เพื่อไทยสาดน้ำลาย! ยำ‘ชวน’แทน‘ปู-แม้ว’/‘พิชัย’ผิดคิวส.ส.ใต้จนขายงบฯให้เหนือ-อีสาน


เพิ่มเพื่อน    

  ร้อนยิ่งกว่าพระอาทิตย์เดือนเมษา. เพื่อไทยเดือด ยกพวกถล่ม "ชวน" ยัน "ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์" ดูแลคนใต้ดีกว่าประชาธิปัตย์ ขุดบุญคุณกันสนุก สมัยภัยพิบัติสึนามิ ทุ่มเทสุดชีวิตจนได้รับคำชมไปทั่วโลก อยากทำให้ต่อแต่ถูกรัฐประหารเสียก่อน "พิชัย" ผิดคิวบอก ส.ส.ใต้ยากจน ไม่มีอาชีพทำรายได้ ขายงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นให้ ส.ส.ภาคเหนือ อีสาน ที่รวยกว่า รัฐมนตรีไวท์ไลผสมโรง จวกมีดโกนหมดมุก หวังเลียรองเท้าบูต ส่วนประชาธิปัตย์งัดวาทะทักษิณ  จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย ได้รับการดูแลก่อนพิเศษ

    หลังนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันเสาร์ ขอบคุณรัฐบาล คสช.ที่ซ่อมถนนภาคใต้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากรัฐบาลชุดนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลั่นแกล้ง ไม่จัดงบประมาณมาให้ซ่อมแซม สร้างความไม่พอใจกับพรรคเพื่อไทยอย่างรุนแรง จนต้องดาหน้าออกมาถล่มนายชวน
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า  อยากให้นายชวน หลีกภัย ที่ตนมีความเคารพส่วนตัว ได้กลับไปมองย้อนอดีต ว่าตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ทุกครั้งมีการพัฒนาภาคใต้ขนาดไหน จำได้ดีว่าสมัยที่เป็นเด็ก ภาคใต้ก็ถนนลาดยางสองเลนแล้ว ในขณะที่ถนนในภาคอีสานยังเป็นถนนลูกรัง แต่เวลาผ่านไป ภาคใต้ก็ยังมีแค่ถนนลาดยางสองเลน ในขณะที่ภาคอีสานและภาคเหนือพัฒนามีถนนลาดยาง 8 เลนบ้าง 10 เลนบ้าง 
    "ผมได้เคยสอบถาม ส.ส.หลายท่านว่าเพราะเหตุใดภาคใต้จึงไม่พัฒนา คำตอบที่ผมได้รับคือ ส.ส.ในภาคใต้ที่ส่วนใหญ่ไม่มีอาชีพที่ทำรายได้มากนัก ได้ขายงบประมาณพัฒนาท้องถิ่นให้กับ ส.ส.ภาคเหนือ และภาคอีสานที่มีฐานะค่อนข้างดี ทำให้การพัฒนาภาคเหนือและอีสานมีมากกว่าภาคใต้มาก ไม่ทราบเรื่องนี้เท็จจริงเป็นอย่างไร อยากให้นายชวนช่วยตอบข้อสงสัยนี้"
    นายพิชัยอ้างว่า จำได้ดีสมัยนายชวนเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศถนนลาดยาง 2 เลนทั่วประเทศ แต่เหตุใดภาคใต้จึงไม่พัฒนาเพิ่มขึ้นเลยหลังจากนั้น  และประชาชนส่วนใหญ่รวมถึงคนภาคใต้เองอาจจะไม่ทราบว่าภาคใต้มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าภาคอื่นมาโดยตลอด การพัฒนากระจุกอยู่ในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวเท่านั้น เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ฯ สงขลา (หาดใหญ่) เป็นต้น จังหวัดอื่นๆกลับพัฒนาน้อยมาก เมื่อเทียบกับจังหวัดในภาคเหนือ และอีสาน  
    อดีต รมว.พลังงานกล่าวว่า หากย้อนไปดูการใช้งบประมาณไทยเข้มแข็ง 4 แสนล้านบาท สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ จะเห็นว่ามีการใช้งบเป็นเบี้ยหัวแตก มีการพัฒนาภาคใต้แค่ไหน งบส่วนใหญ่กระจายให้กับกระทรวงศึกษาฯ และกระทรวงสาธารณสุข ที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลอยู่ ซึ่งทำไมไม่นำไปพัฒนาภาคใต้ให้เจริญกว่านี้ 
จะเลียรองเท้าบูตครับ?
    "ถ้ามองย้อนหลัง รัฐบาลทักษิณพยายามผลักดัน การพัฒนาเซาเทิร์นซีบอร์ดและโครงการแลนด์บริดจ์ แต่มาโดนปฏิวัติเสียก่อน ซึ่งหากทำสำเร็จ ภาคใต้คงเจริญมากกว่านี้มาก และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้พัฒนาถนนในจังหวัดภูเก็ต จนชาวภูเก็ตยังทำป้ายขอบคุณ" 
    ดังนั้น จึงอยากให้ท่านชวนได้หันกลับมาดูวิธีคิด และวิธีบริหารงานของพรรคประชาธิปัตย์ในสมัยที่ได้เป็นรัฐบาลให้ดีก่อนที่จะไปต่อว่ารัฐบาลอื่น และน่าจะนำแนวคิดการพัฒนาภาคใต้ที่รัฐบาลทักษิณได้คิดไว้แล้วนำไปใช้ เพราะประชาชนภาคใต้จะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ต้องลำบากเหมือนในปัจจุบัน ที่ราคายางพาราตกต่ำกว่าสมัยรัฐบาลทักษิณและรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาก และขอย้ำว่า ปัจจุบันโลกแข่งขันกันมาก ดังนั้นประเทศนี้ต้องการผู้นำที่มีความเฉลียวฉลาดที่จะนำพาประเทศแข่งขันเพื่อให้ก้าวหน้าต่อไปได้
    ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีต รมว.การคลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายชวนว่า เป็นถึงอดีตนายกฯ คุณพูดแบบนี้จริงหรือ ถ้าพูด คนฟังก็พึงคิดและพึงรู้ว่าไม่จริง อดีตรองนายกฯ อดีตรัฐมนตรีคลังและอดีตประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณในวาระรัฐบาลอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะถ้าจริง กรรมาธิการงบประมาณฯ ก็มี ส.ส.พรรคท่านอยู่มากมายในขั้นแปรญัตติวาระสอง ซึ่งก็ย่อมถูกแก้ไข หากแก้ไขไม่สำเร็จก็ต้องตามด้วยการถล่มเละในสภาก่อนผ่านวาระสาม ถ้าไม่ได้พูด ก็โปรดแจงมาจะลบโพสต์ แล้วตามด้วยคำขอโทษที่ฟังมาผิด
        "แต่ถ้าจริง ผมแค่อยากจะบอก และถามท่านว่า โถมีดโกนหมดมุก ท่านหวังสร้างความเท็จ สร้างความเกลียด หรือหวังจะเลียรองเท้าบูตครับ?" รัฐมนตรีเจ้าของฉายาไวท์ไลกล่าว
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ใส่ร้ายผู้อื่นเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง เป็นการทำงานการเมืองไม่สร้างสรรค์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ ท่านอดีตนายกฯ ทั้งสองที่ถูกพาดพิง คงไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อมูลที่บิดเบือนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองตามความถนัดของผู้ที่อาศัยฝีปากมากกว่าฝีมือ ขออนุญาตทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวใต้และประชาชนทั่วประเทศให้เข้าใจข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาประเทศ
     การเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล มีหน้าที่ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาทั้งประเทศ ดังนั้นโครงการสำคัญที่จะช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาประชาชนจึงต้องดำเนินการอย่างทั่วถึงและเสมอภาค เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการกองทุนหมู่บ้าน โครงการ SML เป็นต้น หรือการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ซึ่งมีผลผลิตหลากหลายในแต่ละภาค การดูแลราคายางพาราซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจของพี่น้องเกษตรกรในภาคใต้ได้ดีกว่านายกฯ ที่มาจากคนใต้ คงเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริงว่าคนเป็นนายกฯ ต้องรักประชาชนอย่างเสมอภาค 
ทวงบุญคุณสึนามิ
        สำหรับการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภาคใดก็ตาม มีหลายปัจจัยที่จะส่งผลต่อการจัดสรรงบประมาณ เช่น จำนวนประชากร รายได้ประชากร ลักษณะภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ เป็นองค์ประกอบในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ซึ่งเริ่มจากแผนพัฒนาในระดับต่างๆ จนถึงระดับชาติ โดยการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนผ่านระบบราชการมาตามลำดับจนถึง ครม. และสภาผู้แทนราษฎร ตนขอยืนยันว่า รัฐบาลสมัย ดร.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้ความสำคัญยิ่งกับการจัดสรรงบประมาณโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดภาคใต้ เพราะเป็นจังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวในระดับสูง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว ทั้งในเรื่องสนามบิน ถนนหนทาง ให้ทันกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 
        นายอนุสรณ์ฝากข้อสังเกตให้ประชาชนภาคใต้ได้ตรวจสอบอดีต ส.ส.ของท่านให้ดี ว่าเหตุใดไม่มีผลงานในการติดตามความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องถนนหนทางเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับ ส.ส.ภาคอื่นๆ ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เพราะมีข่าวว่ามีการโยกย้ายงบประมาณข้ามภาคหรือไม่ เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจรับเหมาสร้างถนนและประโยชน์ด้านอื่นๆ หรือไม่ 
    "คิดว่าพี่น้องชาวใต้ไม่ลืมภาพประวัติศาสตร์เมื่อครั้งเกิดภัยพิบัติ "สึนามิ" ทำความเสียหายกับทรัพย์สินและชีวิตประชาชนมหาศาล แต่ในท่ามกลางกำลังเกิดมหาภัยและหลังภัยสงบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ ครม.ได้ทุ่มเทให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวใต้อย่างสุดชีวิตของคนทำงานการเมืองเพื่อประชาชน และงานการช่วยเหลือประชาชนอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพ จนได้รับการชื่นชมจากชาวใต้อย่างท่วมท้น ประชาชนคนไทยทั้งประเทศที่เอาใจช่วย ตลอดจนชาวโลกที่ชื่นชมผลงานของอดีตนายกรัฐมนตรีดังกล่าว ล้วนเห็นว่าท่านเป็นคนของประชาชนทุกภาค"
    เขากล่าวว่า ความจริงแล้วหากจะวิเคราะห์กันให้ถ่องแท้ถึงวัตถุประสงค์ของการให้ข่าวของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองนี้ที่ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง แต่อยากเป็นรัฐบาล ซึ่งก็จำเป็นจะต้องพึ่งทหารหรือการเมืองนอกระบบ การชื่นชมหัวหน้า คสช.ดังกล่าว จึงเป็นที่เข้าใจได้ เมื่อหัวหน้าพรรคออกมายืนยันไม่เอาเผด็จการ ไม่เอานายกฯ คนนอก ผู้ใหญ่ในพรรคก็ต้องแตะทหารไว้บ้าง เดี๋ยวจะไม่ได้ร่วมรัฐบาล ซึ่งเป็นการดีเพราะประชาชนจะแยกแยะได้ง่ายขึ้น ระหว่างฝ่ายที่เอาเผด็จการกับไม่เอาเผด็จการ ประชาชนจะเลือกใคร
วรรคทองทักษิณ
    สำหรับเหตุการณ์สึนามิเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2547 แต่วันที่ 31 ต.ค.2548 เวลา 13.00 น. นายทักษิณ กล่าวที่หอประชุมโรงเรียนบรรพตพิทยาคม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ว่า นครสวรรค์ได้มอบความไว้วางใจให้กับรัฐบาล โดยเลือก ส.ส.รัฐบาลทั้งจังหวัด แน่นอน อันนี้ตรงไปตรงมา ต้องได้สิทธิดูแลเป็นพิเศษ
      "ผมตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่เราต้องดูแลคนทั้งประเทศด้วย แต่เวลาจำกัด ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง ไม่ใช่ไม่ไป คิวต้องเรียงอย่างนี้ ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เปิดเผย สื่อมวลชนอยู่ต้องเปิดเผย ไม่มีความลับสำหรับผม วันนี้คิดกับประชาชนอย่างไร ก็อยากเห็นคนทั้งประเทศไม่ว่าอยู่ที่ไหน เลือกหรือไม่เลือกผม ก็อยากให้ทุกคนหายจน แต่เนื่องจากเวลาจำกัดก็ต้องไล่ลำดับกันไป แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำเหมือนกันหมดทั่วประเทศ”
       มีรายงานจากกระทรวงคมนาคมว่า งบประมาณซ่อมแซมถนนภาคใต้นั้น ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เดิมทีกระทรวงคมนาคมตั้งงบประมาณเอาไว้ แต่ถูกเขี่ยออก เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์นำงบไปรวมอยู่ใน พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลใช้เงินมือเติบ และจะนำงบประมาณปกติไปใช้ในนโยบายประชานิยมอื่นๆ สุดท้าย พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก ฉะนั้น ถนนสายใต้เป็นสายเดียวและยาว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก จึงเพิ่งจะได้รับการซ่อมแซมช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี่เอง
    ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คำพูดที่นายชวนพูดนั้นล้วนเป็นความจริง ไม่ใช่เป็นคำพูดที่แผ่นเสียงตกร่อง แต่เป็นแผ่นเสียงที่เป็นความจริง จึงไปบาดใจคนของพรรคเพื่อไทย จนอดทนกับความจริงนี้ไม่ได้ จึงเต้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ส่วนที่ระบุมีดโกนหมดมุก หวังจะเลียรองเท้าบูตนั้นก็ผิด เพราะนายชวนเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่นายทหารทุกเหล่าทัพให้การยอมรับและนับถือหลักการที่มีตลอด ส่วนการทำงานก็ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศมากมาย และทำในสิ่งที่ยั่งยืน เริ่มการกระจายอำนาจ โครงการเบี้ยยังชีพ ถนนสี่ช่องจราจร ปฏิรูปการศึกษาแบบครบวงจร รวมถึงริเริ่มใช้หลักประกันสุขภาพ โครงการนมโรงเรียน โครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา ส่งเสริมให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เป็นต้น
    รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงว่า การเลือกปฏิบัติต่อประชาชนในรัฐบาลของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ชัดเจนที่สุด ว่าวันที่ 31 ต.ค. 2548 เวลา 13.00 น. นายทักษิณกล่าวที่หอประชุมโรงเรียนบรรพตพิทยาคม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ว่า นครสวรรค์ได้มอบความไว้วางใจให้กับรัฐบาล โดยเลือก ส.ส.รัฐบาลทั้งจังหวัด แน่นอน อันนี้ตรงไปตรงมา ต้องได้สิทธิดูแลเป็นพิเศษ ไม่อ้อมค้อม จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ และยังพูดต่อว่าจังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง 
ขุด"ปลอด"ประจาน
    รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีการสร้างหอประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ก็เช่นกัน ที่วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2556 นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้พูดบนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยที่ใช้ชื่อเวทีว่า ”เพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย” เพื่อให้กลุ่มคนเสื้อแดงฟังในเรื่องการสร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ต ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีนโยบายและได้ดำเนินการเรื่องงบประมาณไว้แล้วว่า “วันหน้าจะสร้างแน่นอน เมื่อภูเก็ตเห็นความดีของพวกเรา เลือกคนของเรา วันนั้นจะทำให้ วันนี้ไม่มีอารมณ์จะทำ” นี้คือความจริง ประชาชนภาคใต้ทราบดีว่าถนนที่มุ่งไปสู่ภาคใต้โดนกีดกันจากคนในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์จากการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เป็นธรรม เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามา นายชวนจึงทำหนังสือถึงรัฐบาล จึงได้มีการจัดสรรงบประมาณไปทำให้ถนนดีขึ้น
    ส่วนนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่นายชวนพูดเป็นข้อเท็จจริง เรื่องไม่จริงนายชวนคงไม่พูดอยู่แล้ว ท่านชวนทราบเรื่องนี้เอง เพราะเมื่ออธิบดีคนดังกล่าวเกษียณอายุราชการ ก็ได้มาเล่าให้นายชวนฟัง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถนนภาคใต้ถึงไม่พัฒนาเลยเป็นเวลา 15 ปี 
    "คนท้องแก่ใกล้คลอดไปโรงพยาบาลก็ลำบาก ถือเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติกับประชาชน อีกทั้งยังเบียดเบียนข้าราชการ ถ้าเห็นคนไหนช่วยพรรคประชาธิปัตย์ก็เอาให้ตาย แต่ถ้าหากใครช่วยพรรคไทยรักไทย ช่วยพรรคเพื่อไทย ก็จะได้รับการส่งเสริม พฤติกรรมเช่นนี้ทำให้บ้านเมืองวิกฤติ เป็นการสร้างความแตกแยกในระดับผู้บริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากระบอบทักษิณสร้างขึ้นมา” นายวิรัตน์กล่าว  
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการบริหารของคสช.เกือบ 4 ปีที่ผ่านมาว่า ได้ความสงบเรียบร้อยในการหยุดยั้งสถานการณ์ ซึ่งก็เอาใจช่วยว่าจะทำอย่างไรในการวางรากฐาน ทำนโยบาย กติกาให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เหมือนที่เคยพูดไว้กับประชาชน แต่เวลาเหลือน้อยลง และที่ผ่านมา กลายเป็นว่านโยบายหลายเรื่องเป็นการทำเฉพาะหน้ามากกว่า เช่น เศรษฐกิจ 4 ปีที่ผ่านมาใช้เงินเกือบล้านล้านบาทในการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรอบ ไม่เก็บภาษีเพื่อให้คนไปซื้อของหรือลงทุน แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับไม่ไม่ได้ช่วยในเรื่องความเป็นอยู่ของคนส่วนใหญ่
เกษียณแล้วบวช
    ส่วนการปฏิรูปในแง่ของการเมืองที่น่าเป็นห่วงคือ ใช้รัฐธรรมนูญมาปีเศษ ปรากฏว่าหลักการหลายอย่างมีแต่ความสับสน ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือสถานะขององค์กรอิสระ จากปัญหาการทำกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรอิสระ การปลด กกต.และเพิกเฉยต่อมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน ทำให้ระบบการตรวจสอบถ่วงดุลอ่อนแอ
    นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการทำงานตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมาในการออกกฎหมายของ สนช.ด้วยว่า สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงความไม่รอบคอบของการทำกฎหมาย หลายเรื่องทำให้เห็นว่าคุณภาพของกฎหมายที่ออกมามีปัญหา หลายเรื่องสะท้อนให้เห็นว่าผู้เขียนกฎหมายไม่เข้าใจเงื่อนไขความเป็นจริงในสังคม จึงเป็นบทเรียนสำหรับ สนช.ว่าต้องรอบคอบและพิถีพิถัน ถ้าเขียนกฎหมายโดยเอาใจกลุ่มคนกลับไปกลับมาก็เกิดปัญหา แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ สนช.คิดว่าต้องรับผิดชอบกับ คสช. เนื่องจากมีที่มาจากคสช. จึงต้องตอบสนองสิ่งที่ คสช.ต้องการ และที่น่าเป็นห่วงคือ มีการออกกฎหมายเพิ่มอำนาจให้ราชการด้วย
    ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงแนวทางการจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน มณฑลทหารบก (ชป.กร.มทบ.) ว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง ถ้าตอนนี้ไม่ทำอะไรเลย บ้านเมืองก็จะทรุดลงไป เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะเป็นภารกิจสนับสนุนงานของประเทศ เป็นเรื่องที่กองทัพต้องทำอยู่แล้ว
    ถามถึงกระแสการตั้งพรรคการเมืองโดยโยงกับคนใน คสช. จะย้อนกลับมาทำให้ทหารอยู่ลำบากหรือไม่ ผบ.ทบ.ตอบว่า เท่าที่เห็นเป็นทหารเกษียณ ไม่มีใครสวมเครื่องแบบแล้วไปเล่นการเมือง บทบาทของตนก็เป็นไปในฐานะทหาร ไม่ไปยุ่งกับการเมือง เดินไปตามกรอบหน้าที่ รัฐบาลก็สั่งการในงาน กองทัพก็ไปสนับสนุน ส่วนคนนอกหรือคนที่อยากช่วยท่านนายกฯ ก็ว่ากันไป   
    ซักว่า คสช.ก็จะถูกวิจารณ์ว่ารัฐประหารมาเพื่อต่อยอดอำนาจ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ก็แล้วแต่คนคิด เมื่อนายกฯ ไปพูดนโยบาย ท่านก็ต้องทำ ขณะนี้จะเข้าสู่การเลือกตั้ง ก็เหมือนรัฐบาลรักษาการ การลงพื้นที่อาจถูกมองบ้าง แต่ทั้งหมดก็เพื่อการกินดีอยู่ดีของประชาชน ถ้าหยุดนิ่งไม่ทำเลย รอให้มีเลือกตั้ง ประเทศก็จมลงไปด้วย
     เมื่อถามว่า มีการมองว่าตั้งพรรคเพื่อต่อท่ออำนาจ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ตนไม่ทราบ ไม่มีความเห็น เมื่อกล่าวว่าจะซ้ำรอยเหมือนสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกต่อต้านหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวว่า ก็เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต ยืนยันเราไม่ได้เข้าไปยุ่งด้วย ทำงานตามกรอบหน้าที่ เกษียณแล้วก็อาจจะไปบวช.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"