วันนี้........
เป็นวันมหาประชายินดี "เพื่อมวลมนุษยชาติ" ของชาติไทย ในยุค ไวรัส "มหาวิบัติภัย" ล้างมนุษยชาติ ที่ทั้งโลกต้องคุกเข่า สยบยอม
แต่ด้วยวิทยาการและการวิจัย "วงการแพทย์ไทย" ได้จุดประกายหวังที่ "สิ้นหวัง" ของมวลมนุษยชาติให้คุโชนในความหวังอีกครั้ง
ขอบคุณวงการแพทย์ไทย และขอบคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ความสำเร็จที่ใกล้เป็นจริงนี้
ไม่แค่นำเกียรติประวัติสู่ชาติไทยและคนไทย
หากแต่ยังสร้าง Hope ให้คนทั้งโลกด้วย!
ฉะนั้น วันนี้ เพื่อความแน่นอนทางข่าวสาร จะไม่พูดเอง-คุยเอง อันอาจเพี้ยนได้ จะนำคำคณะแพทย์แถลงมาบันทึกไว้ ดังนี้
ที่ห้องประชุม ๑๒๑๐ ชั้น ๑๒ อาคาร "ภูมิสิริมังคลานุสรณ์" โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย (๑๒ ก.ค.๖๓)
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่มีชื่อว่า "CU-Cov19"
แถลงข่าวความคืบหน้า หลังพบผลการทดสอบวัคซีนโควิด-19 "ในลิง" เข็มที่สอง ได้ผลดี
เดินหน้าทดสอบในมนุษย์ (จิตอาสา) ต่อไป
ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ
คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า
ตั้งแต่ปลายปีจนถึงปัจจุบัน...........
การระบาดของโควิด-19 เกิดขึ้นทั่วโลก สิ่งที่ทางทีมนักวิจัย จากศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้คิดค้นมาโดยตลอด คือ "การป้องกัน" ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด
ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม
ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ให้ข้อมูล ว่า
วัคซีน CU-Cov19 เป็นวัคซีนชนิด mRNA ที่ผลิตจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บางส่วน
ซึ่งเมื่อชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมนี้ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นโปรตีน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันชนิด "แอนติบอดี" ที่ช่วยต่อสู้กับไวรัสได้
โดยจะได้รับการตรวจสอบ ว่า.......
มีความปลอดภัย จาก "สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา" (อย.)
จากผลการทดลองที่หนูได้รับวัคซีนเข็มแรก ระดับภูมิคุ้มกันขึ้นมาในระดับร้อย
ฉีดเข็มที่ ๒ ห่างจากเข็มแรก ๑ เดือน ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นถึง ๔๐,๐๐๐ ซึ่งเราได้ทำการทดลองควบคู่กับลิง โดยฉีดใน
-เข็มแรก วันที่ ๒๓ พ.ค.๖๓
-ฉีดเข็มที่ ๒ ห่างจากเข็มแรก ๑ เดือน ในวันที่ ๒๒ เม.ย.๖๓
โดยมีลิงทดลองทั้งหมด ๑๓ ตัว มีการเจาะเลือดติดตามทุก ๑๕ วัน แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม
-กลุ่มแรก ลิง ๕ ตัว จะได้รับวัคซีนโดสสูง คือมีความเข้มข้นระดับ ๕๐ ไมโครกรัม
-กลุ่มที่ ๒ ลิง ๕ ตัว ที่จะได้รับวัคซีนเข้มข้น ระดับ ๕ ไมโครกรัม
-กลุ่มที่ ๓ ลิง ๓ ตัว ซึ่งเป็นกลุ่ม Negative Control จะไม่ได้รับวัคซีน
ความคืบหน้าล่าสุด.........
ผลการตรวจเลือดลิงหลังจากได้รับการฉีดวัคซีน CU-Cov19 กระตุ้นเข็มที่ ๒ พบว่า
ลิงที่ได้รับวัคซีนทุกตัว มีระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้น สุขภาพแข็งแรง ไม่มีผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน
โดยเฉพาะในลิงกลุ่มแรก ที่ได้รับวัคซีนโดสสูง ที่ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น กว่า ๕,๐๐๐
ทั้งนี้ ความแตกต่างระดับภูมิคุ้มกันของหนูและลิงนั้น ตกไปถึง ๒๐ เท่า เพราะขนาดของตัว ระดับการตอบโต้ของภูมิคุ้มกัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่อาศัย
เพราะหนูอาศัยอยู่ที่สกปรก อาจจะมีภูมิคุ้มกันได้ดี ซึ่งคาดว่าถ้าทดลองในคน อาจจะมีระดับภูมิคุ้มกันลดลงจากลิงไปอีก
"ทั้งนี้ จากผลวิจัย mRNA เฟสแรก ของบริษัท ไบโอเทค ไฟเซอร์ ที่มีการทดลองฉีดในคน ก่อนหน้าเรา ๔-๖ เดือน ด้วยโดส ๑๐, ๓๐ และ ๑๐๐ โมโครกรัม
เปรียบเทียบ หลังเข็มที่ ๒ อัตรา ๓๐ โดส ใน ๒ อาทิตย์ ระดับภูมิคุ้มกัน 'เพิ่มขึ้น' มากกว่า ๑,๐๐๐
ซึ่งเป็นไปได้ว่า วัคซีนของเราอาจจะมีระดับภูมิคุ้มกัน อาจจะลดลงแค่ประมาณ ๕ เท่า"
สำหรับขั้นตอนต่อไป คือ........
การ "เตรียมผลิต"
โดยอาทิตย์หน้า จะนำวัคซีน mRNA ๒ ตัวที่ดีที่สุด ไปให้ ๒ โรงงาน ได้ทำการผลิต
แบ่งเป็น โรงงานที่ผลิตวัคซีนเทคโนโลยี mRNA ทำโดยบริษัท TriLink สหรัฐอเมริกา
และอีกโรงงาน ที่ผลิต LNP "ส่วนผสมวัคซีน" เพื่อใช้ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี เป็นของบริษัท Evonik ประเทศเยอรมนี แต่ตั้งอยู่ในประเทศแคนาดา
และได้เตรียมโรงงานไทย "บริษัท ไบโอเนท-เอเชีย จํากัด" ในการผลิตวัคซีน mRNA และ "ตัวเคลือบวัคซีน" ด้วย จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต
ศ.นพ.เกียรติ กล่าวอีกว่า.........
ในส่วนของการวิจัยในคน ซึ่งมีการดำเนินการไปแล้วในต่างประเทศ ๑๘-๒๐ ชนิด
อย่างน้อยมี ๔ ชนิด ที่เป็น mRNA และมี ๓ ชนิด ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับเรา แต่จะต่างกันที่ตัวเนื้อวัคซีน ทำให้เราสามารถเรียนรู้ความน่าจะเป็นได้ว่า แบบไหนจะได้ผล
ดังนั้น ในแผนระยะแรก........
-เดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๖๓ จะทดลองในคน ๑๐๐+ คน
เพื่อความปลอดภัย จะเริ่มที่โดสต่ำๆ จึงกำหนดเป็นกลุ่มอายุ ๑๘-๖๐ ปี แบ่งเป็น ๕ กลุ่ม ได้แก่
-กลุ่มแรก จะได้รับวัคซีนเข็มแรก/เข็มที่ ๒ ที่ ๑๐/๑๐ ไมโครกรัม
-กลุ่ม ๒ ที่ ๓๐/๓๐ ไมโครกรัม
-กลุ่ม ๓ ที่ ๑๐๐/๑๐๐ ไมโครกรัม
-กลุ่ม ๔ ที่ ๓๐/๑๐
-กลุ่ม ๕ ที่ ๑๐๐/๑๐
และคาดว่าจะทำให้คนเข้าถึงวัคซีนได้เยอะขึ้น
ในระยะที่ ๒
ช่วงธันวาคม ๒๕๖๓ - มีนาคม ๒๕๖๔ ทดลองในคน ๕๐๐-๑,๐๐๐ คน
ในส่วนของระยะที่ ๓
จากการเรียนรู้ติดตามในต่างประเทศที่มีการทดลอง mRNA ๔ ชนิด ที่ก้าวหน้ามากกว่าเราถึง ๖ เดือน
คาดว่า มีวัคซีน ๑ ตัวสำเร็จได้ในต้นปี ๒๐๒๑ และได้การรับรอง อย.จากอเมริกา และยุโรป
ส่วนของจีน.......
ได้มีการเริ่มให้ใช้ได้ในทหาร เพราะวัคซีนมีความเสี่ยงสูง ทำให้ดูผลการทดลองได้เร็วขึ้น
ซึ่งขณะนั้น.........
ไทยกำลังเริ่มดำเนินการทดลองในคนระยะที่ ๒ จึงเป็นไปได้ว่า ในระยะที่ ๓
"อย.ไทย อาจเห็นควรให้ ไม่ต้องดำเนินการเข้าสู่ระยะ Emergency Use Authorization (EUA)"
แต่ยังต้องทำการเก็บข้อมูลเหมือนระยะที่ ๓ แต่ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ ก็จะช่วยลดทรัพยากรและระยะเวลาด้วย
ครับ.........
ทั้งหมดนี้คือ เนื้อหา "คณะแพทย์" แถลงตามข่าวปรากฏมันเป็นเอกลักษณ์-เอกภาคภูมิแห่งเกียรติศักดิ์ชาติ สมควรที่เราคนไทยทุกคนปลาบปลื้มยินดี
เพราะหนึ่งในอณูแห่งก้าวสู่ความสำเร็จนี้ การอดทน-เสียสละ ร่วมใจของประชาชน เคร่งครัดในมาตรการที่คณะแพทย์-รัฐบาลกำหนด เป็นแรงผลักดันไปสู่จุดสำเร็จนี้ด้วย
ก็หวังว่า........
PETA "องค์กรหากินกับสัตว์" รวมทั้งอังกฤษและเหล่าอารยชาติตะวันตก ไม่แอนตี้วัคซีน "CU-Cov19" ของไทย โดยตั้งแง่ การใช้หนูและลิงทดลอง เป็นการ "ทรมานสัตว์"!
ถ้าเป็นอย่างนั้น คนไทยจะเสียใจมาก
เพราะได้ตั้งใจไว้ว่า เมื่อสำเร็จ วัคซีนนี้ จะส่งไปช่วย "คนตะวันตก" ให้พ้นนรกโควิดไปด้วยกัน
กับพวก PETA แม้ริษยา "กะทิไทย"
ไทยก็ปรารถนามอบวัคซีนนี้ไปให้ ถ้าไม่รังเกียจ ว่า สำเร็จนี้ "ลิง" มีส่วนอุทิศ!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |