ศปถ.สรุป 7 วันอันตรายวันที่สาม เกิดอุบัติเหตุรวม 1,846 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 188 ราย ส่วนใหญ่ตายคาที่ ผู้บาดเจ็บ 1,934 คน ดื่มแล้วขับยังแชมป์ ขณะที่รองโฆษก คสช.เผย ตรวจพบผู้กระทำผิด 113,960 คน ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 2,991 คัน 

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 3 ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2561 เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2561 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 820 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 86 ราย ผู้บาดเจ็บ 852 คน 
    สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 47.56 ขับรถเร็ว ร้อยละ 27.44 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.66 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 64.51, บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 36.95, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.83 
    ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 29.02 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 18.12 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,029 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,547 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 837,164 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 172,294 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 50,197 ราย ไม่มีใบขับขี่ 45,485 ราย 
    โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (35 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ จันทบุรี (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (36 คน) 
    สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (11-13 เม.ย. 61) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,846 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 188 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,934 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 11 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (65 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และเพชรบูรณ์ (8 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (70 คน)  
    พล.ต.ต.เอกรักษ์เผยว่า หลายพื้นที่ยังคงเล่นน้ำสงกรานต์และมีการเฉลิมฉลองด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ถนนสายรองที่เชื่อมต่อเส้นทางสายหลักและระหว่างอำเภอมีสถิติอุบัติเหตุทางถนนสูง ประกอบกับจากสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่ายังคงมีสาเหตุมาจากการดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว ศปถ. จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครประจำจุดตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัด 
กวดขันถนนสายรอง
    พร้อมเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานบนเส้นทางสายรอง เน้นการกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะดื่มแล้วขับและขับรถเร็วในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ รวมถึงการขับขี่รถจักรยานยนต์เล่นน้ำที่ไม่สวมหมวกนิรภัย รถจักรยานยนต์พ่วงที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ และรถกระบะบรรทุกคนเล่นน้ำที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ให้ดูแลความปลอดภัยพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์และเส้นทางโดยรอบพื้นที่จัดโซนนิ่ง รวมถึงดูแลการเปิด-ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง โดยเข้มงวดกวดขันการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลักษณะเร่ขายในพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและการเล่นน้ำไม่ปลอดภัย
          ด้านนายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มงานภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้จังหวัดและอำเภอเข้มข้นการปฏิบัติงานของด่านชุมชน และจุดสกัดในพื้นที่ชุมชน/หมู่บ้าน โดยเฉพาะอำเภอที่มีความเสี่ยงอุบัติเหตุสูง (สีแดงและสีส้ม) ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยของพื้นที่จัดงานสงกรานต์และสถานที่ท่องเที่ยว รวมถึงเส้นทางโดยรอบ เน้นป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับและขับรถเร็ว โดยกวดขันเป็นพิเศษในช่วงเวลาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถกระบะบรรทุกคนเล่นน้ำ 
    นอกจากนี้ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งด้านสถานที่ ช่วงเวลา และช่วงอายุของผู้ซื้อ  
    นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่า ผู้เสียชีวิตกว่าร้อยละ 57.45 เป็นคนในพื้นที่ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ขับขี่ถึงร้อยละ 80.85 โดยมีสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถเร็วเกินกำหนด จึงส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุสูงกว่าร้อยละ 57.98 ศปถ.จึงได้กำชับจังหวัดเน้นการกวดขันผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และผู้ขับขี่ที่ขับรถในลักษณะเสี่ยงอันตราย 
    ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในการเล่นน้ำของประชาชน มิให้มีการเล่นน้ำบริเวณจุดเสี่ยงของเส้นทางสายหลักและสายรอง โดยเฉพาะพื้นที่เล่นน้ำให้ควบคุมมิให้มีการเล่นสาดน้ำในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตราย เพื่อให้การเดินทางและการเล่นน้ำเป็นไปด้วยความปลอดภัย
ยึดรถเมาขับ 2,991 คัน
    พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ช่วง 3 วันนี้หลายพื้นที่จัดงานสงกรานต์อย่างงดงามตามประเพณีไทย  บรรยากาศโดยรวมคึกคัก นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเดินทางร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่จัดกิจกรรมต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางการดูแลอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ที่ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยและไร้แอลกอฮอล์โดยประชาชนให้ความร่วมมือกับการดูแลของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
    สำหรับการสัญจรในถนนสายหลัก การจราจรคล่องตัว ส่วนในพื้นที่เขตเมืองที่ช่วงบ่ายจะมีการปิดถนน เล่นสาดน้ำ ทำให้รถชะลอตัวบ้างเป็นบางพื้นที่ สำหรับจุดบริการประชาชนของหน่วยทหารกองทัพบกทั่วประเทศ จำนวน 553 จุด ยังคงร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ให้การดูแลและอำนวยความสะดวกต่อเนื่องตลอด 24 ชม. ล่าสุดในวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนมารับบริการ ณ จุดบริการฯ 15,225 ราย 
    ขณะเดียวกัน ตลอด 3 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้น จากการที่ผู้ใช้เส้นทางบางส่วนยังฝ่าฝืนมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุ “ดื่มไม่ขับ จับยึดรถ” สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุโดยประมาท โดยในวันที่ 13 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา มีสถิติดังนี้
    รถจักรยานยนต์ การกระทำความผิด 31,125 ครั้ง เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องยึดไว้ 931 คัน ยึดใบอนุญาตขับขี่ 2,972 ราย และส่งผู้กระทำผิดดำเนินคดี 25,032 คน 
      สำหรับรถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคคล พบการกระทำความผิด 23,445 ครั้ง เจ้าหน้าที่ได้ยึดใบขับขี่ไว้ 1,713 คน ยึดรถยนต์ 585 คัน และส่งผู้กระทำความผิดดำเนินคดี 16,246 คน
         โดยตลอด 3 วันที่ผ่านมา (11-13 เมษายน 2561) ตรวจพบผู้กระทำผิด 113,960 คน เจ้าหน้าที่ได้ยึดรถที่ฝ่าฝืนมาตรการดื่มไม่ขับไว้แล้ว 2,991 คัน (รถจักรยานยนต์ 1,871 คัน และรถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 1,120 คัน ) และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ในส่วนรถจักรยานยนต์ 49,217 คน รถโดยสารสาธารณะ/รถยนต์ส่วนบุคล 30,607  คน
          ทั้งนี้ คสช.และรัฐบาลขอขอบคุณประชาชนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในมาตรการดูแลความปลอดภัย รวมถึงทุกคำอวยพรและกำลังใจที่มอบให้ในระหว่างสัญจร.