พรรคเสื้อแดงหาที่ลง ไม่อยากจมปลักกับภาพเดิมๆ เล็งอนาคตใหม่ของไพร่หมื่นล้าน ซัดเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ คนรุ่นใหม่เทียม มีแต่ทายาท ดันลูกเมียเข้าสภาทั้งนั้น ขณะที่ "นพ.เชิดชัย" ไม่เชื่อมีแดงแตกแถว มีแค่เอาทหารกับไม่เอาทหาร "พานทองแท้" ว่างจัด แหย่รังแตน ด่า "มาร์ค" รายวัน เจอ "นิพิฏฐ์" สวนหงายท้อง ฟันธง "โอ๊ค" กินหญ้า อนาคตได้ใส่กำไลข้อเท้า

    นายสิระ พิมพ์กลาง แกนนำเสื้อแดงสกลนคร ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดการตั้งพรรคของคนเสื้อแดงอีกครั้งว่า พยายามมองว่าผู้ใหญ่ในพรรค หรือใครที่พอมาเป็นผู้นำได้ ส่วนตัวมองว่า นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ อดีต รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ถือเป็นผู้มีบารมี มีความผูกพันกับคนเสื้อแดง และคนเสื้อแดงให้การยอมรับ เสียสละต่อคนเสื้อแดงมามาก เป็นผู้นำพรรคได้ 
    เขากล่าวว่า การเมืองในวันนี้พรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ยังไม่เลิกแล้วต่อกัน ทหารทะเลาะกับพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยทะเลาะกับพรรคประชาธิปัตย์ การเมืองวนกันอยู่แค่ 3 กลุ่ม ไม่เห็นทางออกประเทศอย่างจริงๆ
    "ถ้ามีคนเสื้อแดงออกไปทำพรรคหรือไปร่วมงานกับกลุ่มการเมืองอื่นจะถูกมองอีกไหมเป็นเสื้อแดงปลอม ทั้งที่คนที่จะไปทำการเมือง ล้วนอยากให้ประเทศออกจากความขัดแย้ง ทำให้ประเทศก้าวหน้ามากกว่านี้"
    นายสิระกล่าวว่า ในวันนี้เท่าที่ดูพรรคอนาคตใหม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีโอกาสมากกว่าพรรคอื่น ไม่อยากให้ประเทศจมปลักอยู่กับภาพเดิมๆ พรรคเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ ที่บอกเป็นคนรุ่นใหม่มาเล่นการเมือง ไม่ได้เป็นรุ่นใหม่จริง แต่เป็นทายาทนักการเมืองเดิม สลัดภาพไม่ออก 
    "แม้แต่ในอดีตมีการเลือกตั้ง ส.ว. ก็มีแต่การดันลูกเมียตัวเองเข้าไป ไม่เปิดโอกาสให้สมาชิกอื่นที่มีอุดมการณ์เข้าไปทำงาน เป็นการผูกขาดอำนาจ พรรคจึงไม่ได้เป็นพรรคของมหาชนจริงๆ ยังไม่ได้ปรับไปสู่พรรคที่ทันยุค ทันสมัย ยังล้าหลัง เป็นของกลุ่มทุน เมื่อเข้าไปก็ต้องทำงานเพื่อรองรับกลุ่มทุนอย่างแยกไม่ออก ไม่ใช่จะไปยื่นอะไรก็ไปได้แค่เกาะรั้ว พรรคการเมืองต้องยอมรับ สมาชิกพรรคทุกคนที่ประชาชนจะเสนอนโยบายได้โดยเปิดเผย ถ้าทำไม่ได้ จะมีสมาชิกพรรคการเมืองไปทำอะไร"
    เขากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ก็เช่นกัน ถ้ากล้าเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตย จะมาเป็นสมาชิกพรรค หรือลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อได้ก็ดี ไม่ให้เป็นที่ครหาของนานาประเทศ ถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว ใช้งบประมาณผ่านโครงการต่างๆ ก็ควรกล้าลงไปเล่นตามกรอบกติกา
เสื้อแดงสู้ก็แพ้
    “เสื้อแดงถ้าออกไปสู้อีกก็แพ้ แนวคิดเสื้อแดงปัจจุบันไม่ได้รับการยอมรับที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง  ที่พูดเรื่องการทำพรรคการเมือง ไม่ได้หมายถึงเพียงคนเสื้อแดง แต่รวมไปถึงคนเสื้อเหลือง ตำรวจ ทหาร จะทำอย่างไร มารวมกันเพื่อให้ไปสู่ประชาธิปไตยอย่างยั่งยืน โดยไม่มีรัฐประหารอีก ทำกระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่ยอมรับ”
    นายสิระกล่าวว่า สมัยเป็นแนวร่วมเสื้อแดงในปี 2552 ถูกพ่วงคดีไปพร้อมกับแกนนำคนอื่นๆ ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. ที่ออกไปวันนั้นไปในนามประชาชน อยากเห็นประเทศปกครองที่เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ปัจจุบันตนยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด      
    ด้าน นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า กลุ่มผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม หรือคนเสื้อแดงมีหลายกลุ่ม ทั้งระดับหมู่บ้าน ชุมชน ภูมิภาค เท่าที่คุยกับแกนนำเสื้อแดงในส่วนกลาง อดีต ส.ส.เสื้อแดง ในพรรคเพื่อไทย ยังไม่เห็นมีใครที่มีความคิดจะไปทำพรรค และคงไม่มีใครไป หากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการสะท้อนตัวตน เพราะเราได้ร่วมต่อสู้กันมาร่วม 10 ปี จะมาลังเล ไม่มั่นคงไม่ได้ 
    แต่เขายอมรับว่า ที่ผ่านมามีแกนนำระดับภูมิภาคหลายคนมาหารือถึงการทำพรรค การจะไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ตนได้แต่บอกไปว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล แต่อยากให้ดู เราได้ต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน การเมืองวันข้างหน้าจะมีเพียงแค่ 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายเอาทหารกับฝ่ายไม่เอาทหาร จากนั้นให้เขาไปคิดกันเอาเอง 
    นอกจากนี้ การตั้งพรรคการเมืองเป็นเรื่องยุ่งยาก มีเรื่องสมาชิก เรื่องอะไรต่างๆ ที่ต้องทำอีกมาก ถึงใครจะทำพรรค หรือจะไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ว่ากัน หากไปอยู่ในพรรคที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย เราก็ยังเป็นแนวร่วมกันได้ 
    ส่วนความกังวลที่กลัวว่าหากมีเพียงพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว อาจทำคะแนนบางส่วนเทไปให้พรรคอนาคตใหม่นั้น ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีนายธนาธร ที่ได้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ส่วนจะเป็นอย่างไรต่อไป อยู่ที่ประชาชนเป็นคนเลือก เป็นคนตัดสินใจ ของจริงคงต้องไปดูกันในวันเลือกตั้ง 
ด่าเหลือง-สลิ่ม
    "วันนี้ชาวบ้านเท่าที่ได้พูดคุย เขาตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว คนที่ยังไม่ตัดสินใจ คงเป็นฝ่ายเสื้อเหลือง กลุ่มสลิ่มมากกว่า ไม่ใช่คนเสื้อแดง"
    เมื่อถามว่า แกนนำเสื้อแดงต่างจังหวัดระบุว่า ข้อเรียกร้องจากเสื้อแดงไม่ได้รับการต่อยอดจากพรรคเพื่อไทย นพ.เชิดชัยตอบว่า เป็นข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน ในส่วนของกระแสชาวบ้านในต่างจังหวัด ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ไม่ได้ดูว่าใครจะมาเป็นผู้นำในพรรค ส่วนสำคัญอยู่ที่ 3 รายชื่อที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าจะเป็นใคร เป็นเรื่องของที่ประชุมพรรค รอทาง คสช.อนุญาตให้พรรคการเมืองจัดประชุมได้ ถึงวันนั้นก็คงรู้แล้วว่าผู้นำพรรค กรรมการบริหารพรรคจะเป็นใคร อย่างไรก็ดี กระแสชาวบ้านที่มีต่อตัว ส.ส. ส่วนหนึ่ง ส.ส.เองต้องพัฒนา ปฏิรูปตัวเองด้วย ไม่เช่นนั้นชาวบ้านเขาจะเบื่อ แต่เขายังอดทนอยู่ และยังให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง
    วันเดียวกันนี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร ผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกคดีคอร์รัปชัน โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra อีกครั้ง หลังเกิดกระแสตอบโต้กันในโลกออนไลน์ กรณีเพจพรรคประชาธิปัตย์นำคำพูดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่ายืนหยัด ปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ 
    พานทองแท้โพสต์ว่า ขอบคุณพานทองแท้ ที่ช่วยแชร์เพจของพรรคฯ ให้โด่งดังรึยังครับ..? ท่านหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์..55555
    จากเพจที่โพสต์นึงโดยปกติ มีคนแชร์แค่ประมาณ 10 ครั้ง กลายเป็นถูกแชร์ไปเกือบ 3,000 หลังจากผมโพสต์เชียร์ให้คนเข้าไปดูเพียงไม่กี่ชั่วโมง..ท่านหัวหน้าพรรคฯ ท่านภูมิใจในสิ่งที่ท่านได้พูดไว้มั้ยครับ..??
    นี่ยังไม่นับคอมเมนต์ ที่มีมากกว่านั้นเยอะนะครับ ผมนับไม่ได้ เพราะข้อความคงไปขัดจริตจนคนพรรคฯนี้จนทนไม่ได้ ข้อความที่โดนพี่น้องประชาชนด่าอีกหลายพันคอมเมนต์ จึงถูกลบทิ้งเหลือแต่คอมเมนต์ที่อวยกันแบบไม่ลืมหูลืมตาอยู่ไม่กี่ข้อความ
    สำหรับพวกที่ความจำสั้น อวยกันอย่างไม่ลืมหูลืมตานี้ ผมขอกระชับความทรงจำเล็กๆ ด้วยการนำรูปปาร์ตี้ชุดลายพรางที่ฉลองกันสุดเหวี่ยง หลังจากที่ทหารออกมายึดอำนาจเพียงไม่กี่วันมาให้ดูนะครับ พร้อมทั้งตั้งคำถาม ป้องกันการคิด
โอ๊คกินหญ้า
    การเป่านกหวีดเชิญชวนก่อนการยึดอำนาจ และการฉลองชัยหลังจากที่ทหารกระทำการยึดอำนาจสำเร็จ มันคือการปกป้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการฯ ในสไตล์ ปชป.หรือครับ..??
    ผมขอทวนสิ่งที่พี่มาร์คพูดในนามหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกทีนะครับ ไม่ว่าจะอ่านดูกี่ครั้ง ก็ทำให้ผมอยากแสดงความนับถือทุกครั้ง ที่พี่เค้ากล้าพูดคำนี้ออกมา “ประชาธิปัตย์ ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ”
    โอ้วว..พี่มาร์ค!! พี่พูดแบบนี้ได้ “ใจพี่ต้องนิ่งมากครับ” 
    อย่างไรก็ตาม พานทองแท้ไม่ตอบคำถามใดๆ กรณีที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ที่นายพานทองแท้พูดว่าอายอยากแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่าประชาธิปัตย์ ยืนหยัดปกป้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบนั้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าอาย เพราะคือความจริง ในทางกลับกันผมจะอายมากถ้าพ่อหรืออาผมหนีคดีแล้วแทรกแผ่นดินหนีไปอยู่ต่างประเทศ นี้คือสิ่งที่น่าอับอายในความคิดของผม
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ”โอ๊ค กับ กำไลข้อเท้า” ว่า "อ่านข้อความที่โอ๊ค พานทองแท้ เขียนกระทบกระเทียบถึงพรรคประชาธิปัตย์ กรณีพรรคประชาธิปัตย์เขียนข้อความในโอกาสครบรอบ 72 ปีของพรรค ผมไม่เคยพาดพิงถึงพรรคการเมืองใดเลย แต่จะกล่าวถึงเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกันขอให้เป็นเรื่องของผมกับโอ๊คเท่านั้น  
    เรื่องเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ดูเหมือนโอ๊คจะสับสนมาก ผมพยายามอธิบายหลายครั้งก็ยังไม่เข้าใจ ขอบอกอีกครั้งว่า โลกปัจจุบันอย่างน้อยเผชิญกับเผด็จการ 2 แบบละ คือเผด็จการทหารและเผด็จการรัฐสภา (หรือเผด็จการเสียงข้างมาก) ทั้ง 2 แบบเลวร้ายทั้งนั้น แต่อย่างไหนเลวร้ายกว่ากันค่อยว่ากัน พรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนเผด็จการทั้ง 2 แบบ 
    เอาล่ะ เรื่องนี้ค่อยว่ากันยาวๆ ในภายหลัง ผมสังเกตว่า หน้าร้อนปีนี้ โอ๊คหงุดหงิด รุ่มร้อน วุ่นวาย ตาขวาง คอแข็งเหมือนป่วยเป็นโรคอะไรสักอย่าง ระรานเขาไปหมด บางวันก็ระรานไปถึงท่านประธานองคมนตรี 
    เอาอย่างนี้ก่อนแล้วกัน ที่โอ๊คสงสัยว่า คนไทยกินหญ้าหรือกินข้าว ผมตอบเสียเลยว่า คนไทยกินข้าวครับ โอ๊คยังไม่รู้หรือว่าคนไทยกินข้าว ส่วนโอ๊คนั้นแน่นอนไม่สงสัยเลย โอ๊คต้องกินหญ้าแน่นอน โอ๊คบอกว่า อายแทบแทรกแผ่นดินหนี อันนี้ผมรู้ทันโอ๊คนะ นี่ก็คงเตรียมการหนีอยู่อีกล่ะสิ เอาล่ะ! เราจะจบเรื่องหนีกันไว้แค่นี้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแผ่นดินหนีหรือขึ้นเครื่องบินหนี พูดไปเดี๋ยวเจ็บตัวกันหลายคน" 
ใส่กำไลข้อเท้า
    "ผมฝากถึง ผบ.ตร. ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ตร.คนปัจจุบัน หรือ ผบ.ตร.ในอนาคต ตอนนี้โอ๊คเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีฟอกเงิน หากภายหน้าอัยการสั่งฟ้อง ซึ่งควรจะฟ้องตามความเห็นของผม โอ๊คก็คงขอประกันตัวต่อศาล ขอบอกว่า ตอนนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมเขามีเครื่องมือใหม่สำหรับป้องกันจำเลยหลบหนี เครื่องมือนี้เรียกว่ากำไลข้อเท้า หรือ EM(Electronic Monitoring - EM) โดยสวมติดข้อเท้าจำเลย หากจำเลยหนีออกนอกพื้นที่จะมีสัญญาณส่งไปยังศูนย์ควบคุม ตำรวจก็จะตามตัวจับได้ทันที คราวนี้ตำรวจก็คงไม่มีข้อแก้ตัวว่าไม่ทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปได้อย่างไร ผมภาวนาว่า โอ๊ค จะได้รับเกียรติสวมกำไลข้อเท้า เพื่อปิดทางหลบหนี และผมสัญญากับโอ๊คล่วงหน้าว่า วันที่โอ๊คขึ้นศาล ผมจะไปยื่นคำร้องต่อศาลให้สวมกำไลข้อเท้าให้โอ๊ค เพื่อป้องกันการหลบหนี โอ๊ค ที่ผมต้องทำอย่างนี้ เพราะในสายเลือดโอ๊ค มีสัญชาตญาณการหลบหนีอยู่เต็มเปี่ยม โชคดีนะโอ๊ค" รองหัวหน้า ปชป.กล่าว
    นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่อยากจะมาชี้แจงมาก เพราะรู้ว่าอธิบายไปนายพานทองแท้ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ครั้งนี้ไม่ชี้แจง แต่จะสอนนายพานทองแท้ให้เข้าใจคำว่าเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภา ที่นำไปสู่เผด็จการทหาร  พรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านทั้งสองอย่าง แต่จะอธิบายว่าใครกันแน่ที่เชิญชวนให้ทหารมายึดอำนาจ
    "เผด็จการเสียงข้างมากสภานั้น มีการวางแผนมาตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อไปลงคะแนนให้ เมื่อได้เสียงข้างมากในสภาก็จะช่วยกันยกมือให้พวกเป็นรัฐบาล แล้วเอานโยบายที่วางแผนไว้แล้วมาทุจริต เช่น นโยบายจำนำข้าว เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องกลุ่มทุน เช่น นโยบายรถคันแรก ใช้อำนาจเสียงข้างมากออกกฎหมายล้างผิดให้กับคนทุจริตคด ใช้เสียงข้างมากแก้รัฐธรรมนูญ 4 ครั้งเพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง ใช้อำนาจในการจัดสรรงบประมาณเลือกพัฒนาจังหวัดที่เลือกพรรคตนเอง ส่วนเผด็จการทหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา ยึดอำนาจต้นเหตุมาจากเผด็จการเสียงข้างมากในสภา ระบุไว้ในเหตุผลแห่งการยึดอำนาจทั้งสองครั้ง"
    เขากล่าวว่า 72 ปี พรรคยึดมั่นในระบบประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการในทุกรูปแบบ ทั้งเผด็จการเสียงข้างมากในรัฐสภาและเผด็จการทหาร ตั้งแต่ยึดอำนาจมา พรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลทหารตลอด นายพานทองแท้ไม่ใช่เด็ก อย่านึกสนุกอะไรก็พูด ควรสุขุมมากกว่านี้ อีกอย่างพรรคการเมืองเป็นสถาบัน อย่ามาดูหมิ่นกล่าวหาใส่ร้ายกัน
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วยสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ที่ ถ.ข้าวเหนียว ร่วมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยนายธนาธรกล่าวว่าการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่นครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กับชาวขอนแก่นแล้ว ยังคงจะมีการพูดคุยกับผู้ให้การสนับสนุนด้วย
    “เราจะมีการพูดคุยกันอย่างเปิดใจ เพราะขณะนี้ มีความชัดเจนที่มีกลุ่มในจังหวัดขอนแก่นที่อยากจะสนับสนุนพรรคของเรา อยากที่จะช่วยงาน ช่วยเหลืองานของพรรค ซึ่งขณะนี้ยังคงไม่ขอเปิดเผยข้อมูลใดๆ เพราะจะมีแรงกดดันกับผู้สนับสนุนได้ ในการลงพื้นที่ตามจังหวัดต่างๆ ได้รับการตอบรับอย่างดี บางคนก็เจอเราในสนามบินบ้าง เจอเราตามร้านอาหารบ้าง ก็มีการทักทายกันและให้กำลังใจ ซึ่งผมก็แอบตกใจว่าชื่อเสียงของเราได้รับการนิยมถึงภาคอีสาน บางครั้งไม่ได้อยู่ในอำเภอเมืองฯ ด้วยซ้ำ ตามชนบทก็ยังมีคนเข้ามาจับมือมาขอถ่ายรูป ก็คิดว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”
    นายธนาธรกล่าวต่ออีกว่า ในการลงพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้ เริ่มที่หนองบัวลำภู ต่อด้วยอุดรธานี วันนี้มาที่ขอนแก่น และจะเดินทางต่อไปที่ จ.มหาสารคาม,ร้อยเอ็ด, นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ โดยมีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ภาคอีสานครั้งนี้อยู่ที่ 7-8 วัน โดยใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงของการลงพื้นที่ในภาคอีสาน ซึ่งได้พบกับคนหลายกลุ่ม.