วันนี้ - นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการที่ตนพร้อมเจ้าหน้าที่ สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจงานบูรณะโบราณสถาน อ.ท่าวังผา จ. น่าน โดยเริ่มจากงานอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานวิหารไทลื้อ วัดดอนมูล โบราณสถานที่ มีความสำคัญซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปกรรมดีเด่น ประจำปี 2553 จึงถือเป็นภารกิจสำคัญที่กรมศิลปากรเข้ามาดำเนินงานด้วยความวิจิตรบรรจง โดยปัจจุบันพบว่าตัววิหารมีความเสื่อมสภาพ และชำรุดไปตามกาลเวลา จึงได้ทำแผนงานบูรณะและอนุรักษ์ โดยดำเนินการซ่อมแซมเปลี่ยนไม้แป้นเกล็ดหลังคา ซ่อมแซมลายแกะสลักแบบนูนต่ำบนไม้เชิงชายและการอนุรักษ์การเข้าต่อไม้ตามเทคนิคช่างไม้ชาวไทลื้อเดิม อีกทั้งมีการอนุรักษ์ปูนปั้นที่เป็นงานศิลปกรรมพื้นบ้านแบบไทลื้อให้คงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไว้มากที่สุด
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังได้ไปตรวจสอบพระธาตุจอมนาง และพระธาตุจอมพริก มีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี แหล่งรวมความศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ในการประกอบศาสนกิจทางศาสนา รวมถึงให้ความร่วมมือดูแลรักษามาโดยตลอด จากการตรวจสอบพระธาตุจอมนาง พบว่า องค์พระธาตุมีความชำรุด แตกร้าว เนื่องมาจากภัยธรรมชาติ ดังนั้น ได้จัดทำแผนงานบูรณะ โดยซ่อมแซม เสริมความมั่นคง นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการสร้างอาคารคลุมซากวิหารเก่า โดยชาวบ้านใช้เป็นสถานที่ในการปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้พูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านแล้ว มีผลสรุปเห็นตรงกันว่า กรมศิลปากรจะดำเนินงานขุดค้นทางโบราณคดีเพื่อทำการบูรณะซากวิหาร อีกทั้งจะปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงาม และจะมีการย้ายอาคารไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นพื้นที่เอนกประสงค์ในงานด้านศาสนา ขณะที่พระธาตุจอมพริก เป็นเจดีย์เก่าแก่ ศิลปะสุโขทัยผสมล้านนาและศิลปะพื้นบ้านไทยกาว มีสภาพทรุดโทรม และมีต้นพริกโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกอายุกว่า 800 ปี เคียงคู่พระธาตุ โดยหลังจากนี้จะมีการสำรวจอย่างละเอียด เพื่อทำการบูรณะ ตลอดจนจะพัฒนาแหล่งโบราณสถานของ อ.ท่าวังผา ให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวโบราณสถานเชิงประวัติศาสตร์ต่อไป