ชนะศึกไวรัส อย่าแพ้สงครามเศรษฐกิจ!


เพิ่มเพื่อน    

             การประชุมที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชาเมื่อสัปดาห์ก่อน มีข้อเสนอที่น่าสนใจคือ การตั้ง "ศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจ" ที่มีบทบาทและหลักการทำงานเหมือน ศบค.

            คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการฝ่ายการเมืองของนายกฯ บอกนักข่าวหลังการประชุมตอนหนึ่งว่า

            "ที่ผ่านมา ศบค.เป็นผู้ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงมาตรการต่างๆ ในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในตอนนี้ประเทศไทยได้ลดระดับลงไปแล้ว ไม่มีการระบาดอย่างช่วงแรก จะต้องวางแผนว่าจะทำอย่างเป็นระบบ เพราะประชาชนหลายคนได้รับผลกระทบจากสภาพคล่อง ซึ่งเราจะจัดตั้งศูนย์เน้นในเรื่องของเศรษฐกิจ รวมทั้งการปลดล็อกในเรื่องของผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งให้มองในด้านสมดุล..."

            อีกทั้งเอกชนยังได้ขอให้สภาพัฒน์รวบรวมนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจทุกเดือนแทนที่จะเป็นทุก 3 เดือน

            เหตุผลชัดเจนเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจก็โยงกับระดับการแพร่เชื้ออย่างใกล้ชิด

            ข้อมูลด้านการแพทย์เกี่ยวกับการระบาดของโควิดทั้งในประเทศและระดับโลกถูกนำมาวิเคราะห์และนำเสนอประชาชนทุกวัน

            แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของทางการที่แถลง 3 เดือนครั้ง ไม่น่าจะช่วยให้ประชาชนปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงได้

            ในที่ประชุมวันนั้นเอกชนขอให้สภาพัฒน์เสนอข้อมูลด้านเศรษฐกิจเดือนละครั้ง

            มีความตกลงกันอย่างไรไม่แจ้ง

            แต่ผมคิดว่าแม้แต่เดือนละครั้งก็ยังช้า...และช้ามาก...เพราะเอกชนไม่สามารถจะรอหนึ่งเดือนเพื่อได้ตัวเลขและดัชนีที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจมาปรับแผนของตนเองได้

            ข้อมูลด้านเศรษฐกิจต้องเหมือนข้อมูลทางการแพทย์ที่มีการปรับให้ทันสมัยหรือ update กันตลอดเวลา...และนำเสนอให้ประชาชนได้รับรู้ทุกวัน

            หากมี "ศูนย์ ศบค.เศรษฐกิจ" ก็จะต้องทำงานแบบ ศบค.ด้านการแพทย์ที่บอกกล่าวกับประชาชนว่าวันนี้มีคนติดเชื้อกี่คน ติดจากไหน ในประเทศหรือต่างประเทศ และแนวโน้มการแพร่เชื้อเป็นอย่างไร  มีจุดอ่อนตรงไหน อีกทั้งยังต้องผสมผสานกับการวิเคราะห์ข้อมูลจากทั่วโลกเพื่อให้เห็นภาพและช่วยในการตัดสินใจวางแผนของตนเอง

            ระบบราชการเราพร้อมจะปรับตัวให้ทันกับวิกฤติหรือไม่ นี่เป็นคำถามใหญ่

            แต่หากมีการตั้ง "ศบค.เศรษฐกิจ" และระดมคนรุ่นใหม่ที่เก่งเรื่องการเขียนซอฟต์แวร์เพื่อดึงเอาข้อมูลจากแหล่งทั้งหลายมารวมอยู่ตรงศูนย์กลางได้ตลอดเวลา

            โดยใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ใช้ "ปัญญาประดิษฐ์" หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้ เราก็จะสามารถประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วทันการณ์อย่างที่เอกชนต้องการ

            ผมเชื่อว่าคนสภาพัฒน์, แบงก์ชาติ, กระทรวงการคลัง และสถาบันการเงินของไทยมากมายที่มีความรู้ความสามารถที่จะระดมกำลังสมองและทรัพยากรบุคคลมาทำงานด้านนี้ได้

            คำถามอยู่ที่นายกฯ ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมทั้งฝั่ง ศบค.ทางการแพทย์ และ ศบค.เศรษฐกิจ (ที่มีการเสนอให้ตั้งขึ้นมาทำงานคู่ขนานกัน) จะตัดสินใจทำงานอย่าง New Normal ตามที่ท่านได้แถลงเอาไว้หรือไม่

            ตราบที่การทำงานด้านแก้วิกฤติเศรษฐกิจยังใช้วิธีการเดิม ยังแบ่งตามกระทรวง ทบวง กรม และยังยึดเอากฎเกณฑ์ราชการที่เป็นอยู่ ก็อย่าได้หวังว่าเราจะสามารถแก้วิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที

            สำหรับประเทศไทยและเกือบทุกประเทศในโลกวันนี้ สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเป็นวิกฤติหนักที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา

            เราไม่อาจจะใช้วิธีคิดวิธีทำงานแบบเดิมแล้วหวังว่าจะฝ่าข้ามวิกฤตินี้ไปได้แน่

            ข้อเสนอการยกเครื่องเพื่อจัดกลไกการทำงานใหม่เพื่อบริหารความไม่แน่นอนและความสุ่มเสี่ยงมากมายที่รออยู่ข้างหน้า จึงควรจะได้รับการพิจารณาเพื่อนำมาใช้โดยด่วน

            นี่คือสงครามทั้งด้านการแพทย์และด้านเศรษฐกิจ ดังนั้นจะต้องมียุทธศาสตร์รุกเหมือนในสมรภูมิ

            นั่นคือเราต้องรู้ว่าศัตรูมีการกลายพันธุ์ จนถึงวันนี้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก็ยังยอมรับว่าไม่รู้จักไวรัสตัวนี้ดีพอ

            อีกทั้งเรายังไม่รู้ว่าอาวุธทำลายล้างสูงของฝ่ายเราคือ "วัคซีน" นั้นจะสร้างสำเร็จหรือไม่ หรือหากสำเร็จจะสามารถนำมาต่อสู้กับศัตรูได้เมื่อไหร่

            เราจึงต้องมี "แผนรบ" ที่ชัดเจน, กะทัดรัด, ปราดเปรียว, คล่องตัว และปรับให้ทันสำหรับศึกทุกๆ ด้าน

            เพราะชนะศึกทางการแพทย์ก็ไม่อาจจะประกาศชัยชนะได้

            เพราะหากเราแพ้ศึกเศรษฐกิจก็เท่ากับเราแพ้สงครามใหญ่

            เราชนะศึก (battle) แต่ยังแพ้สงคราม (war) ได้...เพราะคนอาจไม่เสียชีวิตเพราะไวรัส แต่ตายเพราะแพ้ศึกเศรษฐกิจ.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"