ทางการเขตนาโวทาสในกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์จะกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์ประชาชนราว 250,000 คนในสัปดาห์นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เหตุจากจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้นภายหลังยกเลิกการล็อกดาวน์เมื่อเดือนที่แล้ว

แฟ้มภาพ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเก็บตัวอย่างเลือดจากสตรีคนหนึ่งเพื่อตรวจเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ตรวจแบบไดรฟ์ทรู ในกรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563

    เขตนาโวทาสเป็น 1 ใน 16 เขตของกรุงมะนิลาที่มีประชากรรวมกัน 12 ล้านคน รายงานเอเอฟพีเมื่อวันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม อ้างคำกล่าวของโทบี ตีอังโก นายกเทศมนตรีนาโวทาส ที่เผยกับวิทยุช่องหนึ่งว่า ประชาชนราว 250,000 คนจะต้องอยู่บ้านกัน 2 สัปดาห์ แม้ตัวเขาจะไม่มั่นใจว่ามาตรการนี้เป็นทางแก้ปัญหาหรือไม่ แต่เขามั่นใจว่า หากทำเช่นนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่เพิ่มสูงขึ้น

    ข้อมูลตัวเลขของรัฐบาลท้องถิ่นเผยว่า นาโวทาส ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตยากจนที่สุดของเมืองหลวงและเป็นที่ตั้งของท่าเรือประมงหลัก มีผู้ป่วยยืนยัน 931 ราย เสียชีวิตแล้ว 59 ราย แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในเขตนี้เพิ่มขึ้นมากใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

    ตีอังโกบอกกับเอเอฟพีว่า พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเพราะประชาชนดื้อรั้น ไม่ทำตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยคาดว่าคำสั่งล็อกดาวน์จะเริ่มมีผลบังคับวันพุธหรือพฤหัสบดีนี้

    ตามมาตรการนี้ ประชาชนจะได้รับอนุญาตให้ออกไปทำงานนอกบ้านได้ แต่จะไม่อนุญาตให้ออกกำลังกายนอกบ้าน ส่วนร้านค้าและธุรกิจยังสามารถเปิดกิจการได้ แต่ร้านอาหารจะขายได้เฉพาะนำกลับบ้านเท่านั้น ตีอังโกกล่าวว่า เขาจะร้องขอต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้วางกำลังทหารมาช่วยการบังคับใช้กฎและจับกุมผู้ฝ่าฝืน

    ฟิลิปปินส์เริ่มชัตดาวน์กรุงมะนิลาเมื่อกลางเดือนมีนาคม และเพิ่งเริ่มผ่อนคลายเมื่อต้นเดือนมิถุนายน ทว่าหลังจากหลายชุมชนมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก มาตรการล็อกดาวน์ก็ถูกนำมาใช้อีกครั้ง แต่คำสั่งของเขตนาโวทาสนี้กว้างใหญ่ที่สุด

    ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 57,000 ราย เสียชีวิต 1,599 ราย ขณะที่อินโดนีเซียซึ่งสถานการณ์รุนแรงที่สุดในภูมิภาค มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 75,000 ราย.