 ก.ค.63 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ร.ต.ท.จงรักษ์ นนทศักดิ์รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิดริมถนนสายปะนาเระ-สายบุรี  ม.1 บ้านนาพร้าว ต.บ้านกลาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังได้รับแจ้งจึงนำกำลังไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยชุดเก็บกู้วันถุระเบิดและรายงานให้ พล.ต.ต.จีรวัฒน์ พยุงธรรม ผบก. พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผล.ฉก.ทพ.42 พ.ต.อ.เลียบ พรหมจันทร์ ผกก.สภ.ปะนาเระ พ.ต.ท.ปภาณ จันทร์กลับ รอง ผกก.สส. ทราบ ไปถึงพบเจ้าหน้าที่ได้ปิดเส้นทางดังกล่าวเป็นการชั่วคราวเพื่อป้องกันเหตุซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ พบเพียงกองเลือดจำนวนมากบนถนน

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าหน้าที่จำนวน 3 นาย ถูกนำส่ง รพ.ปะนาเระ ทราบชื่อ ส.ท.สุพจน์ เจริญสุข ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามลำตัวเจ้บเล็กน้อย อส.ทพ.สุชาติ โกยหล้า ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าตามลำตัวหลายแห่งอาการสาหัส และ อส.ทพ.อุมา อาแว ถูกสะเก็ดที่ลำตัวบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งสามนายสังกัด ร้อย ทพ.4214 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42

นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 7 รายที่อยู่ระหว่างรอดูอาการที่โรงพยาลปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ทราบชื่อ อส.ทพ.สิทธิโชค คงแก้ว อส.ทพ.วุธิชัย บุตรรักษ์ อส.ทพ.เจ๊ะอามะ มะริ นายมะรอฮีม เจะเฮง ประชาชน (บิดา) น.ส.ซูนีตา เวาะ เย็ง ประชาชน (มารดา) เด็กชาย อิสลาส เจะเฮง ด.ญ.อัญญาดา ดาโอะ จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดอยู่บริเวณเสาหลักกิโลริมถนนและมีชิ้นส่วนระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า ส.ท.สุพจน์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด พร้อมกำลังพลจำนวน 5 นายใช้รถ จยย.จำนวน 3 คันได้ขับลาดตระเวนเส้นทางในพื้นที่รับผิดชอบเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน ปรากฏว่าเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนกดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 10 กก.ที่ซุกไว้ริมถนนใกล้เสาหลักกิโลเมตร แรงระเบิดเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทันที และยังทำให้ชาวบ้านที่ขับรถมาถูกลูกหลงบาดเจ็บไปด้วย เจ้าหน้าที่ได้ใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขึ้นฟ้าเพื่อป้องกันการตอบโต้เมื่อเหตุการณ์สงบจึงเรียกขอกำลังใจเสริมและนำผู้ได้ระบบาดเจ็บส่งโรงพยาบาล

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.จีรวัฒน์ พยุงธรรม ผบก.ภ.จ.ปัตตานี ได้กำชับให้หน่วยกำลังในพื้นที่ทำการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุทันที พร้อมให้ชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่หาข่าวและเก็บวัตถุต้องสงสัยรวมไปถึงพยานหลักฐานให้มากที่สุด และเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้น่าจะเป็นชุดเดียวกันที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวิสามัญ 1 รายเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากก่อนหน้าที่ หน่วยความมั่นคงได้รับข้อมูลว่าคนร้ายพยายามที่จะตอบโต้หวังสร้างสถานการณ์ให้เกิดขึ้นในพื้นที่