‘ทรัมป์’นำทีมถล่มซีเรีย โดนเต็มๆเป้าหมายร้าง


เพิ่มเพื่อน    

 สามเกลอมหาอำนาจ "สหรัฐ-อังกฤษ-ฝรั่งเศส" ระดมกำลังถล่มซีเรียด้วยมิสไซล์ครูซมากกว่า 100 ลูกจากเรือรบและเครื่องบินขับไล่เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ "โดนัลด์ ทรัมป์" อ้างเป้าหมายเกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีของเผด็จการ "บาชาร์ อัลอัสซาด"   ขณะรัสเซียอ้างยิงสกัดได้เกินครึ่ง ยันไม่มีพลเรือนหรือทหารสังเวย 

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การโจมตีทางอากาศต่อซีเรียเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ 14 เมษายน 2561 ตามเวลาท้องถิ่น เกิดขึ้นในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แถลงผ่านทางโทรทัศน์จากทำเนียบขาวในเวลาประมาณ 21.00 น.วันศุกร์ตามเวลาวอชิงตัน ซึ่งตรงกับ 08.00 น. วันเสาร์ของไทย เพื่อประกาศว่า อังกฤษ, ฝรั่งเศส และสหรัฐ ได้ระดมอำนาจโดยชอบธรรมเพื่อต่อต้านความโหดร้ายและป่าเถื่อน โดยจุดมุ่งหมายของปฏิบัติการในค่ำคืนนี้คือเพื่อสร้างการป้องปรามที่แข็งแกร่งต่อต้านการผลิต, แพร่กระจาย และการใช้อาวุธเคมี
    ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้กองทัพสหรัฐเริ่มการโจมตีอย่างแม่นยำ "ใส่เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับขีดความสามารถด้านอาวุธเคมีของเผด็จการบาชาร์ อัลอัสซาด แห่งซีเรีย" โดยเป็นปฏิบัติการร่วมกันกับกองทัพของอังกฤษและฝรั่งเศส ที่ต่างเห็นพ้องต่อการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองดูมาของซีเรียเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ซึ่งหน่วยกู้ภัยและนักสังเกตการณ์กล่าวว่ามีคนเสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน 
    เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ ก็แถลงเช่นกัน โดยบรรยายปฏิบัติการโจมตีทางอากาศครั้งนี้ว่า เป็นการโจมตีแบบจำกัดและเจาะจงเป้าหมาย เธออนุมัติให้กองทัพโจมตีภายหลังข่าวกรองบ่งชี้ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีอัสซาดคือผู้รับผิดชอบต่อการใช้อาวุธเคมีที่เมืองดูมาเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว เมย์ย้ำด้วยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ "การเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง"
    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวว่า เป้าหมายของการโจมตีจำกัดไว้เฉพาะสถานที่ตั้งที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีเท่านั้น 
    โจเซฟ ดันฟอร์ด ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐ กล่าวสรุปภายหลังคำแถลงของทรัมป์ซึ่งใช้เวลาราว 8 นาที ว่าปฏิบัติการร่วมครั้งนี้เป็นการยิงมิสไซล์มากกว่า 100 ลูก จากเรือหลายลำและเครื่องบินอีกหลายลำ โจมตีเป้าหมายหลัก 3 แห่งที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีของซีเรีย ได้แก่ ศูนย์ค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในกรุงดามัสกัส ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธเคมีและชีวภาพ, คลังเก็บอาวุธเคมีทางตะวันตกของเมืองฮอมส์ และคลังเก็บยุทธภัณฑ์ด้านอาวุธเคมีและกองบัญชาการที่มีความสำคัญซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮอมส์
    กระทรวงกลาโหมของอังกฤษกล่าวว่า เครื่องบินทอร์นาโดของอังกฤษ 4 ลำ ยิงมิสไซล์สตอร์มชาโดว์โจมตีเป้าหมาย 1 ใน 3 แห่งที่สหรัฐกล่าวถึง ซึ่งก็คือที่ตั้งทางทหารห่างจากเมืองฮอมส์ทางตะวันตก 25 กม. ที่เชื่อว่าใช้เก็บวัสดุตั้งต้นของอาวุธเคมี 
ฝรั่งเศสอวดผลงาน
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฝรั่งเศส ฟลอรองซ์ ปาร์ลี กล่าวว่า ฝรั่งเศสยิงมิสไซล์ครูซจากเรือฟริเกตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และส่งเครื่องบินรบจากฐานทัพในฝรั่งเศสร่วมโจมตีด้วย 
    การถล่มเป้าหมายหลายแห่งในซีเรียครั้งนี้ถือเป็นการเปิดบทใหม่ของสงครามกลางเมืองซีเรีย และรุนแรงกว่าปฏิบัติการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรียเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้นสหรัฐฉายเดี่ยวและโจมตีเป้าหมายที่เป็นฐานทัพอากาศเพียงแห่งเดียว อย่างไรก็ดี ในครั้งนี้ จิม แมททิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นปฏิบัติการครั้งเดียว ณ ขณะนี้ และยังไม่มีแผนการโจมตีเพิ่มเติมอีก 
    แต่ทว่าประธานาธิบดีทรัมป์กลับเปิดช่องว่า พวกตนเตรียมพร้อมจะตอบโต้ต่อไปเรื่อยๆ หากอัสซาดยังไม่เลิกใช้อาวุธเคมี ทรัมป์ยังเตือนรัสเซียและอิหร่านด้วยว่าควรเลิกหนุนหลังอัสซาด "รัสเซียต้องตัดสินใจว่าจะยังก้าวเดินตามเส้นทางที่มืดมนนี้ต่อไป หรือจะเข้าร่วมกับอารยประเทศในฐานะขุมกำลังเพื่อเสถียรภาพและสันติภาพ" 
    พลเอกดันฟอร์ดเปิดเผยว่า กองกำลังของรัสเซียในซีเรียได้รับคำเตือนผ่านช่องทาง "ลดทอนความขัดแย้ง" ที่มีอยู่ ว่าเครื่องบินของชาติตะวันตกจะเข้าน่านฟ้าซีเรีย แต่สหรัฐไม่ได้เปิดเผยเป้าหมายหรือช่วงเวลาปฏิบัติการต่อรัสเซียล่วงหน้า และแผนการโจมตีครั้งนี้พยายามลดความเสี่ยงที่จะสร้างความสูญเสียต่อรัสเซียให้เหลือน้อยที่สุด 
    รายงานเอเอฟพีอ้างคำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียว่า ข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีมิสไซล์ยิงโจมตีซีเรีย 103 ลูก ซึ่งรวมถึงโทมาฮอว์ก แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียสามารถยิงสกัดได้ 71 ลูก เซอร์เกย์ รุดสคอย นายทหารรัสเซียแถลงที่กรุงมอสโกด้วยว่า ข้อมูลเบื้องต้นไม่พบว่ามีพลเรือนหรือทหารซีเรียเสียชีวิต แต่กองทัพซีเรียเผยว่ามีพลเรือนซีเรียบาดเจ็บ 3 รายที่เมืองฮอมส์
    นายทหารผู้นี้เผยว่า ซีเรียใช้ระบบป้องกันที่ผลิตโดยสหภาพโซเวียต ซึ่งรวมถึงระบบเอส-200 และมิสไซล์บุค และตอนนี้รัสเซียอาจกลับไปทบทวนการตัดสินใจส่งมอบระบบเอส-300 ให้ซีเรีย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เคยระงับการส่งมอบระบบป้องกันภัยรุ่นนี้ให้ซีเรียเมื่อปี 2556 ภายหลังเจรจากับสหภาพยุโรป
    รัสเซียกล่าวด้วยว่า ไม่มีมิสไซล์ยิงโจมตีพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การป้องกันทางอากาศของรัสเซีย รวมถึงฐานทัพอากาศเมมิมและฐานทัพเรือทาร์ทุส ซึ่งรัสเซียติดตั้งระบบเอส-300 และเอส-400 ที่ใหม่กว่า ไว้คุ้มครองทรัพย์สินของตนในซีเรีย
โจมตีเป้าหมายร้าง
    องค์กรสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนในซีเรีย กล่าวว่า เป้าหมายที่สหรัฐ, อังกฤษ และฝรั่งเศสโจมตีทุกอย่างล้วนร้างผู้คน คนทั้งหมดถูกอพยพออกไปตั้งแต่ 3 วันก่อน 
    ปีที่แล้ว สหรัฐยิงมิสไซล์โทมาฮอว์ก 59 ลูกจากเรือพิฆาตติดมิสไซล์นำวิถี ยูเอสเอสพอร์เตอร์ และยูเอสเอสรอสส์ โจมตีฐานทัพอากาศเชรัตของซีเรีย เป้าหมายของการโจมตีครั้งนั้นรวมถึงอากาศยานของซีเรีย, โรงเก็บเครื่องบิน, โรงเก็บเชื้อเพลิงและกำลังบำรุง, บังเกอร์จัดส่งกระสุนวัตถุระเบิด, ระบบป้องกันภัยทางอากาศและเรดาร์ เวลานั้นกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวว่า อากาศยานทางยุทธการของซีเรียได้รับความเสียหายหรือโดนทำลายไป 1 ใน 5 
    สหรัฐอ้างว่าการโจมตีเมื่อเดือนเมษายน 2560 เป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีโจมตีเมืองข่านเชคฮุน สังหารผู้คนมากกว่า 80 คน 
    บรรดาชาติพันธมิตรในโลกตะวันตกต่างเห็นด้วยกับปฏิบัติการของมหาอำนาจ 3 ชาตินี้ โดนัลด์ ทุสก์ ประธานคณะมนตรียุโรปกล่าวว่า สหภาพยุโรปสนับสนุนการโจมตีและจะยืนเคียงข้างพันธมิตรของตนในการอยู่ฝั่งของความยุติธรรม, นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี สนับสนุน "การแทรกแซงทางทหารที่จำเป็นและเหมาะสม" ในครั้งนี้ แต่นางปฏิเสธที่จะนำเยอรมนีเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย 
    องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ ประกาศสนับสนุนปฏิบัติการของสหรัฐ, อังกฤษและฝรั่งเศส ว่าจะลดทอนขีดความสามารถในการโจมตีประชาชนชาวซีเรียโดยอาวุธเคมีอีก รัฐบาลตุรกีก็เห็นด้วยเช่นกัน กระทรวงการต่างประเทศยังประณามรัฐบาลของอัสซาดว่าก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและก่ออาชญากรรมสงครามระหว่างการทำสงครามกลางเมืองยาวนาน 7 ปีในซีเรีย
    ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า เขาประณามการโจมตีครั้งนี้ด้วยท่าทีที่ร้ายแรงที่สุด รัฐบาลของเขาได้เรียกประชุมฉุกเฉินคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการของสหรัฐและพันธมิตร 
    รัฐบาลรัสเซียยืนกรานว่าอัสซาดไม่ได้ใช้อาวุธเคมี และเมื่อวันศุกร์กองทัพรัสเซียอ้างว่ามีหลักฐานพิสูจน์ว่าอังกฤษบีบให้องค์กรบรรเทาทุกข์ไวต์เฮลเม็ตจัดฉากการโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เมืองดูมาขึ้น เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการโค่นอัสซาด 
อิหร่านประณาม
    ส่วนอิหร่านซึ่งเป็นอีกชาติที่หนุนหลังรัฐบาลอัสซาด ประณามว่าเป็นการละเมิดกฎกติกาและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน และเตือนว่า สหรัฐและพันธมิตรต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ตามมาในภูมิภาคนี้ อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านประณามทรัมป์, เมย์ และมาครง ว่าเป็น "อาชญากร" 
    รัฐบาลจีน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 ชาติสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงเช่นเดียวกับรัสเซีย, สหรัฐ, ฝรั่งเศส และอังกฤษ แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า จีนคัดค้านการใช้กำลังในกิจการระหว่างประเทศ และจีนสนับสนุนการเคารพสิทธิอธิปไตย, ความเป็นเอกราชและบูรณภาพเหนือดินแดนของทุกประเทศ คำแถลงของหัวชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุด้วยว่า ปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียวโดยไม่ขอความเห็นชอบจากคณะมนตรีฯ นั้นจะเพิ่มปัจจัยที่ซับซ้อนต่อการหาทางออกของปัญหาขัดแย้งในซีเรีย และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกลับคืนสู่กรอบการทำงานของกฎหมายระหว่างประเทศ และแก้ปัญหาผ่านการสานเสวนาและปรึกษาหารือ 
    น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า  กระทรวงการต่างประเทศติดตามเรื่องดังกล่าวมาตลอด แต่เราไม่มีคนไทยอาศัยอยู่ในซีเรีย ส่วนข้อกังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะบานปลายจนกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น รัฐบาลไทยต้องรอดูสถานการณ์กันไปก่อน เพราะการดำเนินการก็มีเรื่องของพัฒนาการ จึงต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าจะส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง 
    เมื่อถามว่า สถานเอกอัครรราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย จะต้องเตรียมการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ เนื่องจากมีข่าวว่ารัฐบาลรัสเซียประกาศให้ชาวรัสเซียตุนเสบียงอาหาร น.ส.บุษฎีกล่าวว่า ยังไม่มีการเตรียมการใดๆ เป็นพิเศษ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตไทยซึ่งประจำการในประเทศที่เกี่ยวข้องอยู่ตลอด ควบคู่กับการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด 
    ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมของไทยได้ติดตามดูสถานการณ์ โดย พล.อ.ประวิตรได้ตั้งเจ้าหน้าที่ชุดติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวในเรื่องของความมั่นคงทั่วไป โดยเราก็มีข้อมูลของเราเอง รวมทั้งรับข้อมูลจากมิตรประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าจะเกิดผลกระทบต่อคนไทยหรือไม่ พร้อมกับมีการประเมินแนวโน้มของความรุนแรงเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ ทั้งนี้ ในความรุนแรงขั้นต้นยังไม่มีรายงานว่าจะเกิดการปะทุความรุนแรงมากขึ้น เพราะในประเทศซีเรียมีกองกำลังของทหารสหรัฐอเมริกาประมาณ 2,000-3,000 นาย และคงใช้วิธีการโจมตีทางอากาศโดยทิ้งระเบิดไปใกล้กับจุดเก็บอาวุธเคมี ซึ่งที่มีความเป็นห่วงก็คือกรุงดามัสกัส 
    ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียนั้น นายปณิธานคิดว่ายังไม่มี แต่เราก็ไม่ประมาท และต้องเฝ้าระวัง เพราะก็ทราบกันดีว่าประเทศซีเรียได้รับการสนับสนุนจากประเทศรัสเซีย อีกทั้งประเทศจีนก็มีความใกล้ชิดกับประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องรอดูในเวทีสหประชาชาติว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้อย่างไร 
    ที่มีความเป็นห่วงว่าอาจจะเกิดสงครามครั้งใหญ่หรือสงครามเย็นนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ในส่วนของความตึงเครียดของสถานการณ์มีขึ้นแน่นอน แต่จะมีผลกระทบกับฝั่งยุโรปตะวันออกมากกว่าฝั่งเอเชียและประเทศไทย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่เราก็ต้องดูให้ดี เพราะจุดยืนของประเทศไทยนั้นอยู่ตรงกลาง 
    สำหรับการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกาที่อาคารเพนตากอน โดย พล.อ.ประวิตรมีกำหนดการเดินทางไปร่วมประชุมในระหว่างวันที่ 21-26 เม.ย.นั้น และมีกำหนดการพบกับ พล.อ.เจมส์ แมพติส รมว.กลาโหม ยังคงเป็นไปตามเดิมและยังไม่มีการยกเลิกมาที่กระทรวงกลาโหมไทย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"