14 ก.ค.63- นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ว่าผมยอมรับว่าค่อนข้างโกรธกับเหตุการณ์ที่อาจจะนำไปสู่การระบาดของของไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ ที่มีสาเหตุมาจากกรณีเหตุการณ์ทหารต่างชาติที่ระยอง และกรณีญาติคณะทูตที่กรุงเทพมหานคร

ถามว่าทำไมถึงโกรธ ?
นั่นก็เพราะว่าตั้งแต่สถานการณ์ COVID-19 ระบาดหนักตั้งแต่เดือนมีนาคม ผมและทีมงาน รวมทั้งเพื่อนส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหา ตลอดจนพยายามช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในหลายพื้นที่อย่างเต็มกำลัง จึงได้เห็นปัญหาด้านปากท้อง ปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชน เห็นตั้งแต่ลูกเด็กเล็กแดงไปจนถึงผู้สูงอายุ ทุกเพศทุกวัย มาต่อแถวรับอาหารรับของแจก เห็นข่าวเลิกจ้างงาน เห็นข่าวฆ่าตัวตายรายวัน

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางวิกฤตก็ได้เห็นความร่วมมือร่วมใจ เห็นความแบ่งปัน เห็นความอดทน ของพี่น้องประชาชน ที่ร่วมกันฝ่าฟันจนผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้

นอกจากบุคลากรในวิชาชีพแพทย์พยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติการทุกภาคส่วนแล้ว ผมคิดว่าประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำทุกคนคือฮีโร่ ที่ยอมเสียสละตัวเองปฏิบัติตามมาตรการต่างๆจนทำให้สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทย ไม่รุนแรงเหมือนในประเทศอื่น ๆ หลายประเทศ

จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ต้นเดือนกรกฎาคม เราไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศมานานเกือบสองเดือน สถานการณ์กำลังค่อย ๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนต้องกลับมานั่งกังวล แทบจะเอาเท้าก่ายหน้าผากกันอีกครั้ง

ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุหรือคำกล่าวอ้างที่ว่า มาจากช่องว่างในมาตรการผ่อนปรนตาม พรก.ฉุกเฉิน ในการอนุญาตให้บุคคลที่เรียกว่าแขกวีไอพีของรัฐบาล

แต่นี่ก็นับว่าได้สะท้อนข้อเท็จจริงประการหนึ่ง ว่าการคงอยู่ของพรก.ฉุกเฉิน ไม่ได้การันตี ประสิทธิภาพในการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่อย่างใด

ผมโกรธครับ เพราะผมไม่อยากเห็นประชาชนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอย่างแสนสาหัส เหมือนช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาอีกแล้ว และผมจะไม่ประหลาดใจเลยที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนจะโกรธ เพราะนอกจากเขาต้องแบกตัวเองให้รอดผ่านสถานการณ์ไปได้ด้วยตัวเองโดยรัฐบาลก็ช่วยแบบอิด ๆ ออด ๆ แล้ว พวกเขาคงเหนื่อยมากเพราะที่ผ่านมามีแต่ผู้นำไม่ได้ความที่บ่นเหมือนเด็กขี้น้อยใจ แทนที่จะทำหน้าที่ให้มันดี.