ถูกยำซะเละ!

            ศบค.ขอโทษ "ลุงตู่" ก็ขอโทษ

            และจะรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

            ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจของคุณท่านคุณเธอทั้งหลาย ก็มีทางออกเดียว รัฐบาลลาออก ยกเลิกบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน  

            หากประชาชนส่วนใหญ่เอาด้วย ก็คงถึงเวลาให้ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ปฏิสนธิกันเป็นรัฐบาล เข้ามาจัดการปัญหา

            แต่...ก่อนจะถึงขั้นนั้น แน่ใจนะว่า นักการเมืองห้อยโหนทหารอียิปต์ มีศักยภาพพอที่จะแก้ปัญหาโควิด-๑๙ โดยใช้กฎหมายปกติ

            เอาแค่ประเด็นเบื้องต้น

            ไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่มี ศบค. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ ถือ พ.ร.บ.โรคติดต่อสู้กับโควิด-๑๙ 

            นั่นคือสิ่งที่ฝ่ายค้านพูดมาตลอดว่า "แค่นั้น" ก็เพียงพอแล้วที่จะสู้กับไวรัสนรกตัวนี้

            ทีนี้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหน้างาน ไม่ใช่ในห้องแอร์

            มีคำถามว่าทหารอียิปต์มาทำไม

            เกี่ยวอะไรกับทหารไทย

            เครื่องบินกองทัพอากาศอียิปต์ที่บินลงสนามบินอู่ตะเภาคือ C-130 มีพิสัย ๒,๐๐๐ กิโลเมตร

            เมื่อไม่ใช่เครื่องบินโดยสาร หรือเครื่องเช่าเหมาลำ การจะบินตามเส้นทางปกติของเครื่องบินโดยสาร ผ่านน่านฟ้าประเทศต่างๆ เป็นเส้นตรงนั้น ทำไม่ได้ 

            เพราะบางประเทศไม่ให้ผ่าน จึงต้องบินอ้อม

            เมื่อพิสัยบินสั้น และต้องบินอ้อม C-130 ของกองทัพอากาศอียิปต์จึงต้องแวะ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 ปากีสถาน มาอู่ตะเภา ก่อนไป เมืองเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน

            ต้องเติมน้ำมัน เป็นระยะๆ

            นั่นคือสาเหตุว่าทำไมถึงต้องมาไทย

            เอาล่ะวันนี้เราโมโห แล้วบอกว่าต่อไปห้ามเครื่องบินทหารต่างชาติมาจอดอีก ก็ต้องยอมรับการถูกจำกัดสิทธิ์เครื่องบินทหารของเราที่จะผ่านน่านฟ้าประเทศอื่น หรือพักเติมน้ำมันเพื่อไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนฉุกเฉินอื่นๆ ด้วย

            พ.ร.บ.โรคติดต่อ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร

            จะประสานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพอากาศ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดระยอง  สถานทูตอียิปต์อย่างไร ในพื้นฐานที่ไม่มี ศบค.

            ลองนึกภาพดูว่าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคเพื่อไทยปฏิสนธิพรรคก้าวไกล และมีแค่ พ.ร.บ.โรคติดต่อเป็นอาวุธสำคัญ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร

            เอกสิทธิ์ทางการทูต เป็นอีกเรื่องที่พูดกันมาก

            และ ศบค.เองก็เพิ่งจะเห็นช่องโหว่ของ State Quarantine

            กฎหมายระหว่างประเทศนั้นมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก การกักตัวนักการทูตภายใต้สถานการณ์โควิด หากไม่คุยกันให้ชัดเจนเสียตั้งแต่แรก ก็อาจเกิดปัญหาได้

            และเป็นปัญหาแล้วกรณี ลูกนักการทูตซูดานติดเชื้อโควิด-๑๙ แต่กักตัวในคอนโดฯ แทนที่จะเป็น  State Quarantine หรือโรงพยาบาล

            ศบค.รู้ปัญหา และอุดช่องโหว่แล้ว

            ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองพยายามชี้นำว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ควบคุมคนไทย แต่ปล่อยวีไอพีต่างชาติติดโควิด-๑๙ เดินเพ่นพ่าน 

            ถ้าเป็นไปได้ เพื่อไทย ก้าวไกล ลองนำเสนอดูว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อจะแก้ปัญหาเอกสิทธิ์ทางการทูตอย่างไร กระทรวงสาธารณสุข สั่งกระทรวงการต่างประเทศอย่างไร และทำได้เร็วกว่าการมี ศบค.อย่างไร  

            หากทำได้จริงประชาชนจะออกมาไล่ "ลุงตู่" แล้วให้ "เจ๊หน่อย" เป็นนายกฯ ในวันพรุ่งนี้เลยก็ได้

            ไม่เชื่อลองถามกลุ่มแคร์ทักษิณดูซิ!