9 ก.ค. 2563 นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ช่วง 5 เดือนปี 2563 (ม.ค.–พ.ค.) มีมูลค่ารวม 524,357 ล้านบาท ลดลง 9.71% แบ่งเป็นการส่งออก 305,725 ล้านบาท ลดลง 9.03% และการนำเข้า 218,632 ล้านบาท ลดลง 10.65% โดยเกินดุลการค้า 87,093 ล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ทำให้การค้าลดลง มาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้มีการปิดจุดผ่านแดนของไทยทั่วประเทศทั้งหมด จาก 97 จุด เหลือเพียง 28 จุด ทำให้การขายไม่คล่องตัว ส่งผลให้การค้าลดลง
ทั้งนี้ หากดูเฉพาะการค้าชายแดน พบว่า มาเลเซียยังเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 87,854 ล้านบาท ลดลง 32.43% รองลงมา คือ สปป.ลาว มูลค่า 77,172 ล้านบาท ลดลง 6.59% เมียนมา มูลค่า 73,740 ล้านบาท ลดลง 10.96% และกัมพูชา มูลค่า 70,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.20% โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ และแผงวงจรไฟฟ้า สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และสินค้าแร่และเชื้อเพลิงอื่นๆ เมียนมา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันดีเซล และปูนซีเมนต์ และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์ และรถยนต์นั่ง เป็นต้น
ส่วนการค้าผ่านแดน จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 90,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.74% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลไม้สด ยางพารา และเครื่องคอมพิวเตอร์ รองลงมา คือ สิงคโปร์ มูลค่า 36,102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.83% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องยนต์สันดาป เครื่องคอมพิวเตอร์ และแผงวงจรไฟฟ้า เวียดนาม มูลค่า 24,697 ล้านบาท ลดลง 26.71% โดยสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลไม้สดแช่เย็น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ และประเทศอื่นๆ มูลค่า 63,180 ล้านบาท ลดลง 16.85%
นายกีรติกล่าวว่า แนวโน้มการค้าชายแดนและผ่านแดนในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2563 น่าจะปรับตัวดีขึ้น เพราะเริ่มมีการคลายล็อกดาวน์ แต่ยังคงขึ้นอยู่กับการเปิดด่านการค้า เพราะไม่รู้ว่าจะเปิดได้ทั้ง 100% เมื่อไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 แต่ในส่วนของกรมฯ ได้เสนอไปยังรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาเปิดด่านเฉพาะสินค้า ซึ่งล่าสุดรัฐบาลได้ออกข้อกำหนดภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเปิดช่องทางเข้าออกด่านจุดผ่านแดนหรือจุดผ่อนปรนในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อการนำเข้าส่งออกสินค้าผ่านแดนได้ตามความจำเป็น และให้มีมาตรการป้องกันโรค เริ่ม 1 ก.ค.2563 ทำให้จนถึงวันที่ 7 ก.ค.2563 ได้มีการเปิดด่านเพิ่มแล้ว 12 จุด
โดยทั้ง 12 จุด ได้แก่ ไทย-มาเลเซีย จำนวน 4 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรด่านบ้านประกอบ จ.สงขลา จุดผ่านแดนถาวรด่านบูเก๊ะตา จ.นราธิวาส จุดผ่านแดนถาวรปาดังเบซาร์ จ.สงขลา จุดผ่านแดนถาวรด่านตากใบ จ.นราธิวาส ไทย-เมียนมา จำนวน 6 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสินขร จ.ประจวบคีรีขันธ์ จุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น จ.แม่ฮ่องสอน จุดผ่อนปรนการค้าบ้านห้วยผึ้ง จ.แม่ฮ่องสอน จุดผ่อนปรนการค้าบ้านแม่สามแสบ จ.แม่ฮ่องสอน จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) จ.กาญจนบุรี ไทย-สปป.ลาว จำนวน 1 จุด คือ จุดผ่อนปรนการค้าบ้านใหม่ชายแดน อ.สองแคว จ.น่าน และไทย-กัมพูชา จำนวน 1 จุด คือ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
“ปัจจุบันมีด่านที่เปิดแล้ว 37 จุด จากทั้งหมด 97 จุด โดยเป็นด่านถาวร 31 จุด จากทั้งหมด 42 จุด ด่านผ่อนปรนการค้าและท่องเที่ยว 4 จุด จาก 52 จุด ด่านผ่อนปรนพิเศษ 1 จุด และด่านชั่วคราว 1 จุด ถือว่ายังเปิดไม่มาก เมื่อเทียบกับด่านที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งกรมฯ จะผลักดันและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการเปิดด่านต่อไป โดยเฉพาะด่านถาวรที่เหลืออีก 11 ด่าน ซึ่งเป็นด่านติดกับเมียนมา และสปป.ลาว”นายกีรติกล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |