'อาจารย์หมอ'เผยผู้ติดเชื้อโควิดทั่วโลกทะลุ13ล้านแล้ว 1 ล้านใช้เวลา 5 วัน เตือนระวัง'เชื้อนำเข้า'


เพิ่มเพื่อน    


13  ก.ค.63- รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ทะลุ 13 ล้าน...ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2563

หลังตัวเลข 10 ล้านคนในวันที่ 28 มิถุนายนเป็นต้นมา ติดเชื้อเพิ่ม 1 ล้านคนใช้เวลา 5 วันมาตลอด ตั้งแต่ 3 กรกฎาคม 8 กรกฎาคม และวันนี้

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโรค COVID-19 เมื่อวานติดไปเพิ่ม 188,297 คน รวมแล้ว 13,011,193 คน

อเมริกา ติดเพิ่ม 57,462 คน รวม 3,410,025 คน

บราซิล ติดเพิิ่ม 24,831 คน รวม 1,864,681 คน

อินเดีย ติดเพิ่ม 29,108 คน รวม 879,466 คน

รัสเซีย ติดเพิ่ม 6,615 คน รวม 727,162 คน

เป็นที่น่าสังเกตว่าบราซิลติดเพิ่มต่อวันลดลง แต่อินเดียเพิ่มขึ้น ส่วนรัสเซียจะอยู่ประมาณนี้ไม่ลดลงเลย

อิหร่าน ปากีสถาน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์...ไม่ดีขึ้น ยังอยู่หลักพันเช่นเดิม

ส่วนสหราชอาณาจักร อิตาลี เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ติดกันหลักร้อยกว่าถึงหลายร้อย ทั้งนี้เนเธอร์แลนด์อยู่หลักสิบมานาน ล่าสุดขึ้นสามหลักจนได้

เกาหลีใต้และมาเลเซียยังไม่สามารถกดลงมาได้ ยังอยู่สองหลักเช่นเดิม

เมื่อคืน...ตอนขับรถกลับบ้าน คุยกับภรรยาเรื่องสถานการณ์โรค COVID-19 ของทั่วโลก ที่พบว่าการระบาดซ้ำที่รุนแรง จนทำให้หลายต่อหลายประเทศยังไม่สามารถคุมโรคได้นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ

พอคุยไปคุยมา หันมาประเมินความเสี่ยงของการเปิดรับชาวต่างชาติจาก 11 กลุ่มเป้าหมายที่ทางศบค.ประกาศไปตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมา

หากรับมาราว 30,000 คนในช่วงถัดจากนี้ไป ทั้งจากนักธุรกิจ นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญ ชาวต่างชาติที่มีครอบครัวกับคนไทย ตลอดจน Medical and wellness tourism

ความรู้ที่เรามีตอนนี้คือ การตรวจ RT-PCR ไม่ได้สมบูรณ์แบบ มีความไวราว 87% แปลว่า หากคนติดเชื้อ 100 คน จะตรวจได้ 87 คน มีโอกาสหลุด 13 คน

และอัตราการตรวจพบจากข้อมูลที่ผ่านมาของไทย ตรวจพบการติดเชื้อประมาณ 0.5%

แต่หากคิดเผื่อในแง่ดีว่า ความชุก หรือโอกาสของการจะมีผู้ติดเชื้อในกลุ่ม 30,000 คนนั้นน่าจะน้อยกว่านั้น เพราะผ่านการตรวจคัดกรองอื่นๆ มาบ้างไม่มากก็น้อย

โอกาสที่จะมีการหลุดรอดของผู้ติดเชื้อเข้ามาน่าจะประมาณ 4 คน ถ้าอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 0.1%

แต่จะขึ้นเป็น 20 คน หากอัตราการติดเชื้อเป็นไปตามที่เคยตรวจพบ 0.5%

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็จะมากขึ้นอีกมากหากเดินทางมาจากประเทศที่มีการติดเชื้อสูง

ที่วิเคราะห์นี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

แต่ไทยเรา...สามารถช่วยป้องกันกันได้ หากดูแลปกป้องตนเองและสมาชิดในครอบครัวเสมอ

ที่ทุกคนทำได้คือ ใส่หน้ากาก...ล้างมือบ่อยๆ...อยู่ห่างคนอื่นหนึ่งเมตร...พูดน้อยลง...พบปะคนน้อยลงสั้นลง...เลี่ยงที่อโคจร...และหมั่นสังเกตอาการตนเองและครอบครัว

หากไม่สบาย...เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ ท้องเสีย...ควรรีบไปตรวจรักษา จะได้ช่วยตัดวงจรระบาด

หากพร้อมเพรียงกันทำ จำนวนเคสที่อาจหลุดรอดเข้ามา ก็จะมีโอกาสแพร่ในชุมชนได้น้อยลงครับ

ระบาดรอบสอง...จะเกิดหรือไม่? ประเทศอื่นมักเกิด 2-6 สัปดาห์หลังเปิดรับเข้ามา

จะป้องกันได้...ขึ้นอยู่กับมือของพวกเราทุกคน...

ประเทศไทยต้องทำได้ครับ...

ด้วยรักต่อทุกคน....


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"