กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค Covid-19 ในประเทศไทยดีขึ้น ทุกคนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยและรักษาความสะอาดอยู่เสมอ  รวมทั้งปรับตัวเพื่อให้เข้ากับการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ New Normal
    นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคในประเทศไทยจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่านานาประเทศนั้น เพราะประชาชนทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ตระหนักถึงการดูแลตัวเองและคนในครอบครัว อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ของเรามีศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อให้ดีขึ้น แต่นั่นก็ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ ยังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่ต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลังจากการระบาดของไวรัสในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนต้องปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ New Normal โดยเฉพาะในเด็กที่ต้องสร้างความเข้าใจและปรับตัวอย่างมาก
     นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าสถานการณ์ Covid-19 จะดีขึ้น แต่อยากขอความร่วมมือผู้ปกครองดูแลให้ลูกสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมืออยู่เสมอ เว้นระยะห่างทางสังคม นอกจากจะสามารถป้องกันการระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคที่มาพร้อมหน้าฝนได้อีกด้วย อาทิโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคมือ-เท้า-ปาก และโรคปอดอักเสบในเด็ก 

    สำหรับสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ดำเนินการจัดระบบแพทย์แบบ New Normal คือ เปิดให้บริการ ARI Clinic คลินิกไข้หวัด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจโดยเฉพาะ และจะปรับปรุงให้สอดรับกับโรคอุบัติใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งการผ่าตัดวิถีใหม่ โดยมีห้องผ่าตัดความดันลบ ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค จัดให้มีการทันตกรรมวิถีใหม่ มีแนวทางการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อในห้องฉุกเฉินอย่างชัดเจน มีบริการส่งยาทางไปรษณีย์ 
    ส่วนคนไข้เด็กโรคเรื้อรัง และเด็กที่ใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมถึงขอความร่วมมือผู้ป่วย 1 ท่านต่อผู้ปกครอง 1 ท่าน เข้าพบแพทย์เพื่อลดความแออัดในโรงพยาบาล และเยี่ยมไข้ผ่านทาง Social Media แทนการมาโรงพยาบาล จัดบริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ หรือ Tele Consult ทั้งยังคำนึงถึง Social Distancing ในการเข้ารับบริการ การรอรับยา การเลือกซื้ออาหาร และการเพิ่มจุดคัดกรองผู้ป่วยก่อนเข้ารับบริการ ข้อปฏิบัติตามวิถีใหม่ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรและผู้ป่วย.