กรมส่งเสริมการเกษตรชูพัทลุงโมเดล เตรียมขยายผลทั่วประเทศหลังแผนเชื่อมโยงการพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่กับYSFประสบผลสำเร็จช่วยเพิ่มศักยภาพการจัดการผลิตและต่อยอดกิจกรรมชี้เป็นอีกก้าวสำคัญการพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่ทั่วประเทศ
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่าตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมด้านการเกษตรภายใต้ระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญด้านการปฏิรูปภาคการเกษตรของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรได้ร่วมกันบริหารจัดการระบบการผลิตของกลุ่ม รวมทั้งการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเกษตรกรเช่นเกษตรกรรุ่นใหม่ (YSF) กลุ่มเกษตรกรวิสากิจชุมชนสหกรณ์เชื่อมโยงถึงผู้ประกอบการรวมถึงการลดต้นทุนการผลิตการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มีคุณภาพได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาดโดยภาพรวมผลการดำเนินงานของระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันได้มีการรับรองแปลงใหญ่แล้ว จำนวน 6,888 แปลง รวมพื้นที่ 6,578,392 ไร่ เกษตรกร 406,755 (ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2563)
“สำหรับในปี 2563 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ให้มากยิ่งขึ้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงกำหนดนโยบายสร้างความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่กับเกษตรกรรุ่นใหม่ หรือ Young Smart Farmer (YSF)โดยเน้นการเชื่อมโยงให้YSF ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะในด้านการบริหารจัดการการผลิตและการตลาด ตลอดจนมีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับเทคโนโลยี เข้าไปช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการ และการพัฒนาผลผลิตของกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่เพื่อต่อยอดไปสู่กิจกรรมการเกษตรอื่นๆ”
อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกล่าวต่อไปว่าสำหรับผลดำเนินการเพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างแปลงใหญ่กับYSF ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการได้ปรากฏผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่อาทิแปลงใหญ่สละในพื้นที่จังหวัดพัทลุงซึ่งมีนายวิชัยดำเรืองYSFผู้ประสบความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตร “สวนสะละลุงถัน”ตั้งอยู่ที่อำเภอป่าบอนจังหวัดพัทลุงได้นำประสบการณ์จากความสำเร็จของตนเองมาช่วยพัฒนาเพื่อนเกษตรกรสมาชิกกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่สละจังหวัดพัทลุง จนประสบความสำเร็จในด้านการบริหารจัดการผลิตสละทั้งจังหวัด รวมถึงเกิดการต่อยอดด้านการท่องเที่ยวเชิงเกษตรนับเป็นอีกต้นแบบความสำเร็จที่เห็นได้ชัดตามเป้าหมายของกรมส่งเสริมการเกษตร
นายเข้มแข็งกล่าวอีกว่า สำหรับสวนสะละลุงถันนั้นถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และจากจังหวัดต่างๆโดยสวนแห่งนี้เกิดขึ้นภายใต้ความทุ่มของนายถันดำเรืองหนึ่งในเกษตรกรหัวก้าวหน้าเน้นการปลูกสะละพันธ์สุมาลีบนพื้นที่ 30 ไร่และยังได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตGAP โดยในปี 2547 นายวิชัยผู้เป็นลูกชายได้เข้ามาสานต่อการทำสวนพร้อมสมัครเข้าร่วมโครงการYSF กับกรมส่งเสริมการเกษตรและได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับปรุงการบริหารจัดการสวนสะละของพ่อ จนประสบความสำเร็จเกิดการต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ขึ้นชื่อ
“ กรณีของนายวิชัย เป็นการนำความรู้ และประสบการณ์จากความสำเร็จภายใต้แนวคิด “ขายบริการควบคู่กับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่ได้ในสวน”มาถ่ายทอดขยายผลสู่เกษตรกรสมาชิกกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ของจังหวัดพัทุลงและจากพื้นที่อื่นๆ ที่เดินทางมาศึกษาดูงาน จนเกิดแรงกระตุ้นทำให้เกิดการพัฒนาจนเห็นผลเด่นชัดไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตสละคุณภาพแบบครบวงจรตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวการจัดการด้านการตลาดมุ่งเน้นทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตามนโยบายตลาดนำการเกษตรของดร.เฉลิมชัยศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษครและสหกรณ์และยังมีการต่อยอดกิจกรรมไปสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร จะเห็นได้ว่าผลของการเชื่อมโยงการทำงานที่เกิดขึ้นภายใต้ความทุ่มเทของนายวิชัยดำเรืองรวมถึงหน่วยงานของกรมส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ที่เข้ามาช่วยดูแลอย่างสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง และสำนักงานเกษตรอำเภอป่าบอนมีผลต่อการพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่อย่างเห็นผลชัดเจนจึงนับว่าเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการและเป็นตัวอย่างที่ดียิ่งในการพัฒนากลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ในจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศต่อไป” นายเข้มแข็งกล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |