9 ก.ค.63 - นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความกล่าวถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่า ใครมีสิทธิ์เป็นนายกฯระหว่างหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าคณะก้าวหน้า ใครมีสิทธิเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า ประชาชนรู้ดี ตลกการเมืองเราเคยเห็นมากมาย แต่ตลกการเมืองเราเห็นอย่างแนบเนียนครานี้

หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นคนหนุ่ม อภิปรายดี มีคดีน้อย หน่วยก้านก้าวไกลตามชื่อ แต่ต้องสลัดปลดแอกตนเองออกจากหัวหน้าคณะก้าวหน้า ส่วนหัวหน้าคณะก้าวหน้าแม้จะเป็นนายทุน สูงโปร่ง ปากดี มีพลัง หวังสูงอยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่คดียาวเป็นหางว่าว แถมถูกตัดสิทธิทางการเมือง ยิ่งเข้ามายุ่งในกลเกมมีสิทธิ์อนาคตหมดเหมือนพรรคที่ล่มจมเพราะปากเป็นเหตุ มีภาพลักษณ์เป็นเจ้าของพรรคก้าวไกล ถ้าหัวหน้าพรรคก้าวไกลอยากเป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเองประกาศตัวนำพาพรรคให้เป็นอิสระ

การเดินเกมทั้งในและนอกสภาคือการเมืองแบบเก่า ตกยุคไม่ล้ำสมัยแล้ว อีกทั้งฝากความหวังการขับเคลื่อนจากหัวหน้าพรรคก้าวหน้าไม่ได้ แถมจะนำพาดึงพรรคให้ตกต่ำลงไปด้วย พิธามีสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่าธนาธร ดังนั้นรู้รักษาตัวรอด แล้วแสดงผลงานให้ประชาชนได้เห็น ช่วงชิงเกมในสภา แสดงความจงรักภักดีด้วยใจให้ผู้คนเชื่อว่าจะเป็นผู้นำในระบอกประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทิ้งธนาธร ปิยะบุตรและช่อฟ้า เสีย เพราะ 3 ท่านนี้เป็นแค่คณะตลกการเมืองรอเวลาลาโรงเท่านั้น แถมมีภาพลักษณ์ตรงข้ามต่อสถาบัน สร้างวาทกรรมรายวัน การทำการเมืองนอกสภาไม่จีรังยั่งยืนหรือเป็นที่พึ่งพาของประชาชนได้ 3 ปีมาแล้วมันพิสูจน์ตัวตนและผลงาน

จริงไหมน้องพิธา